Starting a Business

HOMHOM น้ำยาบ้วนปากแบบซอง ไอเดียสร้างธุรกิจจากสินค้าไซส์เล็ก

Text : Kritsana S. Photo : Vipa Vadi
 
 

 
Main Idea
 
  • ข้อดีของ สินค้าปริมาณน้อยบรรจุซอง (Sachet) ที่ใช้เพียงครั้งเดียว ราคาไม่แพง พกพาสะดวก จึงทำให้การตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น
 
  • เมื่อเห็นว่าน้ำยากบ้วนปากชนิดซอง ที่สามารถฉีกใช้ได้ง่าย ในไทยยังไม่มี พิริยะ เพชรายุธพร เลยชวน  ลีลาวดี สงวนปิยะพันธ์ มาสร้างแบรนด์ homhom ซึ่งเป็นน้ำยาบ้วนปากชนิดซองแบรนด์แรกของไทย
 



     สินค้าปริมาณน้อยบรรจุซอง (Sachet) ที่ใช้เพียงครั้งเดียว ถือเป็นกลยุทธ์การทำตลาดอย่างหนึ่ง เนื่องด้วยสามารถจำหน่ายในราคาไม่แพง แถมยังพกพาสะดวก ง่ายต่อการหยิบมาใช้ จึงทำให้การตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคง่ายขึ้น  

     เมื่อเห็นข้อดีของการทำสินค้าบรรจุซองไอเท็มที่พกติดกระเป๋าได้ แก้ว-พิริยะ เพชรายุธพร เลยชวน ลิลลี่-ลีลาวดี สงวนปิยะพันธ์ มาสร้างแบรนด์ homhom ที่มีสินค้าน่าพกน่าใช้อย่างน้ำยาบ้วนปากชนิดซอง ที่สามารถฉีกใช้ได้ง่ายๆ และดูชิกๆ สำหรับคนรุ่นใหม่ด้วยกัน
 
     “ก่อนทำแบรนด์ มีโอกาสเดินทางไปญี่ปุ่น และสังเกตเห็นว่าร้านอาหารแทบทุกร้านมีน้ำยาบ้วนปากให้บริการลูกค้าหลังรับประทานอาหารเสร็จ ความน่าสนใจของน้ำยาบ้วนปากที่ลูกค้าได้รับคือ เป็นชนิดซอง ง่ายต่อการพกและการใช้ เมื่อมองกลับมาที่บ้านเรา เห็นว่ายังไม่มีขายเลยชวนลิลลี่มาร่วมโปรเจกต์ ซึ่งเราเห็นตรงกันว่า สินค้าชนิดนี้ขายได้แน่นอน เพราะตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์เร่งรีบและอยากเพิ่มความมั่นใจให้ตนเอง” แก้วเล่า




     จุดเด่นของน้ำยาบ้วนปากชนิดซอง homhom อยู่ที่ 1.ออกแบบซองให้มีขนาดพอดีกับช่องปาก จึงสะดวกในการใช้ ขนาดซองเล็กกะทัดรัด จึงสะดวกในการพกพา 2.1 ซองบรรจุน้ำยาบ้วนปาก 10 มิลลิลิตร ซึ่งพอดีกับการใช้หนึ่งครั้ง และพกขึ้นเครื่องบินได้ เพราะไม่เกินปริมาณของเหลวที่กำหนด 3.รสชาติไม่เผ็ดและไม่อ่อนเกินไป ให้ความรู้สึกสดชื่นหลังบ้วน นอกจากนี้ กล่องกระดาษปิดล็อกได้ จึงไม่ต้องกังวลว่าซองน้ำยาบ้วนปากจะตกหล่นหาย อีกทั้งยังออกแบบลวดลายให้มีความน่ารัก น่าซื้อ น่าพก และมีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น เพื่อให้เชื่อมโยงกับที่มาของไอเดียสินค้า

     “ด้วยความที่น้ำยาบ้วนปากชนิดซองเป็นสินค้าใหม่สำหรับคนไทย การสร้างการรับรู้จึงเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากสื่อสารกับลูกค้าว่าสินค้าของเราคืออะไร เรายังแนะนำวิธีใช้ด้วยคำที่ง่ายต่อการทำความเข้าใจและการจดจำ นั่นคือ บีบ ฉีก บ้วน โดยบีบซองในตำแหน่งที่ระบุ เพื่อให้พลาสติกดึงตัว จากนั้นฉีกตามรอยปะ เทน้ำยาบ้วนปากใส่ปาก กลั้วปากประมาณ 30 วินาทีแล้วบ้วนทิ้งโดยไม่ต้องบ้วนน้ำเปล่าตาม” ลิลลี่เล่า

     แม้ homhom จะเพิ่งเปิดตัว และเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่มาพร้อมสินค้าใหม่ในท้องตลาด แต่ผลตอบรับที่ได้กลับเกินที่เจ้าของแบรนด์ทั้งสองคาดการณ์ไว้ ตอนนี้ homhom มีลูกค้า B2C อย่างกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ไม่อยากให้ความมั่นใจหดหายเพราะปัญหาเรื่องกลิ่นปาก และลูกค้า B2B อย่างร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์โอมากาเสะ โรงแรมบูติก สปา ร้านออร์แกนิกที่ฐานลูกค้าเป็นคนดูแลตัวเองทั้งภายในและภายนอก และร้านบิวตี้ โดยหวังเจาะกลุ่มวัยรุ่นและคนที่อยากเพิ่มความมั่นใจไปพร้อมๆ กับเพิ่มความสวย




     “กลยุทธ์ที่ใช้กับ homhom คือ Influencers ก่อนเปิดตัวแบรนด์ เราส่งสินค้าไปให้บล็อกเกอร์สายไลฟ์สไตล์ รวมถึงคนในวงการที่ต้องพบปะผู้คนอยู่เป็นประจำได้ทดลองใช้ และโพสต์เกี่ยวกับสินค้าพร้อมกันในวันเปิดตัว ผลที่ได้คือ การติดต่อเข้ามาของลูกค้า B2C และ B2B อีกกลยุทธ์คือ นำเสนอคอนเทนต์ที่เป็นเรื่องใกล้ตัวและเรื่องที่ลูกค้าอยากรู้ เช่น คอนเทนต์เรื่อง จูบมัดใจในคืนวาเลนไทน์ เพื่อให้เข้ากับเทศกาลแห่งความรัก หรือคอนเทนต์เกี่ยวกับไอเท็มที่ผู้หญิงต้องพกในกระเป๋า คอนเทนต์ประเภทนี้กระตุ้นให้คนอ่านอยากแชร์ต่อ เพราะอ่านแล้วสนุก ไม่เพียงเท่านี้ ยังเตรียม Join กับแบรนด์อื่น เช่น Join กับแบรนด์อาหารที่กำลังเป็นที่นิยม การ Join แบรนด์ส่งผลดีในแง่ของการย่นระยะเวลาในการทำให้แบรนด์เป็นรู้จักและการเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่” แก้วกล่าว

     ในส่วนแผนอนาคตของ homhom ลิลลี่บอกว่า เนื่องจากลูกค้ากว่า 70 เปอร์เซ็นต์เป็นผู้หญิงทั้งที่สินค้าใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เธอจึงตั้งใจออกแบบแพ็กเกจจิ้งให้ดูเท่ เพื่อให้หนุ่มๆ ไม่รู้สึกเคอะเขินเวลาพก เพิ่มรสชาติ และตีตลาดต่างประเทศ โดยเริ่มที่ประเทศเพื่อนบ้าน

     เห็นหรือยังว่า ความคิดสร้างสรรค์และความเชื่อมั่นเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้สินค้าใหม่ติดตลาด

     Facebook : homhomth
     Instagram : homhomofficial
     line : @homhomth
 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup