Starting a Business

เลือกหุ้นส่วนธุรกิจทางธุรกิจอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ

 


แปลและเรียบเรียง : เจษฏา ปุรินทวรกุล

    ความสัมพันธ์ของหุ้นส่วนทางธุรกิจ บางทีก็คล้ายๆ กับความสัมพันธ์ของคนรักที่เราต้องรู้จักอีกฝ่ายให้ดี เรียนรู้อุปนิสัยใจคอ แนวคิด ฯลฯ ก่อนจะตกลงปลงใจใช้ชีวิตร่วมกัน ซึ่งถ้าเราเลือกหุ้นส่วนในการทำธุรกิจได้ดี โอกาสในการประสบความสำเร็จย่อมสูงขึ้นตามไปด้วย แล้วเราจะเลือกหุ้นส่วนหรือพันธมิตรทางธุรกิจอย่างไร ไปพบกับคำตอบด้านล่างได้เลย

    1. มีนิสัยการทำงานคล้ายๆ กัน นี่คือเรื่องที่สำคัญมากๆ ของคนที่จะทำธุรกิจหรือร่วมหุ้นเงินเพื่อทำร้านค้าอะไรสักอย่างด้วยกัน ยกตัวอย่างให้เห็นภาพก็คือ ถ้าคุณเริ่มตื่นขึ้นมาทำงานตั้งแต่ 9 โมงเช้า เลิกงานเอาตอน 3 ทุ่ม แต่หุ้นส่วนสุดจี๊ดของคุณโผล่เข้ามาออฟฟิศตอนเที่ยง เดินไปเดินมาแล้วก็กลับบ้านไปตอน 5 โมงเย็น คุณจะรู้สึกอย่างไร ดังนั้น ต้องประเมินหรือเรียนรู้หุ้นส่วนก่อนว่าเขามีชั่วโมงการทำงาน ความรับผิดชอบ บริหารธุรกิจอยู่กี่แห่ง ก็จะช่วยลดปัญหาและทำให้เราไม่ต้องรู้สึกว่าหุ้นส่วนเอาเปรียบเรามากเกินไปได้

    2. มีสภาวะการเงินและอารมณ์ที่มั่นคง ถ้าคุณไม่กล้าถามเขาตรงๆ เพราะกลัวไปรุกล้ำความเป็นส่วนตัวมากเกินไป ก็ต้องแอบสืบเอาว่าเขามีหนี้สิน หรือมีสภาวะทางการเงินเป็นอย่างไร ถ้าเขามีสถานการณ์การเงินที่ไม่มั่นคง คุณอาจต้องพิจารณาให้รอบคอบมากๆ ส่วนเรื่องของอารมณ์ อาจต้องมีการพบปะเจรจากันหลายๆ ครั้ง เพื่อตรวจสอบว่าคนที่คุณกำลังจะเลือกมาเป็นหุ้นส่วนเป็นคนอย่างไร มีเหตุมีผล มีความคิด รอบคอบ ละเอียดอ่อน และเราสามารถร่วมงานกับเขา ทนเขาได้ แชร์ประสบการณ์หรือความคิดกับเขาได้มากน้อยขนาดไหน และสุดท้ายเขาสามารถเป็นตัวแทนบริษัทหรือเป็นผู้นำองค์กรได้หรือเปล่า ซึ่งคุณต้องหาวิธีตรวจสอบให้ได้ว่าเขาทนแรงกดดันเหล่านี้ได้จริงๆ ไม่ใช่ว่าเจอความกดดันนิดหน่อยก็เหวี่ยงวีนใส่พนักงานหรือลูกจ้าง แบบนี้คงไม่ไหวแน่ๆ
 


    3. มีทักษะเสริมที่น่าสนใจ จำไว้ว่าอย่าเลือกคนที่เหมือนกับคุณทุกอย่าง แต่พยายามค้นหาคนที่มีสิ่งที่แตกต่างจากคุณ เช่น คุณเก่งบัญชี หุ้นส่วนคุณอาจเก่งด้านบริหารระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อให้องค์กรมีความสามารถในหลายๆ ด้านให้มากที่สุด ยกตัวอย่างเช่นคู่หูระดับตำนานอย่าง มาริโอ้กับหลุยส์ หรือกัปตันเคิร์กกับสป็อค (จากภาพยนตร์เรื่อง Star Trek) ซึ่งมีความสามารถและทักษะขั้นเทพกันไปคนละด้านจึงช่วยเหลือเกื้อกูลเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับทีมได้อย่างลงตัว

    4. มีวิสัยทัศน์ที่คล้ายกัน ในช่วงต้น คุณอาจมีเส้นทางที่คล้ายกัน มองภาพไว้ใกล้เคียงกัน แต่ต้องพยายามทำให้แน่ใจให้ได้ว่าเมื่อร่วมทุนกันไปในระยะยาวแล้ว ภาพวาดที่เคยมองไว้จะยังเป็นเหมือนกันทั้งคู่ ไม่ใช่ว่าเคยตั้งเป้าว่าจะเป็นผู้ให้บริการอันดับ 1 แต่ท้ายที่สุดคนนึงมองว่าการบริการต้องมาก่อนเหมือนเคย แต่อีกคนกลับมองเรื่องผลกำไรเป็นหลัก ทำอย่างไรก็ได้ให้เงินเข้าบริษัทมากที่สุด สุดท้ายก็ต้อง say Good Bye กันไปคนละทาง ซึ่งเรื่องนี้ต้องระมัดระวังให้ดี
 

    5. ความไว้วางใจ ทุกความสัมพันธ์ที่ดีจะขึ้นอยู่บนพื้นฐานของความไว้วางใจ ถ้าคุณไม่สามารถไว้วางใจหุ้นส่วนได้เหมือนเพื่อนสมัยเด็ก หรือไม่สามารถมั่นใจในตัวเขาได้ ทางที่ดีก็อย่าร่วมหุ้นกับคนๆ นั้นเลย เพราะมันจะทำให้ธุรกิจของคุณเกิดความเสี่ยงขึ้นได้
   
    การสนทนากันระหว่างหุ้นส่วนทางธุรกิจ เพื่อทำความเข้าใจเรื่องการเงิน เป้าหมายทางธุรกิจ และความคาดหวังในอนาคตแบบเข้มข้น จริงจัง จะช่วยให้เราเข้าใจในตัวหุ้นส่วนมากขึ้น รับรู้ได้ว่าเขามีความจริงจังและมีมุมมองในการทำธุรกิจอย่างไร ซึ่งจะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกหุ้นส่วนได้ง่ายขึ้น 
    
    แปลและเรียบเรียงจาก Jason Lucash ผ่านทาง www.entrepreneur.com/
    Create by smethailandclub.com