Starting a Business

ธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ปิ่นโตอาหารสุนัขที่ระดมทุนได้มากกว่า 1,500 ล้านบาท

Text : Vim Viva
 


 
Main Idea
 
  • ปัจจุบันการเลี้ยงสุนัขได้รับความนิยมมากขึ้น ข้อมูลจากสมาคมผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์อเมริกันระบุปี 2017 ที่ผ่านมาค่าใช้จ่ายของเจ้าของสัตว์เลี้ยงนั้นสูงถึง 70,000 ล้านดอลลาร์ โดยร้อยละ 41.8 ใช้จ่ายไปกับค่าอาหารสัตว์
 
  • สุนัขก็ต้องการอาหารเพื่อสุภาพเช่นเดียวกับคน และอาหารที่ปรุงสดตามสั่งก็จะส่งผลดีต่อสุขภาพสุนัขแน่นอน ยิ่งเมื่อเห็นผลจากสุนัขของตนเองที่หายป่วย จากการได้ลองปรุงอาหารเอง เบรตต์ โพดอลสกี้ จึงมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ
 
  • The Farmer’s Dog  ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสุนัขแบบผูกปิ่นโต จึงเมื่อปี 2015 แถมยังสามารถระดมทุนจากนักลงทุนได้มากถึง 49 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อีกด้วย
 


     The Farmer’s Dog เป็น Startup จากนิวยอร์กผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสุนัขแบบผูกปิ่นโต ก่อตั้งเมื่อปี 2015 ธุรกิจเติบโตปีละ 500 เปอร์เซนต์ ทำรายได้เป็นตัวเลขสองหลัก และสามารถระดมทุนจากนักลงทุนได้มากถึง 49 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
 

     ผู้ริเริ่ม The Farmer’s Dog คือเบรตต์ โพดอลสกี้ ศิลปินหนุ่มวัย 31 ปีที่หาเลี้ยงชีพด้วยการเล่าเรื่องตลกแบบเดี่ยวไมโครโฟน (stand-up comedy) เบรตต์เลี้ยงสุนัขรอตไวเลอร์เพศเมียวัย 7 ขวบ 1 ตัวชื่อเจด้า
 

     เมื่อตอนที่เขาย้ายมาทำมาหากินที่แมนฮัตตันก็ได้พาเจด้ามาด้วย แต่สุนัขของเขาเกิดเจ็บป่วยมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เขาได้สรรหาอาหารสุนัขที่มีขายเกือบทุกแบรนด์ในตลาดมาปรนเปรอ แต่ก็ไม่ช่วยให้เจด้าดีขึ้น กระทั่งสัตวแพทย์แนะนำให้ลองปรุงอาหารเอง เบรตต์ไม่ลังเลที่จะลงมือ ผลคือสุนัขของเขาหายป่วย และกลับมามีสุขภาพดี บัดนั้น เบรตต์จึงมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ     
 

     เขาได้ศึกษาเรื่องนี้โดยหารือกับสัตวแพทย์ และนักโภชนาการด้านอาหารสัตว์ จากนั้นก็ชักชวนเพื่อนชื่อโจนาธาน รีเกฟ ลงขันกันคนละ 5,000 ดอลลาร์เปิดเว็บไซต์เพื่อจำหน่ายอาหารสุนัขปรุงตามสั่ง โดยตั้งเป้าว่าต้องการเปลี่ยนทัศนคติของเจ้าของสุนัขต่ออาหารสัตว์
 

     ช่วงที่เปิดบริการแรกๆ มีลูกค้าจำนวนหนึ่งติดต่อเข้ามา เบรตต์และโจนาธานได้เช่าครัวเพื่อใช้ปรุงอาหาร และจัดส่งถึงมือลูกค้าภายใน 18 ชั่วโมงหลังปรุงเสร็จ  เมื่อผลตอบรับดีมาก จำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สองหนุ่มหุ้นส่วนธุรกิจต้องเพิ่มปริมาณการผลิต เนื่องจากลงมือเพียง 2 คนตั้งแต่ซื้อวัตถุดิบ เข้าครัวปรุง แพ็ค และจัดส่งถึงบ้านลูกค้า
 




     การปรุงสดแบบวันต่อวันจึงทำให้พวกเขาเหน็ดเหนื่อยมาก แต่เสียงสะท้อนเชิงบวกจากลูกค้าทำให้เบรตต์เริ่มคิดถึงการระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจและจ้างพนักงานมาทำหน้าที่แทน จะได้เพิ่มพื้นที่บริการนอกเหนือจากเขตนิวยอร์กที่เดียว


     จากทุนก้อนแรกที่ระดมได้ และตามมาอีกหลายระลอก ทำให้ The Farmer’s Dog ได้ขยับขยายสมดังเจ้าของธุรกิจตั้งใจไว้ โดยปัจจุบัน The Farmer’s Dog เปิดสำนักงาน 2 แห่ง มีพนักงาน 50 กว่าคน และเซ็ตระบบที่เอื้อให้สามารถจัดส่งสินค้าไปทั่วสหรัฐฯได้ ที่ผ่านมา The Farmer’s Dog บริการลูกค้าใน 48 รัฐโดยจัดเสิร์ฟอาหารสุนัขไปแล้วเกินกว่า 10 ล้านถุง  
 

     ลูกค้าที่ต้องการใช้บริการเพียงเข้าไปลงทะเบียนที่เว็บไซต์บริษัท และกรอกรายละเอียดเกี่ยวกับสุนัขที่เลี้ยง เช่น สายพันธุ์ เพศ อายุ น้ำหนัก พฤติกรรม กิจกรรม อาหารที่ชอบ และภาวะทางกายหากมี จากนั้นผู้เชี่ยวชาญของบริษัทจะประเมินให้ว่าสุนัขของลูกค้าต้องการพลังงานวันละกี่แคลอรี พร้อมกับนำเสนอเมนูโดยมีโปรตีน 3 ชนิดให้เลือก ได้แก่ เนื้อวัว เนื้อหมู และไก่งวง อาหารจะปรุงสดใหม่ให้เหมาะสมกับสุนัขแต่ละตัว อุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการครบทั้งโปรตีน ผัก และน้ำมันปลา โดยใช้วัตถุดิบเกรดเดียวกับของมนุษย์
 

     อาหารที่ปรุงแล้วจะบรรจุในถุงพาสเจอไรส์ สำหรับลูกค้าที่อยู่ไกล The Farmer’s Dog จะทำการแช่แข็งและจัดส่งไปให้พร้อมน้ำแข็งแห้งที่ช่วยรักษาอุณหภูมิ อาหารแต่ละถุงจะติดสติกเกอร์ชื่อสุนัขไว้ให้ด้วย ป้องกันความสับสนในกรณีที่ลูกค้ามีสุนัขหลายตัว
 

     ส่วนอัตราค่าบริการนั้นจะแตกต่างขึ้นอยู่กับขนาดของสุนัข สำหรับสุนัขเล็กน้ำหนักไม่เกิน 10 ปอนด์ (4.5 กก.) ค่าอาหารจะอยู่ประมาณที่ 17-24 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 550-750 บาท ส่วนสุนัขโตน้ำหนัก 65 ปอนด์หรือราว 29 กก. ราคาอาหารขยับเป็น 31-63 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 1,000 -2,000 บาท แล้วแต่เมนู
 



     ทั้งนี้ The Farmer’s Dog ให้บริการในรูปแบบ subscription หรือการสมัครสมาชิกและกำหนดต้องสมัครต่อเนื่อง 2 สัปดาห์เป็นอย่างน้อย
 

     เบรตต์ให้สัมภาษณ์ว่าแต่ไหนแต่ไรมา อาหารสุนัขที่จำหน่ายตามท้องตลาดมักจำกัดแค่อาหารเม็ดหรืออาหารกระป๋อง แต่ความจริงแล้ว สุนัขก็ต้องการอาหารเพื่อสุภาพเช่นกัน The Farmer’s Dog จึงต้องการเปลี่ยนความคิดของเจ้าของสัตว์เลี้ยงให้ใส่ใจในเรื่องนี้มากขึ้น และไม่ต้องการให้มองเพียงว่าอาหารปรุงตามสั่งเป็นอาหารสำหรับสุนัขป่วยเท่านั้น แต่ยังเป็นอาหารที่สุนัขทั่วไปก็ควรบริโภคเพราะจะส่งผลดีต่อสุขภาพสุนัขแน่นอน
 

     สำหรับมุมมองต่อตลาดอาหารสุนัข ถือเป็นอีกธุรกิจที่มีศักยภาพเนื่องจากปัจจุบันสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะสุนัขได้รับความนิยมมากขึ้น และได้รับการปฏิบัติจากเจ้าของประหนึ่งเป็นสมาชิกครอบครัว ข้อมูลจากสมาคมผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์อเมริกันระบุปี 2017 ที่ผ่านมาค่าใช้จ่ายของเจ้าของสัตว์เลี้ยงนั้นสูงถึง 70,000 ล้านดอลลาร์ โดยร้อยละ 41.8 ใช้จ่ายไปกับค่าอาหารสัตว์
 

     การจับธุรกิจบริการอาหารสุนัขตามสั่งที่ฉีกแนวไปจากอาหารสำเร็จรูปทั่วไปจึงเป็นการสร้างความแตกต่าง นอกจากนั้นยังตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพของสัตว์เลี้ยงของลูกค้า มีรายงานว่าร้อยละ 56 ของสุนัขในสหรัฐฯ มีภาวะโรคอ้วน เจ้าของส่วนใหญ่ยินดีจ่ายเพื่อให้สุนัขของตนมีสุขภาพที่ดีขึ้น  เบรตต์เผยว่าเกือบครึ่งของจำนวนลูกค้าทั้งหมดต่ออายุสมาชิกหลังจากที่ใช้บริการไปแล้ว 12 เดือน และการใช้ระบบสมัครสมาชิกประจำกับธุรกิจอาหารสัตว์ถือว่าเหมาะสมมากเนื่องจากสุนัขจะกินอาหารเป็นเวลา ในปริมาณเดิมๆ ทำให้คำนวณการจัดส่งได้ง่าย 
 
 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup