Starting a Business

ถอด 2 บทเรียนธุรกิจจากสาวสุดฮอต Kylie Jenner


 




     แม้การเป็นหนึ่งในครอบครัว Kardashian จะเรียกเสียงซุบซิบให้กับ Kylie Jenner แต่เชื่อหรือไม่ว่าเธอเข้าใกล้การเป็นเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ความร่ำรวยนั้นไม่ได้มาจากกองมรดก และเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับผู้ประกอบการในการเรียนรู้โดยเฉพาะกับโลกยุคดิจิทัลที่กำลังเฟื่องฟูในปัจจุบัน เพราะบทเรียนที่จะได้นั้นมีประโยชน์มากกว่าเรื่องของแบรนด์ความงามหรือการเป็นเซเลบริตี้ของเธอ   
 
     
     บทเรียนที่ 1
: ความว่องไวคือสิ่งสำคัญที่สุด
     ทักษะหนึ่งที่สำคัญเพื่อการอยู่รอดในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วคือต้องมีความคล่องแคล่วและว่องไว โดยธุรกิจต่างๆ นั้นไม่ควรยึดติดและพึ่งพาอยู่กับการเป็นแบรนด์ที่ได้รับการรู้จักและยอมรับ ความสำเร็จในอดีตหรือการคาดการณ์เทรนด์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและจะต้องสามารถปรับตัวให้ได้อย่างรวดเร็วเพื่อใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงความต้องการของผู้บริโภค การดิสรัปชั่นของเทคโนโลยีและวิธีการใหม่ๆ ในการเข้าถึงลูกค้า ซึ่งแบรนด์เครื่องสำอางของ Kylie ถือเป็นตัวอย่างที่ดีว่าทำยังไงถึงจะคล่องตัวได้แม้จะเป็นหน้าใหม่ในวงการหรือเป็นบริษัทเล็กๆ ก็ตาม ถึงแม้ว่าจะมีรายได้หลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐต่อปี พนักงานของ Kylie Cosmetics ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นและยังสามารถที่จะปล่อยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่องโดยอิงกับรสนิยมและความชอบล่าสุดของลูกค้าได้อีกด้วย โดยมีโปรดักต์ที่วางจำหน่ายแล้วกว่า 290 ตัว อย่างไรก็ตาม ไม่จำเป็นที่ธุรกิจหนึ่งๆ ต้องมีโปรดักต์เป็นร้อยๆ อย่างและสิ่งที่ได้จากบทเรียนนี้คือธุรกิจต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการและความชอบของลูกค้าซึ่งสามารถทำได้จาก 2 ทาง ดังต่อไปนี้
 
               1. พึ่งพาการทำสัญญาเฉพาะด้าน
                   เครื่องสำอาง Kylie Cosmetics นั้นไม่มีการพัฒนาหรือผลิตสินค้าด้วยตัวเอง ทุกอย่างถูกจัดการโดยบริษัทชื่อ Seed Beauty ซึ่งเชี่ยวชาญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทำการผลิตและทำการตลาดได้อย่างรวดเร็ว ที่น่าทึ่งก็คือบริษัทใช้ระยะเวลาตั้งแต่การวางคอนเซปต์ไปจนถึงการวางขายเพียง 5 วันเท่านั้น และนี่เป็นสิ่งที่ธุรกิจควรนำไปปรับใช้เพราะทุกวันนี้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงบริษัทได้ทั่วโลกที่ให้บริการตั้งแต่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การผลิตไปจนถึงการขนส่งหรือโลจิสติกส์ ดังนั้นเรื่องบางเรื่องควรยกให้เป็นหน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญโดยทำการจ้างคนภายนอกเข้ามาดูแลเพื่อส่งมอบสินค้าและบริการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าที่จะลงมือทำเอง
 
               2. แบ่งการตัดสินใจให้ชัดเจน
                   หนึ่งในอุปสรรคใหญ่ที่ชะลอความคล่องตัวคือการมีผู้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจมากเกินไป ซึ่งการวางกรอบว่าใครมีหน้าที่ตัดสินใจเรื่องใดบ้างนับเป็นกลยุทธ์ที่ดี เช่นเดียวกับที่ทาง Kylie Cosmetics มอบการตัดสินใจในเรื่องต่างๆให้กับพาร์ทเนอร์ โดยทาง Seed Beauty จะดูแลและตัดสินใจในเรื่องของการทำวิจัย พัฒนา ผลิตและการจัดหา และ Shopify จะตัดสินใจในเรื่องที่เกี่ยวกับ E-commerce เทคโนโลยีและการบริการ Fulfillment ต่างๆ
 

     บทเรียนที่ 2: ไม่ทิ้งการติดต่อกับลูกค้า
     อีกปัจจัยสำคัญของการทำธุรกิจให้โตคือ การพูดคุยกับลูกค้าตัวจริงและลูกค้าที่เป้าหมายอย่างต่อเนื่อง โดย Jenner ติดต่อกับลูกค้าบ่อยๆผ่านทางช่องทางโซเชียลมีเดียของเธอ รวมถึงการไปออกร้านตามห้างต่างๆ ในสหรัฐอเมริกาเพื่อที่จะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าของแบรนด์ได้โดยตรง ดังนั้นการหาช่องทางในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าจึงเป็นเรื่องสำคัญไม่ว่าจะเป็นทางออนไลน์หรือออฟไลน์ก็ตาม นอกจากนี้เธอยังให้โอกาสลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการสร้างผลิตภัณฑ์ของแบรนด์อีกด้วย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งไอเดียที่ดีในการศึกษาและทำความเข้าใจถึงความต้องการและความชอบของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้นไม่ว่าลูกค้าของธุรกิจจะเป็นใคร สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องใส่ใจคือการทำให้ลูกค้าสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการทำสินค้าและบริการของแบรนด์ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้    
 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup