Starting a Business

เด็กมหาลัยกำเงินหลักพันสร้างแบรนด์ลิปสติก บุกตลาด TikTok จนปัง สร้างยอดขาย 7 หลักต่อเดือน!

 

Text : Yuwadi.s


Main Idea

  • Valenta คือแบรนด์ลิปสติกตัวตึงใน TikTok ที่เริ่มต้นโดยเด็กมหาวิทยาลัย เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม ต้องดรอปเรียน ทำงานเก็บเงิน และใช้เงินเก็บ 5 พันบาทมาลงทุน ทำเองทุกอย่างตั้งแต่การทำกราฟิก ตัดต่อ คิดคอนเทนต์ ถ่ายรูปสินค้า
  • ใช้เวลา 1 ปี  Valenta ถูกขายไปแล้วกว่า 1.5 ล้านตลับ สร้างยอดขายกว่า 7 หลักต่อเดือน  และมีตัวแทนจำหน่าย 1,400 คนทั่วประเทศ 

 

     หากว่าคุณกำลังเจอกับความยากลำบากจนหมดหนทาง ลองดูเรื่องราวของเด็กสาวมหาวิทยาลัยคนหนึ่งที่ต้องดรอปเรียนชั่วคราวเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม ออกไปหางานทำ เก็บเงินได้หนึ่งก้อนและเอาเงินนั้นไปต่อยอดสู่แบรนด์ลิปสติกจนตอนนี้สามารถสร้างยอดขายต่อเดือนได้ถึง 7 หลัก มีตัวแทนร่วมพันคนทั่วประเทศ และนี่คือเมษา - เมษยา กวินบริกุล เจ้าของแบรนด์ Valenta ผู้ก่อตั้งลิปสติกตัวตึงใน TikTok

     โดยเมษาได้เล่าย้อนไปก่อนที่จะมาสร้างแบรนด์ลิปสติก ชีวิตเธอไม่เรียบง่ายเพราะต้องดรอปเรียนกลางคันเนื่องจากปัญหาการเงินและไปทำงานฟูลไทม์เพื่อหาเงินมาใช้จ่าย

     “ตอนช่วงที่เมย์อายุ 18 ปี ที่บ้านไม่ได้ส่งให้เรียนแล้ว เมย์คิดว่าก็จะกู้กยศ. น่าจะพออยู่ได้แต่มันมีอะไรมากกว่านั้น ค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก เมย์เลยต้องซิ่ว ดรอปเรียนไปหาเงิน เมย์ไปทำงานเป็นกราฟิกดีไซน์ สักพักประมาณ 2 ปีก็กลับมาเรียนใหม่และรับงานฟรีแลนซ์ทั่วไป เราเก็บเงินได้ประมาณ 5-6 พันบาท เลยเอาไปลงทุนทำแบรนด์เครื่องสำอางเป็นลิปสติก เราเห็นจากการยิงแอดโฆษณาว่าสามารถเริ่มต้นทำแบรนด์ด้วยเงิน 3,000 บาทได้ 100 ชิ้น ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะขายได้หรือยังไง เพราะถ้าขายไม่ได้จริงๆ ก็ขายเพื่อน แต่ไปๆ มาๆ คือมันไปได้ดี และกลุ่มลูกค้าเมย์เป็นเหมือนกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ราคาสินค้าค่อนข้างถูกเลยโตไวในตลาด จุดเด่นคือราคาและใช้ได้นาน ทำให้คนอยากลองเยอะ พอลองแล้วโอเคก็บอกกันปากต่อปาก”

     นอกจากนี้ที่เธอเลือกสร้างแบรนด์ลิปสติกเป็นเพราะ Passion ในการแต่งหน้าของเธอ ความได้เปรียบของการทำแบรนด์คือการที่เธอสามารถทำเองได้หมดทุกอย่างตั้งแต่การทำกราฟิก ตัดต่อ คิดคอนเทนต์ ถ่ายรูปสินค้า จนสามารถควบคุมต้นทุนในช่วงเริ่มต้นได้เป็นอย่างดี

     “เมย์เป็นคนชอบแต่งหน้า เรามี Passion เรื่องการแต่งหน้าเยอะมากๆ เมย์เคยฝืนไปทำพวกสกินแคร์ เซรั่ม สบู่ แต่รู้สึกว่าเราไม่มี Passion พอเขยิบมาเป็นเครื่องสำอาง มันมีพลังในการทำมากกว่า เลยมองหาโพรดักส์ที่ใช้ได้ครบๆ เช่น ทาตา ทาแก้ม ทาปาก เลยเป็นลิปมูส ช่วงเริ่มต้นเราใช้เงินเก็บจากการทำงานฟรีแลนซ์ และเราโชคดีตรงที่สามารถทำเองได้ทุกอย่าง เรามีซอฟท์สกิลติดตัว จนถึงวันนี้ที่ธุรกิจไปได้ดีก็เริ่มจ้างคนทำงานแล้ว”

     สำหรับการทำตลาดในช่วงแรก เธอเริ่มจากการบุกตลาดใน TikTok เจาะกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษาโดยเฉพาะ และกลายเป็นว่าสินค้าไปได้ดีจนเริ่มมีคนมาติดต่อขอเป็นตัวแทนจำหน่าย

     “ตอนแรกเรายังไม่มีเงินไปจ้างอินฟลูฯ เราก็ใช้วิธีการทำคลิปลงใน TikTok แบบง่ายๆ ถือโปรดักส์ โชว์ว่าสินค้ามีดียังไงและพอมีลูกค้าหรือคนที่ผ่านมาเห็นก็จะถามคำถามว่าดียังไง ใช้อะไรบ้าง เราก็เก็บข้อมูลตรงนั้นว่าจะทำคลิปแบบไหนที่คนจะชอบหรือว่าจะสนใจในสินค้าของเรา พอคนเริ่มซื้อเยอะก็เริ่มมีคนอยากมาขาย มาเป็นตัวแทนจำหน่าย”

     จากตอนแรกที่ขายเอง จนถึงจุดที่มีตัวแทนจำหน่ายหลักพันคนทั่วประเทศ ในตอนนี้ Valenta จึงจำหน่ายสินค้าผ่านตัวแทนเท่านั้น โดยเธอเล่าว่าในปัจจุบันสินค้าของเธอถูกขายไปแล้วประมาณ 1.5 ล้านตลับ และสร้างยอดขายกว่า 7 หลักต่อเดือนเลยทีเดียว

     “ตอนนี้เรามีตัวแทนจำหน่ายประมาณ 1,300 – 1,400 คนทั่วประเทศและมีส่งไปกัมพูชา ลาว กำลังการผลิตต่อเดือนล่าสุดอยู่ที่ 5 แสนตลับ แต่บางทีก็จะมีปัญหานิดหน่อย เช่น กระปุกมาไม่ทัน เราเลยลงเครื่องผลิตเอง ตอนนี้แบรนด์หลักไม่ได้ขายเอง เราเน้นขายผ่านตัวแทน แต่เมย์มองอีกมุมว่าอาจจะมีการแยกอีกไลน์สินค้าเพื่อขายเอง จะได้เติบโตขึ้น เพราะตอนนี้เรามีตัวแทนเยอะมาก ขายผ่านตัวแทนดีกว่า เรามีหน้าที่ซัพพอร์ตด้านการตลาดและทำตัวโปรดักส์ขึ้นมา”


“หัวใจการทำธุรกิจคือต้องทำในสิ่งที่เราชอบ เราจะมี Passion ในการทำ แม้ว่าจะมีวันที่เราหมดไฟหรือไปต่อไม่ได้                       แต่ถ้าเป็นสิ่งที่เราชอบ แม้เพียงจุดเล็กๆ ก็ยังจุดประกายให้เราไปต่อได้”


     โดยเมย์ได้เล่าเสริมว่าสิ่งที่ทำให้แบรนด์มีคนสนใจมาสมัครเป็นตัวแทนหลักพันคนทั่วประเทศนั้น นอกเหนือจากตัวสินค้าจะมีความน่ารัก น่าสนใจ ซื้อง่ายขายคล่องด้วยราคาที่จับต้องได้แล้วนั่นคือการดูแลตัวแทนและไม่หลอกขายฝัน

     “เรทราคาเริ่มต้นผ่านตัวแทนของเมย์ค่อนข้างถูก สามารถทำให้คนตัดสินใจมาขายด้วยได้ง่าย สมมติเปิดบิล 550 บาท ได้กำไร 240 บาท คนที่เป็นตัวแทนก็จะเป็นพวกนักเรียน นักศึกษาหรือพนักงานออฟฟิศที่อยากหารายได้เสริม แล้วเขาก็เห็นว่าเรามีสินค้าอะไร เราซัพพอร์ตอะไรเขาได้บ้าง มันขายได้จริง ไม่ได้ขายฝันหรือลูกโซ่ แล้วเราก็ไม่ได้มีโบนัสอะไรมากมาย แค่มีเงินให้ สมมติ ขายได้เท่านี้ มีโบนัสเงินสดเท่านี้ ผลผระโยชน์ที่ได้ก็มาจากตัวสินค้า ลงเท่านี้ ได้เท่านี้ มันเห็นภาพชัด”

     ปัจจุบันเมย์อายุ 21 ปีและกำลังเรียนเอกภาษาอังกฤษ แม้ว่าเธอจะประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจตั้งแต่อายุยังน้อยแต่ก็ยังคงไม่ทิ้งการเรียน โดยเธอมองว่าในอนาคตจะเรียนต่อด้านบริหารเพื่อนำมาใช้กับการทำธุรกิจของเธอด้วย เมย์ได้ปิดท้ายถึงหัวใจสำคัญที่ทำให้เธอมาถึงจุดนี้ได้

     “เราผ่านการทำงานมาเยอะ กว่าจะถึงจุดนี้อะไรที่ได้เงินในตอนนั้นเรารับทำหมดเลยเพื่อให้พอมีเงิน ตอนแรกเราไม่มีบ้าน ต้องไปขออยู่บ้านเพื่อน ความยากลำบากมันเหมือนกดดันเรา มี 2 ทางเลือกคือถ้าไม่เละเทะ ประชดชีวิตไปเลยก็คือต้องทำยังไงก็ได้ให้ตัวเองประสบความสำเร็จ เมย์มองแบบนั้น มันบังคับให้เราต้องกระตือรือร้น ส่วนหัวใจการทำธุรกิจคือต้องทำในสิ่งที่เราชอบ เราจะมี Passion ในการทำ แม้ว่าจะมีวันที่เราหมดไฟหรือไปต่อไม่ได้ แต่ถ้าเป็นสิ่งที่เราชอบ แม้เพียงจุดเล็กๆ ก็ยังจุดประกายให้เราไปต่อได้”

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup