Starting a Business

ช่างท๊อป ด๊อกอาร์ท พลิกคำดูถูกมาเป็นแรงผลักดันสู่นักตัดขนหมาแมวที่ฮอตยืนหนึ่งบนโลกออนไลน์

     หากคุณเคยเห็นช่างตัดขนหมาแมวที่ชอบอัดคลิปบนโลกออนไลน์ พูดคุยกับแมว กล่อมแมวดุให้ยอมอาบน้ำด้วยลีลาสุดแสนจะน่ารัก เขาคือ ‘ช่างท็อป ภาณุพงศ์ จงจิตร’ ที่มีผู้ติดตามรวมกันในทุกช่องทางเกิน 1 ล้าน ในเฟสบุ๊กมีผู้ติดตามเกือบ 9 แสนคน ในยูทูปเกือบ 2 แสนคน ยังไม่รับรวมกับใน Tikok นับว่าเป็นช่างอาบน้ำตัดขนหมาแมวที่ฮอตยืนหนึ่งบนโลกออนไลน์เลยก็ได้ว่า

     แต่กว่าจะมายืนอยู่ในจุดนี้ไม่ง่าย เขาเคยติดเที่ยว คิดเหล้าอย่างหนักจนทำร้านเจ๊งมาแล้ว 1 รอบ แต่การกลับมาครั้งใหม่นั้นปังกว่าเดิม กว่าจะเป็นช่างท็อป ด๊อกอาร์ทอย่างในปัจจุบันนั้นทำได้อย่างไร ถึงมีแฟนคลับมากมายทั่วประเทศขนาดนี้ เขาเปิดใจเล่าเรื่องราวให้ SME Startup ได้ฟังกัน


 
 
เริ่มต้นเส้นทางนักตัดขนหมาแมวมืออาชีพ 


     โดยช่างท็อปเป็นชาวนครศรีธรรมราช หลังจากเรียนจบ เขาหางานทำในจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นพนักงานในร้านสะดวกซื้อ ทำงานก่อสร้าง เป็นเด็กขนของ จนในที่สุดก็ตัดสินใจขึ้นไปหางานทำและเรียนไปด้วยในกรุงเทพฯ


     “ก่อนจะเริ่มตัดขนหมา หลังจากเรียนจบปวช. ผมก็หางานทำทั่วไป แล้วก็ตัดสินใจไปกรุงเทพฯ เพราะมันเริ่มไม่โอเค ตั้งใจว่าจะทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย เราก็หาสมัครงานทั่วไป ทั้งพนักงานร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า แต่เราทำไม่ได้เพราะเราไม่ชอบงานบริการที่อยู่กับคน ช่วงปีพ.ศ. 2547 ตอนนั้นมันมีร้านอาบน้ำหมา ตัดขนมาติดป้ายว่ารับสมัครงานอาบน้ำหมา ตอนนั้นแค่คิดว่า ง่ายๆ คิดแบบเด็กบ้านๆ ทั่วไป ด้วยความที่เราเป็นคนรักสัตว์ รักหมา รักแมว เราเลี้ยงอยู่แล้ว แต่พอเข้าไปทำงาน คนละเรื่อง เข้าไปที่ร้านจะเป็นห้องตัดขนหมาแมว ก็จะมีกลิ่นขนหมา กลิ่นขี้หมา เป็นกลิ่นที่เราไม่เคยชิน ตอนแรกก็กะว่าจะอยู่ไม่ได้ 1-2 วันแรก กะว่าทำสักเดือนหนึ่งพอ แต่ทำไปทำมา การที่เรารักสัตว์อยู่แล้ว มันเคยชินกับความน่ารักของหมาแมว ทดแทนกันได้ เลยทำให้เราชอบในอาชีพนี้” เขาเล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นในอาชีพอาบน้ำหมาแมว 


     หลังจากอาบน้ำหมาแมวไปได้สัก 2 ปี เขาเริ่มมองหาหนทางเติบโตในอาชีพด้วยการขอเจ้าของร้านเรียนตัดขน เนื่องจากเงินเดือนของพนักงานตัดขนสูงกว่าและน่าจะต่อยอดได้มากกว่า


     “ผมคิดว่าจะไม่ไปทำอาชีพอื่นแล้ว ตั้งมั่นตั้งแต่อายุ 18 เลยว่าอยากเป็นช่างตัดขนหมาแมว เจ้าของร้านก็ให้โอกาสในการเรียนตัดขน ตอนนั้นร้านที่ทำชื่อว่าร้านมาดามเล็ก เป็นผู้มีบุญคุณกับผมมาก เขาก็ฝึกผมไปเรื่อยๆ ตอนที่เราเรียนตัดขนก็คิดว่าง่ายอีก พอฝึกไปสักอาทิตย์ เดินไปบอกเจ้าร้านว่า ผมทำไม่ได้ละ ไม่อยากทำแล้ว แต่เจ้าของร้านก็ด่าว่า เอ็งไม่เชื่อเหรอ ว่าเขาจะสอนให้เอ็งเป็นให้ได้ จากนั้นผมก็เรียนไปเรื่อยๆ จนเป็นช่างตัดขนหมาแมว จนปลายปี 2550 เราก็กลับบ้าน มาเปิดร้านที่นครศรีธรรมราช”



 
 
วิกฤตชีวิต ติดเหล้า ติดเที่ยวจนร้านเจ๊ง


     หลังจากเปิดร้านได้ประมาณ 9 ปี จนถึงช่วงปีพ.ศ. 2559 ก็เกิดวิกฤตชีวิตกับช่างท็อป เพราะเขาติดเที่ยว ติดเหล้าอย่างหนัก ทำให้หมุนเงินไม่พอไปจ่ายค่าเช่าร้าน ทำให้ร้านตัดขนหมาแมวของเขาต้องปิดตัวลง 


     “คนทำร้านเจ๊งมาครั้งหนึ่ง เราเปิดร้านตั้งแต่ปลายปี 2550 จนถึงปี 2559 ผมปิดร้าน เจ๊ง ตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงตอนนั้น ผมกินเหล้าเยอะ เที่ยวเยอะ หาเงินได้ก็ไม่เหลือ ไม่มีเงินเสียค่าเช่า เราก็หมดทุกอย่าง หลังจากนั้นเราตัดสินใจเลิกเหล้า เลิกบุหรี่ เลิกเที่ยว คิดว่าจะกลับไปเป็นลูกจ้างเขาอีกครั้ง เลยไปหางานเกี่ยวกับตัดขนหมาแมว อยู่ที่หนึ่งได้ไม่นานก็ออกไปทำที่อื่น ด้วยความที่เราไม่ได้เป็นลูกจ้างใครมานาน บางทีเราก็อยู่กับเขาไม่ได้หรือเราก็อยากไปหาประสบการณ์ที่อื่น ประมาณ 2 ปี เราก็กลับมาเปิดร้านอีกรอบหนึ่ง”


 
 
ล้มแล้วลุกขึ้นใหม่
จนกลายเป็นนักตัดขนหมาแมวสุดฮอต 


     ใครจะไปคิดว่าจากคนที่เจอวิกฤตหนัก ชีวิตพัง ร้านเจ๊ง แล้วจะสามารถยืนขึ้นได้ใหม่แถมยังแข็งแกร่งกว่าเดิม โดยช่างท็อปเล่าว่าเขาตัดสินใจเปลี่ยนตัวเองใหม่ เลิกเหล้าเลิกบุหรี่ และกลับมาเปิดร้าน แต่ครั้งนี้เขาไม่ธรรมดา เพราะเขาอัดคลิปลงโซเชียลจนดังไปทั้งประเทศ


     “พอเราเลิกเหล้า เลิกบุหรี่ เรามีเวลาคิดเยอะขึ้น ก่อนหน้านี้เราไม่เคยสนใจเล่นโซเชียลเลย แฟนก็สมัครให้แต่ไม่เคยสนใจเข้าไปดู ช่วงแรกๆ เราก็แค่อัดคลิปส่งให้ลูกค้าดูเฉยๆ จุดเริ่มต้นมาจากว่าลูกค้าพาหมาแมวมาตัดขนแล้วเขาก็จะบอกว่า หมาแมวเขาไม่ดื้อ ไม่ซนนะ แต่พอมาอยู่ที่เรา เราก็ส่งพฤติกรรมให้เขาดูว่า ลูกคุณอ่ะดื้อ! ประมาณนั้น”




     จากที่เขาอัดคลิปเล่นๆ ส่งให้เจ้าของดู จนเขาตัดสินใจว่างั้นลองเอาคลิปหมาแมวพวกนี้ลงเฟสบุ๊กบ้างดีกว่า นี่คือจุดกำเนิดของคลิปอาบน้ำหมาแมวสุดไวรัล จนทำให้คนรู้จักเขาในฐานะ ช่างท็อป ด๊อกอาร์ท


     “ตอนนั้นคนก็เริ่มรู้จักเราแล้ว จนถึงคลิปหนึ่งที่เป็นไวรัลหนักๆ  มีอยู่วันหนึ่ง คือน้องลูกจันทร์ น้องมาอาบน้ำ เราก็อัดเล่นๆ กับโทรศัพท์เครื่องพันกว่าบาท เราก็คุยกับลูกจันทร์ว่าอาบน้ำไหม แมวขู่เราก็เอาความขู่เขามาจินตนาการให้เป็นเรื่องอื่น เอามาเป็นคำพูด ทั้งที่ตอนนั้นเครียด การทำหมาแมวดุ เป็นความเครียดของช่าง แต่ผมจะเอาความเครียดตรงนั้นมาเป็นเรื่องที่อย่าให้เครียด มาปลอบใจตัวเอง คนอื่นก็ดูแล้วมันเป็นความบันเทิงไป”



 
 
พลิกคำดูถูกเป็นแรงผลักดัน
สู่การเป็นช่างตัดขนที่ดีให้ได้ 


     แม้ว่าตอนนี้เขาจะกลายเป็นช่างตัดขนหมาแมวที่ฮอตที่สุดบนโลกออนไลน์ มีแฟนคลับมากมายที่อยากพาหมาแมวมาอาบน้ำกับช่างท็อปสักครั้ง แต่เขาเองก็เคยล้ม เคยโดนเพื่อนดูถูกว่าเรียนศิลปะมา ทำไมต้องมาตัดขนหมาแมว


     “ผมโดนคนดูถูกค่อนข้างเยอะ แต่ผมกลับชอบนะที่คนมาดูถูกผม เพราะเราจะแก้แค้นคำดูถูกด้วยการที่เราต้องทำให้ได้ เหมือนตอนเป็นเด็กอาบน้ำหมา เพื่อนรุ่นเดียวกัน จบศิลปะมา ก็พูดว่าทำไม ไม่เรียนศิลปะ ทำไมต้องมาอาบน้ำหมา ผมเถียงในใจ ไม่ได้พูดออกไปว่า กูจะเป็นช่างอาบน้ำหมาที่ดีให้ได้ และชีวิตผมจะคิดเป็นสเต็ปๆ ตอนไม่มีงานทำ ผมก็จะอยากเป็นเด็กอาบน้ำหมา ตอนเป็นคนอาบน้ำหมาก็ต้องอาบน้ำหมาให้ดีให้ได้ เป็นช่างตัดขน ก็ต้องเป็นช่างที่เก่ง ถ้ามาเปิดร้านก็ต้องทำให้ดี”
 
 
อีกหนึ่งบทเรียนสำคัญ เขาเรียนรู้มาจากความผิดพลาด หากไม่เคยล้มก็คงสำเร็จไม่ได้ 


     “ความผิดพลาด ที่เราเคยติดเหล้า เคยร้านเจ๊ง ทำให้เราลุกขึ้นสู้ ต้องขอบคุณความผิดพลาดตรงนั้น เพราะว่าถ้าไม่ได้ผิดพลาดหนักขนาดนั้น ผมคงยังคิดไม่ได้และอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ”


     โดยเขาได้ปิดท้ายว่า การทำอาชีพอาบน้ำตัดขนหมาแมวให้ประสบความสำเร็จได้นั้นต้องมีจิตใจเมตตาและความพยายามฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ


     “ผมว่าการอาบน้ำตัดขนหรือทุกอาชีพที่เกี่ยวกับสัตว์ ที่เขามีชีวิตจิตใจเหมือนเรา แค่เรามีเมตตาต่อเขา เราก็สามารถทำในอาชีพนี้ได้ ทักษะอื่นๆ ก็สามารถฝึกฝนและทำมันได้ กว่าที่จะเป็นช่างอาบน้ำตัดขน เราต้องอาศัยประสบการณ์ ต้องใช้เวลาในการอยู่กับมันนานมากๆ ถึงจะทำได้ดี”



www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup