Starting a Business

Olipop โซดาพรีไบโอติกส์ เปลี่ยนเงินลงทุนแสนดอลลาร์ ให้เป็นรายได้ 20 ล้านดอลลาร์ต่อเดือนได้อย่างไร

 

     คนส่วนใหญ่ตื่นขึ้นมากลางดึกเมื่อได้ยินเสียงข้างนอกหรือฝันร้าย แต่ในเวลาตี 3 เบน กู๊ดวิน กลับตื่นขึ้นมาเพราะเขาคิดถึงน้ำอัดลม

     เบน กู๊ดวิน เป็นซีอีโอและผู้พัฒนาสูตรของ Olipop โซดาพรีไบโอติกส์ที่ "ดีต่อสุขภาพ" ซึ่งคาดว่าจะมียอดขายทะลุ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในสิ้นปีนี้

     เขาและผู้ร่วมก่อตั้ง เดวิด เลสเตอร์ เปิดตัว Olipop ในปี 2018 โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่จะ “ช่วยให้การกินอาหารดีต่อสุขภาพมากขึ้น โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม” กู๊ดวิน บอกเช่นนั้น  

     ในปีแรกของการดำเนินธุรกิจ Olipop สร้างรายได้รวม 852,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากการขายผ่านร้านขายของชำ 40 แห่งในแคลิฟอร์เนียตอนเหนือ โดยที่กู๊ดวินและเลสเตอร์ เป็นผู้บรรจุและส่งมอบกระป๋อง Olipop ด้วยตัวเอง  

     นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Olipop ก็เติบโตเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมทั่วประเทศและเป็นที่ชื่นชอบในหมู่ผู้บริโภค Gen Z และมิลเลนเนียล โดยนอกจากจะหลงใหลในบรรจุภัณฑ์ที่สะดุดตาแล้ว ยังมีรสชาติที่ชวนให้หวนคิดถึงรูทเบียร์และโคล่าวินเทจอีกด้วย

     อันที่จริงรสชาติของ Olipop อาจจะเหมือนๆ กับรสชาติโซดาแบรนด์อื่นทั่วไป แต่ที่โดดเด่นคือส่วนผสม กล่าวคือโซดายอดนิยมหลายแบรนด์จะมีน้ำตาลประมาณ 39 กรัมต่อกระป๋อง แต่ Olipop ลดจำนวนลงเหลือ 2-5 กรัมเท่านั้น ขณะเดียวกันก็ให้ไฟเบอร์ถึง 9 กรัม ที่สำคัญคือมีพรีไบโอติกส์

     ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ยอดขายของ Olipop จะสอดคล้องกับความสนใจในเรื่องสุขภาพลำไส้ของผู้คน โดยระหว่างเดือนธันวาคม 2022 ถึงมกราคม 2023 อันเนื่องจากแฮชแท็ก #guttok บน TikTok ที่มียอดดูทะลุ 700 ล้านครั้ง ทำให้การค้นหา "Olipop" ใน Google พุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย และส่งผลให้ภายใน 6 ดือนแรกของปี 2023 Olipop สามารถทำรายได้รวมทะลุ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ   

     นี่คือวิธีที่กู๊ดวินและเลสเตอร์ เปลี่ยนการลงทุน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ให้เป็นธุรกิจที่สามารถขายโซดามูลค่า 20 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน

เริ่มต้นด้วยการออกมหาวิทยาลัย

     กู๊ดวิน และ เลสเตอร์ พบกันที่ทางแยกในชีวิต เมื่อแต่ละคนสูญเสียอาชีพการงาน

     ในปี 2005 กู๊ดวิน ลาออกจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานตาครูซ ซึ่งเขาศึกษาด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม เพื่อช่วยเพื่อนคนหนึ่งก่อตั้งบริษัทคอมบูชา

     “ผมรู้ว่าถ้าเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว ก็จะต้องแบกรับภาระหนี้สินไม่น้อย และจริงๆ แล้ว เมื่อได้อ่านหนังสือของผู้ก่อตั้ง Clif Bar ทำให้รู้ได้ว่าเราสามารถเป็นผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มได้” กู๊ดวิน กล่าว  

     ทั้งนี้ การได้มีโอกาสเรียนรู้วิธีชงคอมบูชาได้จุดประกายความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับสุขภาพของลำไส้ รวมถึงผลไม้ สมุนไพร และส่วนผสมอื่นๆ ของกู๊ดวินเป็นอย่างมาก

     การศึกษาหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าลำไส้มีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพโดยรวม ต่อสู้กับเชื้อโรค ผลิตวิตามินเค และอาจส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันและสุขภาพหัวใจได้

     อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นกู๊ดวินก็ได้ลาออกจากบริษัทคอมบูชาในปี 2008 โดยมีความตั้งใจที่จะสร้างสรรค์เครื่องดื่มของตัวเองขึ้นมา ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่อร่อยและดีต่อสุขภาพลำไส้  

     “เราโตมากับการดื่มโซดา ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มอเมริกันที่แพร่หลายมากที่สุดตลอดกาล หากต้องการสร้างผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่สามารถเข้าถึงได้และสามารถเจาะตลาดได้ในจำนวนมากก็ต้องเป็นโซดา”

     กู๊ดวิน ใช้เวลา 4 ปีถัดไปในห้องทดลองชั่วคราวที่เขาสร้างขึ้นในสวนหลังบ้านของเพื่อนร่วมกับ Jim Ilehder นักจุลชีววิทยาที่เขาจ้างมาช่วย ในขณะที่เขาก็ต้องทำงานฟรีแลนซ์หลายงานเพื่อนำเงินที่หามาไปใช้ในการทำการทดลอง

     ภายในปี 2012 กู๊ดวินก็ได้โซดาในฝันของเขา ในเวลาเดียวกันเลสเตอร์ผู้ที่อยู่ห่างออกไป 6,000 ไมล์ ก็ได้ลาออกจากงานของบริษัทที่ Diageo ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายใหญ่ และตัดสินใจย้ายมาซานฟรานซิสโกเพื่อเป็นผู้ประกอบการเต็มตัว

ก่อน Olipop ก็มี Obi

     “ผมรู้ว่าเบนกำลังมองหาหุ้นส่วนทางธุรกิจ และคิดว่าเราสองคนจะทำงานร่วมกันได้ดี” เลสเตอร์กล่าว

     พวกเขาตกลงที่จะพบกันที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในปาโลอัลโตเมื่อต้นปี 2013 เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือที่เป็นไปได้ใน Obi ซึ่งเป็นบริษัทโซดาโพรไบโอติกของกู๊ดวิน

     สองสัปดาห์หลังจากการพบกันครั้งแรก พวกเขาก็กลายเป็นหุ้นส่วนกัน อย่างไรก็ตาม Obi ไม่ประสบความสำเร็จ ตามความคาดหวังไว้ และในปี 2016 พวกเขากก็ขาย Obi ออกไป แต่ทั้งเลสเตอร์และกู๊ดวินต่างเห็นพ้องต้องกันว่าพวกเขายังต้องการทำงานร่วมกันต่อไปอีก

     หลังจากนั้นกู๊ดวินกลับไปทำงานในห้องแล็บ ซึ่งเป็นห้องที่เขาสร้างขึ้นในบ้านซานตาครูซ คราวนี้มุ่งเน้นไปที่พรีไบโอติกส์กับโพรไบโอติกส์ ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ได้รับแรงหนุนจากงานวิจัยใหม่เกี่ยวกับประโยชน์ของพรีไบโอติกส์ต่อลำไส้ โดยช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ดีในลำไส้  

 

เติบโตไม่หยุด

     ในปี 2018 กู๊ดวิน ได้พัฒนาสูตรใหม่สำหรับ Olipop ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างสมุนไพร ไฟเบอร์จากพืช และพรีไบโอติกส์ และอื่นๆ  

     ทั้งคู่รวบรวมเงินได้ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่พวกเขาได้รับจากการขาย Obi เพื่อมาผลิต Olipop  

     เมื่อต้นปี 2019 Olipop ได้เปิดตัวในสามรสชาติ ได้แก่ ขิงมะนาว สตรอเบอร์รี่วานิลลา และโคล่าซินนามอน ในร้านขายอาหารเพื่อสุขภาพ 40 แห่งในแคลิฟอร์เนียตอนเหนือ ในปีเดียวกันนั้นเอง พวกเขามีรายได้ทะลุ 850,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ  และขยายการจัดจำหน่ายไปยังผู้ค้าปลีกระดับประเทศ เช่น Target และ Walmart

     กู๊ดวินและเลสเตอร์ ระดมทุนได้ 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในรอบการระดมทุนเริ่มต้นในปี 2019 เพื่อผลิตสินค้า ขยายการขายปลีก ทำการตลาด และจ้างพนักงานใหม่

     ยิ่ง Olipop ได้รับความนิยมมากขึ้นเท่าไร กู๊ดวินก็มีเวลาที่จะอยู่ในห้องแล็บของเขามากขึ้น เพื่อสร้างสรรค์รสชาติใหม่ๆ  โดยระหว่างปี 2022- 2023 เขาพัฒนารสชาติต่างๆ เช่น ทรอปิคัลพันช์ และมะนาวแตงโม เป็นต้น

     ปี 2022 เป็นปีที่ยิ่งใหญ่สำหรับ Olipop โดยเริ่มต้นด้วยการระดมทุนรอบ Series B ซึ่งระดมทุนได้ 39.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีคนดังอย่าง Gwyneth Paltrow, Mindy Kaling และ Jonas Brothers (Joe, Nick และ Kevin) ร่วมลงทุนด้วย และเมื่อสิ้นสุดปีรายรับรวมของ Olipop ก็อยู่ที่ 73.4 ล้านดอลลาร์

     จากการขายในร้านค้าเพียง 40 แห่ง ขยายมาเป็นมากกว่า 23,000 แห่ง และมีแผนที่จะขายในร้านค้ารวม 30,000 แห่งภายในสิ้นปีนี้  สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคือในปี 2023 คือ Olipop มียอดขายอย่างน้อย 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อเดือน

     สำหรับกู๊ดวินช่วงเวลาในอาชีพที่เหนือจริงที่สุดเกิดขึ้นเมื่อต้นปีนี้ เมื่อ Olipop โค่น A&W ซึ่งให้เป็นรูทเบียร์ที่ขายดีที่สุดในสหรัฐอเมริกาได้

 

ที่มา :
-https://www.cnbc.com/2023/09/16/how-olipops-founders-turned-100k-investment-into-healthier-soda-brand.html?&qsearchterm=OLIPOP
-Photo: Instagram @drinkolipop

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup