![](https://www.smethailandclub.com/upload/startup/image/1597043364.png)
Tech Startup
Telemedicine เมื่อหมอต้องรอคนไข้ ความจำเป็นที่มาถูกเวลาของ Doctor Raksa
![](https://www.smethailandclub.com/upload/startup/image/1597043364.png)
![](https://www.smethailandclub.com/images/image/1597043186.png)
Main Idea
- ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาเป็นเดือนที่มียอดผู้ใช้บริการแอปฯ Doctor Raksa สูงสุด คือโตถึง 300 เปอร์เซ็นต์ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นแนวโน้มเติบโตของ Telemedicine ในอนาคต
- ปิยดา ดลเฉลิมพรรค จะมาบอกเล่าถึงเทรนด์ Telemedicine และการมาที่ถูกจังหวะเวลาของ Doctor Raksa
![](https://www.smethailandclub.com/images/image/1597043219.png)
Doctor Raksa เป็นแอปพลิเคชันที่ใช้เทคโนโลยีแพทย์ทางไกล หรือ Telemedicine มาช่วยให้ผู้ป่วยได้ปรึกษาและรับบริการทางการแพทย์ได้ทุกที่ทุกเวลา จึงเป็นธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์ที่คนหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาตัวเองด้านสุขภาพเป็นอย่างมาก
ธุรกิจที่เติบโตสวนกระแส
“ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาเป็นเดือนที่มียอดผู้ใช้บริการแอปฯ Doctor Raksa สูงสุด เราโตประมาณ 300 เปอร์เซ็นต์” ปิยดา ดลเฉลิมพรรค ประธานฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ดอกเตอร์ รักษา จำกัด ยืนยันถึงการเติบโตของ Doctor Raksa ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนอกจากจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังสามารถเปิดตลาดเข้าไปยังกลุ่ม Gen X ได้อีกด้วย
“ก่อนหน้านี้ผู้ที่มาใช้บริการกับ Doctor Raksa ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่ม Gen Y และ Gen Z แต่ช่วงที่ผ่านมามีกลุ่มผู้ที่มาใช้บริการเพิ่มมากขึ้นคือกลุ่ม Gen X ซึ่งมีอายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป อีกสิ่งที่น่าสนใจคือ Gen Y หรือคนอายุ 30-40 ปีที่มาใช้บริการนั้น ไม่ได้เข้ามาเพื่อปรึกษาหมอให้กับตัวเอง แต่เป็นการปรึกษาให้พ่อแม่ที่ป่วยด้วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน นั่นก็เพราะว่าเขาไม่อยากไปโรงพยาบาล ลูกที่เป็นห่วงพ่อแม่ก็มาปรึกษาหมอมากขึ้น 10-20 เปอร์เซ็นต์”
![](https://www.smethailandclub.com/images/image/1597043280.png)
ตัวเลขจำนวนผู้มาใช้บริการนี้สะท้อนให้เห็นว่า เทรนด์การใช้ Telemedicine ในอนาคตจะเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน โดยปิยดาเชื่อว่า จากที่หลายคนเคยมีคำถามในหัวว่า การพบกับหมอในลักษณะออนไลน์นี้ทำได้หรือไม่ หมอจะวินิจฉัยผ่านออนไลน์ได้หรือไม่ แต่เมื่อได้เริ่มเข้ามาใช้บริการ Doctor Raksa ก็จะพบว่า สามารถใช้งานได้ง่ายๆ และปรึกษากับหมอได้จริง
สถานการณ์เปลี่ยนพฤติกรรม
“ต้องยอมรับโควิด-19 เป็นตัวผลักให้พฤติกรรมของคนไทยเปลี่ยนไป จริงๆ Telemedicine เป็นเรื่องที่หลายคนพอจะรู้อยู่แล้ว แต่คิดว่าไม่จำเป็น ทีนี้พอเกิดโควิด-19 เราเห็นคนไทยเปลี่ยนพฤติกรรมหลายๆ อย่าง คนไทยตื่นตัวเรื่องการหลีกเลี่ยงการติดเชื้อมากขึ้น การรักษาความสะอาด การล้างมือ กลายเป็นวิถีปกติไป
เราเห็นการเปลี่ยนแปลงอีกอย่างหนึ่งว่าเมื่อก่อนเอะอะอะไรต้องไปโรงพยาบาล ไปคลินิก ต้องไปให้หมอตรวจ เดี๋ยวนี้น้อยลงถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากไปโรงพยาบาล บางคนเป็นเบาหวาน ความดัน ถ้าไม่มีอาการกำเริบหรืออะไร ขอไม่ไปดีกว่า ให้ลูกหลานไปเอายาแล้วกลับมาที่บ้านแทน”
ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ที่ปิยดา และ จาเรน ซีว ได้นำ Telemedicine มาใช้บนแอปฯ Doctor Raksa ด้วยการเป็นตัวเชื่อมผู้ป่วยให้ได้พบหมอได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน จากการเห็น Pain Point ที่ผู้ป่วยต้องรอพบหมอเพื่อทำการตรวจโรคและรับฟังคำวินิจฉัยจากหมอที่โรงพยาบาล จึงพัฒนา Doctor Raksa ขึ้นมาในฐานะผู้บริโภค ซึ่งทำให้เข้าใจความต้องการของผู้ป่วยดีว่าต้องการอะไร ดังนั้น สิ่งที่ทำให้ Doctor Raksa มีความแตกต่างจากแอปฯ ในลักษณะเดียวกันคือ การให้แพทย์เป็นฝ่ายรอผู้ป่วย แทนการให้ผู้ป่วยรอพบแพทย์เหมือนโรงพยาบาลทั่วไป
![](https://www.smethailandclub.com/images/image/1597043305.png)
เมื่อหมอต้องรอคนไข้
“เราพัฒนา Doctor Raksa ในมุมมองของผู้ใช้งาน เรามองว่า ในฝั่งผู้ป่วยเขาไม่อยากรอ จะทำอย่างไรให้หมอมารอคนไข้ ซึ่งด้วยความเข้าใจในมุมมองของผู้ใช้งานจึงทำให้ Doctor Raksa ตอบโจทย์ผู้ป่วยได้ดีกว่า โดยเราจะคิดค่าปรึกษา 200 บาทต่อ 15 นาที คุณหมอจะเขียนใบสั่งยาให้ไปซื้อยาเอง ถ้าสมมติคุยกัน 15 นาทีแล้วเป็นโรคที่ไม่สามารถวินิจฉัยผ่านออนไลน์ได้ คุณหมอก็จะแนะนำให้ไปโรงพยาบาล”
ปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนกับ Doctor Raksa ถึง 400,000-500,000 คน มีจำนวนแพทย์มากกว่า 800 คน โดยในจำนวนนี้จะมีแพทย์มาประจำในออนไลน์เพื่อรอผู้ป่วยอยู่ในเวลาปกติประมาณ 100 คน และมีผู้เข้ารับการปรึกษาทาง การแพทย์จาก Doctor Raksa ไปแล้วป็นจำนวนมากกว่า 1 แสนครั้ง โดยโรค 3 อันดับแรกที่มีผู้เข้ามารับคำปรึกษาสูงสุด ได้แก่ 1.โรคผิวหนัง โรคทั่วไป 2.โรคเด็กทั่วไป 3.จิตเวช
อย่างไรก็ตาม แม้ในช่วงโควิด-19 กราฟการใช้บริการของ Doctor Raksa จะพุ่งสูงขึ้น และมีแนวโน้มที่การบริการ เทคโนโลยี Telemedicine นี้จะเติบโตมากยิ่งขึ้น แต่ปิยดายังเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจในช่วงวิกฤตที่คนไม่อยากออกจากบ้าน จึงเปิดอีกหนึ่งบริการใหม่ นั่นคือบริการการขายยาและสินค้าด้านเวชภัณฑ์ดิลิเวอรี เพื่อให้บริการผู้ป่วยที่มีปัญหาในการเดินทางในช่วงโควิด-19 ซึ่งจะมียาสามัญประจำบ้าน เวชภัณฑ์ โดยจะจัดส่งให้ภายใน 1 ชั่วโมงในเขตกรุงเทพฯ
![](https://www.smethailandclub.com/images/image/1597043339.png)
ปิยดาบอกด้วยว่า จากสถานการณ์โควิด-19 สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้คือ ความเข้าใจพฤติกรรม ลูกค้าเก่ามีพฤติกรรมอะไรเปลี่ยนแปลงไป ลูกค้าใหม่ที่จะเข้ามาเป็นคนประเภทไหน ต้องการอะไร จากนั้นต้องมองหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการนั้น
“ข้อมูลที่มีช่วยเราได้เยอะในการที่จะคาดการณ์ว่าเทรนด์ต่อไปคืออะไร เช่น สมมติลูกค้าใหม่ที่เข้ามาเป็นกลุ่มเบาหวานเรื้อรัง ซึ่งที่เขาต้องการต่อไปคือ เรื่อง Digital Device ต่างๆ เช่น Apple ออก Smart Watch ที่สามารถเก็บข้อมูลสุขภาพเราก็ต้องพัฒนาซอฟต์แวร์เราขึ้นมาเพื่อรองรับดึงข้อมูลให้หมอวินิจฉัยได้ ขณะเดียวกัน Telemedicine จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ทั้งกับคนที่ให้บริการและตัวผู้ป่วยเอง เพราะไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปหาหมอก็รับฟังผลวินิจฉัยได้เร็วขึ้น แถมได้เว้นระยะห่าง ไม่ต้องเดินทางไกลให้เสี่ยงติดเชื้อโควิดอีกด้วย แม้ Telemedicine จะยังใหม่แต่เชื่อว่าคนไทยจะค่อยๆ ปรับตัวให้คุ้นเคยกับเทคโนโลยีนี้ได้ในอนาคต” ปิยดากล่าวในตอนท้าย
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup