ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ทำให้ต้องเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวให้ทันต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคสมัยใหม่อยู่ตลอดเวลา รวมถึงกระแส FinTech ที่จะตอบสนองความสะดวกสบายด้านการเงิน โดยแนวโน้มของ FinTech ที่ผู้ประกอบการควรเตรียมพร้อม และต้องจับตาดูเป็นพิเศษก็คือ 

     1. ชำระเงินได้หลายสกุลเงิน

     เวลาเราไปเที่ยวต่างประเทศ แล้วเจอสิ่งของที่น่าสนใจ แต่ไม่อยากรูดบัตรเครดิต บัตรเครดิตเกินวงเงิน หาบู๊ธแลกเงินไม่ได้ ไม่อยากใช้บัตร ATM กดเงินจากธนาคารต่างประเทศ รวมถึงปัญหาต่างๆ อีกมากมาย ทั้งหมดนี้กำลังจะหมดไปเพราะ FinTech ในปี พ.ศ.2561 กำลังจะพัฒนาระบบการชำระเงิน Multi-Currency Digital Wallets เพื่อรองรับสกุลเงินที่หลากหลายขึ้นมาตอบสนองความสะดวกสบายให้กับผู้ซื้อและผู้ขาย

     ในปัจจุบันจำนวนผู้ใช้งาน Digital Wallets ทั่วโลก มีปริมาณสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะนอกจากจะทำให้สามารถทำธุรกรรมได้ง่าย รวดเร็ว และมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นแล้ว ยังทำให้ไม่ต้องพกกระเป๋าสตางค์และใส่เงินไปในจำนวนที่มากเกินความจำเป็น ที่สำคัญหากมองในแง่ของการตลาดแล้ว Digital Wallets มีผลดีต่อผู้ประกอบการอย่างมาก เพราะสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลผู้ซื้อไปวิเคราะห์และปรับกลยุทธ์ด้านการตลาดให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้นได้อีกด้วย

     2. ใช้ระบบ Biometrics เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
   
     ด้วยปริมาณการใช้งานการชำระเงินผ่านแอพพลิเคชันและระบบดิจิทัลที่สูงขึ้น การคำนึงถึงความปลอดภัยด้านการใช้งานย่อมสูงขึ้นตามไปด้วย เพราะมีข่าวเกี่ยวกับการแฮกข้อมูลจากผู้ร้ายที่เป็นบุคคลเพียงคนเดียวและระดับองค์กรที่ทำกันเป็นขบวนการข้ามชาติ ทำให้ระบบ Biometrics กำลังจะเข้ามาขจัดความกังวลของผู้ใช้งาน Digital Wallets โดย Biometrics ก็คือการใช้ข้อมูลทางชีวภาพ เช่น ตรวจลายนิ้วมือ เสียง ม่านตา ใบหน้า ฯลฯ ซึ่งจะช่วยยกระดับความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้น     

     3. Initial Coin Offerings (ICO)

     สำหรับเรื่องนี้ต้องเริ่มจาก Cryptocurrency ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัล เช่น บิตคอยน์ (BTC) กับ Ethereum (ETH) โดยเงินดิจิทัลเหล่านี้สามารถนำมาใช้ระดมทุนให้กับผู้ประกอบการได้แบบเดียวกับ CrowdFunding หากแต่เปลี่ยนเป็น Initial Coin Offerings (ICO) แทน ทำให้ธุรกิจใหม่มีโอกาสเริ่มต้นได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันเรื่องนี้ยังไม่มีกฎหมายออกมารองรับทำให้ผู้ที่สนใจการระดมทุนและเก็งกำไรต้องศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนการลงทุน

     4. ที่ปรึกษาด้านการเงินด้วยระบบอัจฉริยะ

     ในปี พ.ศ.2561 คงไม่มีใครสามารถต่อกรกับที่ปรึกษาด้านการเงินที่พร้อมให้คำแนะนำเราตลอด 24 ชั่วโมง โดยข้อมูลที่ได้จะอ้างอิงกับกฎหมาย และอัลกอริทึมทางคณิตศาสตร์ที่ถูกต้อง รวมถึงระบบ Robo-Advisor สมองกลที่จะเข้ามาช่วยผู้ประกอบการให้สามารถลงทุนได้แบบอัตโนมัติ เช่น จัดการพอร์ตการลงทุนของเรา จัดสรรเงิน ทำการซื้อ-ขายให้เราเสร็จสรรพ ฯลฯ ซึ่งในปัจจุบันนี้ Robo-Advisor นั้นเป็นซอฟต์แวร์ที่มีอยู่แล้ว แต่ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีนี้จะเข้ามามีส่วนช่วย และมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมการเงินโลกได้อย่างชัดเจน


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี