Starting a Business

Locker Board ธุรกิจมินิสเก็ตบอร์ดของเด็กวัย 13







     วัยรุ่นโดยมากอาจหมกมุ่นอยู่กับการเรียน เกม หรือการจีบสาว แต่สำหรับ คาร์สัน ครอปเฟิล นักเรียนเกรด 8 วัย 13 จากรัฐแคลิฟอร์เนีย หมวกอีกใบที่เขากำลังสวมคือการเป็นเจ้าของธุรกิจมินิสเก็ตบอร์ดมูลค่า 3.25 แสนล้านเหรียญหรือกว่า 10 ล้านบาท และหลังจากที่ไปออกรายการ “Shark Tank” ทางสถานีโทรทัศน์ช่องเอบีซีเมื่อปีที่แล้วเพื่อหาผู้สนับสนุนทุน เขาก็เลือกเซอร์ริชาร์ด แบรนสัน ผู้ก่อตั้งอาณาจักรเวอร์จิ้น กรุ๊ปมาร่วมทำธุรกิจมินิสเก็ตบอร์ดภายใต้แบรนด์ “Locker Board” เป็นสเก็ตบอร์ดรุ่นแรกของโลกที่สามารถเก็บในตู้เก็บของหรือล็อคเกอร์ หรือใส่ในกระเป๋าเป้ได้โดยไม่ต้องพับ นอกจากนั้นเขายังได้รับเลือกให้ร่วมงานกับแบรนด์ใหญ่อย่างไนกี้อีกด้วย  

     ชีวิตการเป็นผู้ประกอบการของเขาเริ่มต้นจากการแก้ปัญหาที่ตัวเองเผชิญ ย้อนกลับไปเดือนกย.ปี 2016 คาร์สันวัย 11 ปีอาศัยอยู่ที่ซานคลีเมนเต้ เมืองชายทะเลในออเรนจ์เคาตี้ รัฐแคลิฟอร์เนีย ก็เหมือนกับวัยรุ่นทั่วไปตามหัวเมืองที่อยู่ติดทะเลที่วัฒนธรรมการเล่นสเก็ตและการเล่นกีฬาโต้คลื่นจะหยั่งรากฝังลึก คาร์สันเองก็เป็นเด็กที่ชอบเล่นสเก็ตแต่ปัญหาที่เจอคือสเก็ตบอร์ดของเขาไม่สามารถเก็บในล็อคเกอร์ของโรงเรียนได้เนื่องจากมีขนาดใหญ่เกินไป

     คาร์สันตัดสินใจแก้ปัญหานี้ด้วยการทำสเก็ตบอร์ดขึ้นมาเอง โดยเขาและคีธผู้เป็นบิดาที่มีความรู้ด้านช่างไม้ได้ตระเวณไปตามร้านสเก็ตบอร์ดเพื่อรวบรวมแผ่นไม้ (deck) จากสเก็ตบอร์ดเก่าที่ไม่ใช้แล้วเพื่อนำมาดัดแปลงเป็นมินิสเก็ตบอร์ด คาร์สันลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้งกว่าจะได้สเก็ตบอร์ดย่อส่วนที่สามารถใช้งานได้ ประเด็นอยู่ที่การกำหนดขนาดที่เหมาะสมให้มีพื้นที่ในการวางเท้าโดยที่ยังสามารถไถสเก็ตไปได้ไม่ต่างจากสเก็ตบอร์ดขนาดปกติ

     มินิสเก็ตบอร์ดที่คาร์สันทำขึ้นนั้นสามารถใช้งานได้ดีโดยมีความยาวเพียง 17 นิ้ว เป็นขนาดที่เก็บในล็อคเกอร์ได้พอดี ต่างจากสเก็ตบอร์ดมาตรฐานที่มีความยาว 33 นิ้ว ตอนแรก นอกจากเล่นสเก็ตบอร์ด คาร์สันยังสนใจกีฬากระดานโต้คลื่นด้วย แต่การกีฬาประเภทนี้มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง คาร์สันต้องทำงานบ้านเพื่อแลกกับเงินที่พ่อกับแม่จะจ่ายให้เป็นค่าคอร์สฝึกเล่นกระดานโต้คลื่น ด้วยความที่ไม่ถนัดทำงานบ้าน เขาจึงเกิดความคิดผลิตมินิสเก็ตบอร์ดขายให้เพื่อนๆ ในโรงเรียน

     เขาเริ่มเสาะหาแผ่นไม้สเก็ตบอร์ดเก่าตามร้านต่างๆ อย่างจริงจัง แล้วนำมาผลิตเป็นมินิสเก็ตบอร์ดโดยใช้ชื่อแบรนด์ Locker Board โดยเขาจะหิ้ว Locker Board ไปโรงเรียนวันละ 5 อัน แล้วนำออกมาเสนอขายให้เพื่อนๆ ช่วงพักกลางวันในราคาอันละ 20 เหรียญ สร้างรายได้ให้ประมาณ 1,000 เหรียญ เพื่อรุกเข้าธุรกิจสเก็ตบอร์ดแบบเต็มตัว คาร์สันใช้เงิน 1,000 เหรียญนั้นลงทุนซื้ออุปกรณ์สำคัญเพิ่มได้แก่ ล้อและ truck ส่วนประกอบที่เป็นตัวกลางทำให้ล้อติดกับแผ่นไม้ 

     ในช่วงเวลานั้น ธุรกิจมินิสเก็ตบอร์ดได้กลายเป็นธุรกิจครอบครัวเมื่อทั้งบิดาและมารดาต่างเข้ามามีส่วนช่วย โดยทำเว็บไซต์เพื่อจำหน่าย Locker Board และนำไปวางขายที่ร้านค้าปลีกในชุมชนและตลาดนัด แม้จะเป็นธุรกิจเล็กๆ แต่ก็เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จระดับหนึ่งเพราะสามารถทำยอดขาย 100-150 อัน กระทั่งเขาได้คัดเลือกให้ไปออกรายการ Shark Tank ช่วงปลายปี 2017 โดยตั้งใจว่าหากมีนักลงทุนสนใจ เขาจะมอบหุ้น 15% ให้กับคนที่สนับสนุนเงินทุน 60,000 เหรียญแก่ธุรกิจเขา ผลคือกรรมการทั้งสามต่างสนใจลงทุนใน Locker Board แต่คาร์สันเลือกริชาร์ด แบรนสัน

     การได้แบรนสันมาอยู่ในทีมส่งผลให้ธุรกิจของคาร์สันมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 325,000 เหรียญ และเหตุผลที่แบรนสันเลือกลงทุนกับคาร์สันเพราะเขามองเห็นตัวเองในเด็กคนนี้ เขามองเห็นความกระตือรือร้นและการรักที่จะทำธุรกิจ แบรนสันยังกล่าวอีกว่าเป็นเรื่องวิเศษอย่างยิ่งที่ได้เห็นใครบางคนริเริ่มธุรกิจเพื่อทำให้ชีวิตคนอื่นดีขึ้น แถมยังเป็นการเริ่มตอนที่อายุยังน้อยมากอีกด้วย

     ปัจจุบัน Locker Board มีโรงงานผลิตสเก็ตบอร์ดเอง โดยใช้แผ่นไม้ที่มีตำหนิจากโรงงานอื่น จากนั้นนำมาผลิตเป็นมินิสเก็ตบอร์ด 4 รุ่นด้วยกัน ได้แก่รุ่น 24 นิ้ว ราคา 128 เหรียญ และรุ่น 17 นิ้ว ราคา 98-116 เหรียญ ทุกการขายสเก็ตบอร์ด 1 อัน คาร์สันจะบริจาค 1 เหรียญเข้า Ocean Unite กองทุนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่แบรนสันก่อตั้งขึ้น

     คาร์สันกล่าวว่าเขาจะจ้างโรงงานในจีนผลิตสเก็ตบอร์ดราคาถูกที่ทำจากพลาสติกก็ได้ แต่นั่นไม่ใช่เป้ามายของเขา สิ่งที่เขาต้องการคือการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อย่างยั่งยืนเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นที่มีความฝันได้ลงมือทำ นับตั้งแต่ออกรายการ Shark Tank ธุรกิจ Locker Board ก็เติบโตกว่า 300% และผลิตภัณฑ์ของคาร์สันจำหน่ายทั้งทางเว็บไซต์ของบริษะท ทางอเมซอน และร้านค้าปลีกท้องถิ่น

     ส่วนการร่วมงานกับไนกี้ จะเป็นด้านไหนนั้น คาร์สันกล่าวว่ายังไม่สามารถเปิดเผยได้ ปัจจุบัน คาร์สันยังคงไปโรงเรียน และเรียนแบบโฮมสกูลที่บ้าน พร้อมกับบริหารธุรกิจไปด้วย เป้าหมายของเขาคือการทำให้เด็กอเมริกันทุกคนใช้ Locker Board ความมุ่งมั่นนี้ไม่มีการชะลอเพราะเขาได้เรียนรู้แล้วจากบทเรียนสำคัญ 3 ประการว่า 1 ฉวยทุกโอกาส 2 อย่าท้อถอย และ 3 เชื่อมั่นในตัวเอง
 
     ที่มา : www.cnbc.com/2018/11/20/teen-founder-of-locker-board-has-investment-from-branson-nike-collab.html
 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup