Tech Startup

ส่องฟาร์มวานิลลาไฮเทคแห่งแรกในมาเลฯ ที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ปลูกง่าย ได้ผลตอบแทน 12 ล้านบาทต่อปี

Text: Vim Viva






     หากพูดถึงพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ดีมากที่สุด หนึ่งในนั้นคงต้องมี “วานิลลา” รวมอยู่ด้วยเนื่องจากเป็นพืชที่ใช้แต่งกลิ่นซึ่งมีราคาสูง ฝักวานิลลาเมื่อนำไปตากแห้งสามารถขายได้กิโลกรัมหลายพันบาทจนถึงนับหมื่นบาทก็มี  ความนิยมใช้วานิลลาอย่างแพร่หลายทำให้วานิลากลายเป็นพืชสร้างรายได้ให้เกษตรกรได้เป็นอย่างดี


     วานิลลาเป็นพืชในตระกูลเดียวกับกล้วยไม้ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการเติบโตคือเขตร้อนชื้น หรือสามารถปลูกได้ในพื้นที่มีความสูงไม่เกิน 600 เมตรจากระดับน้ำทะเล วานิลลาที่ได้ชื่อว่าคุณภาพดีจะมาจากมาดากัสการ์ ประเทศที่เป็นเกาะในมหาสมุทรอินเดีย อย่างไรก็ตาม หลายพื้นที่ทั่วโลกก็ปลูกวานิลลาเช่นกัน หนึ่งในนั้นคือมาเลเซียที่เพิ่งพัฒนาการปลูกวานิลลาแบบสมาร์ตฟาร์มโดยใช้เทคโนโลยีทางการเกษตร 4.0 เข้ามาช่วย





     สมาร์ตฟาร์มดังกล่าวซึ่งอยู่ในปีนังเกิดจากไครอส แอกริคัลเจอร์ (Kairos Agriculture) Startup มาเลเซียที่มองเห็นว่าวานิลลากำลังกลายเป็นเทรนด์ล่าสุดในอุตสาหกรรมการเกษตร โดยปี 2018 ที่ผ่านมา วานิลลาเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้สูงถึง 6,000 ล้านริงกิจหรือราว 45,000 ล้านบาท


     เอสรา ตัน คูน ฮอค กรรมการผู้อำนวยการไครอส ผู้ริเริ่มการปลูกวานิลลาด้วยเทคโนโลยีการเกษตร 4.0 และได้รับการบันทึกจาก Malaysia Book of Records (MBR)ว่าเป็นสมาร์ตฟาร์มที่ปลูกวานิลลาแห่งแรกของมาเลเซียเปิดเผยว่าทางฟาร์มได้ปลูกวานิลลายอดนิยมของโลก 2 สายพันธุ์ได้แก่ Vanilla Planifolia และ Vanilla Tahitensis ผลผลิตของบริษัทได้รับการตรวจสอบโดยบริษัทญี่ปุ่นและผ่านพรบ.ความปลอดภัยด้านอาหารของญี่ปุ่นเรียบร้อย ล่าสุด ไครอสได้แนะนำวานิลลาสกัดซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปลูกและสกัดในมาเลเซียเข้าสู่ตลาดเป็นครั้งแรก        





     ทั้งนี้ ฟาร์มไครอสตั้งอยู่บนพื้นที่ 6 เอเคอร์ (ราว 15 ไร่) ซึ่งเป็นพื้นที่เช่าจากรัฐบาล นอกจากเป็นฟาร์มออร์แกนิกปลอดเคมี นำเศษพืชผักมาหมักเป็นปุ๋ยบำรุงดิน ผลิตน้ำหมักจุลินทรีย์อีเอ็มโดยเก็บผลไม้และเปลือกผลไม้ที่เป็นขยะจากตลาดสด ยัง เป็นฟาร์มวานิลลาแห่งแรกที่ใช้เทคโนโลยี 4.0 เข้ามาช่วย อาทิ บิ๊กดาต้า ปัญญาประดิษฐ์ (AI)  การสั่งงานด้วยระบบอินเตอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์ทุกชนิด (IoT) แมชชีนเลิร์นนิ่ง และโดรน เมื่อความชื้นในอากาศต่ำหรืออากาศร้อน ระบบรดน้ำจะทำงานอัตโนมัติ


     เนื่องจากวานิลลาต้องการการดูแลสูง การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้การเติบโตเป็นไปในทิศทางที่ต้องการ ปัจจุบันฟาร์มไครอสมีวานิลลามากกว่า 1,000 ต้น ไครอสกำลังเพิ่มจำนวนวานิลลาให้ถึง 8,000 ต้น และพร้อมเก็บเกี่ยวในระยะเวลา 3 ปี





     เอสรา ตัน คูน ฮอค ผู้บริหารไครอสเผยอีกว่าก่อนหน้านั้นบริษัทได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเซนส์ มาเลเซียในการทำวิจัยเกี่ยวกับอัตราการเติบโตของต้นวานิลลาที่อากาศและสิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลอย่างมาก ตันกล่าวว่าเทคโนโลยี 4.0 ที่นำมาใช้ในการทำฟาร์มวานิลลาจะสร้างผลตอบแทนราว 1.5 ล้านริงกิตหรือประมาณ 11-12 ล้านบาทต่อปี


     ผู้บริหารฟาร์มไครอสวางแผนจะส่งออกวานิลลาไปยังญี่ปุ่น หลังจากที่ผลผลิตของบริษัทได้รับการตรวจสอบโดยบริษัทญี่ปุ่นและผ่านพรบ.ความปลอดภัยด้านอาหารของญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกัน ไครอสยังมีแผนจะร่วมกับพันธมิตรอีกหลายรายในอุตสาหกรรมพัฒนาการปลูกวานิลลาโดยใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์





     นอกจากวานิลลาซึ่งเป็นพืชหลักที่ปลูก ทางฟาร์มยังปลูกพืชทำเงินอื่น ๆ อาทิ สมุนไพรและเครื่องเทศ ล่าสุด ไครอสได้เปิดคาเฟ่วานิลลา นอกจากบริการอาหารและเครื่องดื่มยังใช้เป็นสถานที่ประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ อาทิ เบเกอรี่ที่ใช้วานิลลาสะกัดจากฟาร์ม เป็นการเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้มีโอกาสทดสอบ และซื้อผลิตภัณฑ์กลับไป


     ไม่เท่านั้น ไครอสยังเตรียมตั้งศูนย์อบรมผู้ประกอบการโดยเน้นการพัฒนาธุรกิจเกี่ยวกับการเกษตร เป้าหมายเพื่อเปิดโอกาสในการสร้างงานให้กับคนหนุ่มสาวในปีนัง และต้องการให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมการเกษตรโดยผ่านการทำการเกษตรแบบสมาร์ตฟาร์มมิ่ง ปัจจุบัน ฟาร์มไครอสได้รับการสนับสนุนจากทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ โดยเฉพาะภาครัฐที่ประกาศเพิ่มพื้นที่อีก 4 เอเคอร์ (ราว 10 ไร่) เพื่อใช้ในการเพาะปลูกวานิลลา

 
อ้างอิง
https://vulcanpost.com/738573/kairos-agriculture-penang-smart-vanilla-farm/


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup