ล้วงสูตรลับ More Meat เนื้อจากพืชสัญชาติไทย โตทุกปี เปิดบริษัทที่สิงคโปร์ได้ ทั้งที่มีสินค้าเพียงแค่ 1 ตัว
Text : จีราวัฒน์ คงแก้ว
มอร์มีท (More Meat) คือฟู้ดเทคสัญชาติไทย ผู้พัฒนานวัตกรรมเนื้อสัตว์จากพืช ที่โลดแล่นอยู่ในสนามมาประมาณ 3 ปี (ก่อตั้งเมื่อปี 2562) โดยมีสินค้าเพียงแค่ 1 ตัว คือเนื้อหมูบดที่ทำมาจากเห็ดแครงและถั่วเหลืองเป็นส่วนผสมหลัก แต่ธุรกิจกลับโตขึ้นทุกปีท่ามกลางคู่แข่งขันที่เพิ่มขึ้น เนื้อหอมจนมีบริษัททั้งไทยและต่างชาติมาร่วมลงทุน ได้เป็น Strategic Partner กับแบรนด์ใหญ่ ล่าสุดยังได้จดทะเบียนบริษัทที่สิงคโปร์เป็นที่เรียบร้อย
ทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ แต่เป็นการเดินเกมอย่างมีกลยุทธ์
Plant Based Meat ที่ถูกขับเคลื่อนด้วยแพสชัน
มอร์มีท เป็นธุรกิจที่เริ่มต้นจาก 3 พี่น้อง ธนโชติวรพงศ์ พวกเขาไม่มีใครเรียนจบมาทางด้านอาหาร แต่เรียนกันมาคนละสาย ทั้งวิศวะ ดีไซน์ และภาษา การเข้ามาทำธุรกิจจึงไม่ได้มาจากฐานของความเป็นธุรกิจ (Business–based) แต่เกิดจากแพสชัน (Passion–based) ที่มีในตัวล้วนๆ
“เราเป็นธุรกิจครอบครัว 3 พี่น้อง ที่ต่างคนต่างเรียนมาตามความสนใจ โดยไม่มีใครเรียบจบทางด้านอาหารเลย จึงเป็นเรื่องของแพชชันล้วนๆ เราอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงในสังคม ในโลก เลยเกิดเป็นธุรกิจนี้”
วรกันต์ ธนโชติวรพงศ์ Co-Founder มอร์มีท (More Meat) บริษัท มอร์ฟู้ดส์อินโนเทค จำกัด บอกเล่าจุดเริ่มต้นของแบรนด์มอร์มีท ที่เริ่มจากการเป็นผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์แพลนต์เบสจากต่างประเทศมาจำหน่ายในประเทศไทย เมื่อประมาณปี 2560-2561 ก่อนผันตัวมาเป็นผู้ผลิตแพลนต์เบสสัญชาติไทยแท้ในปี 2562 หลังเห็น Pain Point ว่าสินค้านำเข้ามีโซเดียมสูง ทั้งยังนำมาแปรรูปเป็นอาหารไทยลำบาก เนื่องจากส่วนใหญ่เน้นทำเป็นไส้กรอกหรือแผ่นเบอร์เกอร์ไม่ตรงกับจริตคนไทย
“ตอนนั้นเราเริ่มขายออนไลน์ และร้านอาหารทั่วไป แล้วมีคุณป้าคุณยาย ทักเฟซบุ๊กเข้ามาว่า เขาอยากจะซื้อพวก Beyond Burger ไปทำกะเพราสักชิ้นหนึ่ง อยากรู้ว่าสามารถเอาไปผัดกะเพราได้ไหม แล้วป้าเป็นโรคไตอยู่สามารถทานได้ไหม ซึ่งเราดูข้อมูลโภชนาการแล้วก็พอรู้ว่าสินค้าเหล่านี้มีโซเดียมสูง ไม่เหมาะกับคุณป้า เลยเห็น Pain Point หลายๆ อย่าง รวมถึงการนำมาใช้ที่ยังไม่ค่อยเหมาะกับอาหารไทยเท่าไร ที่สำคัญในเมืองไทยยังไม่มีใครทำ ฉะนั้นคงต้องเป็นเราแล้วล่ะที่จะเริ่มก่อน” เขาบอกจุดเริ่มต้นของการเดินสู่ถนนสายแพลนต์เบส
ใช้ R&D–based สร้างจุดแข็งและต่อยอดแบรนด์
นอกจากทำธุรกิจด้วยแพสชัน กลยุทธ์หลักของมอร์มีทคือการใช้ R&D ขับเคลื่อนธุรกิจ โดยไม่ได้มองคู่แข่งขัน แต่เน้นฟังเสียงผู้บริโภคเป็นสำคัญ
“จริงๆ แล้วเราแทบจะไม่ได้เปลี่ยนกลยุทธ์เลยตั้งแต่ทำธุรกิจมา เราทำสินค้าโดยที่ไม่ได้มองว่าคู่แข่งจะออกอะไร เพราะว่าเราเป็นทีม R&D เราเป็น R&D–based เราผลิตสินค้าโดยการฟังเสียงผู้บริโภคเป็นหลัก และพัฒนาสินค้าที่ออกมาตอบโจทย์เขา โดยไม่ได้ไปดูว่าตลาดเขาทำอะไรกันอยู่ อย่างเช่น ถ้าคู่แข่งทำเป็นเบอร์เกอร์ออกมา เราก็ไม่ได้จะไปทำเบอร์เกอร์แข่งกับเขา แต่เราจะให้ R&D ของเราพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคจริงๆ” เขาบอกกลยุทธ์
การทำธุรกิจโดยที่มีฐานจาก R&D จะดีกว่าการทำธุรกิจแบบอื่นอย่างไร วรกันต์ บอกเราว่า สิ่งที่จะได้คือทีม R&D จะมีความเข้าใจกรรมวิธีการผลิต และสามารถสร้างสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้าขึ้นมาได้จริงๆ ซึ่งนั่นเป็นหัวใจของการทำธุรกิจอาหาร
“ในการทำสินค้าออกมานั้น เรารู้อยู่แล้วว่ากลุ่มผู้บริโภคของเราคือใคร ฉะนั้นการทำสินค้าขึ้นมาสักหนึ่งตัว จึงไม่ใช่ว่าเราจะใช้การนั่งเทียนขึ้นมา แต่เราต้องทำวิจัยตลาด วิจัยผู้บริโภคก่อน ว่าสินค้านั้นมาตอบโจทย์ผู้บริโภคจริง หรือไม่ เขาสามารถทานได้ทุกวันไหม หรือในเรื่องการกำหนดคุณค่าทางโภชนาการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโซเดียม ค่าโปรตีน หรือลดการใช้ส่วนผสมที่เป็นของเทียม ไม่ใส่พวกวัตถุปรุงแต่งอาหาร อะไรพวกนี้ นี่คือสิ่งที่เรามองและให้ความสำคัญ เพื่อทำสินค้าของเราให้ตอบโจทย์ที่สุด สำหรับเรา ผู้บริโภคเป็นเหมือนคนในครอบครัว เราอยากให้คนในครอบครัวกินอาหารของเราได้ทุกวันอย่างสบายใจ” เขาบอกแนวคิด
เติบโตต่อเนื่องแม้จะมีสินค้าเพียง 1 ตัว
ตลอด 3 ปีที่ผ่านมามอร์มีทเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉพาะปี 2563-2564 ยอดขายของพวกเขาโตขึ้นถึง 150 เปอร์เซ็นต์ ท่ามกลางผู้เล่นในตลาดที่มากขึ้น และทางเลือกของผู้บริโภคที่รักแพลนต์เบสก็เพิ่มขึ้นเท่าทวี แต่เชื่อหรือไม่ว่าพวกเขายังเติบโตได้ ยังมีสาวกสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่มีสินค้าเพียงแค่ 1 ตัวเท่านั้น
“จนถึงทุกวันนี้ เรามีสินค้าเพียงแค่หนึ่งตัว ก็คือมอร์มีทที่เป็นเนื้อบดอย่างเดียว ตัวเดียว ในขณะที่แบรนด์อื่นเขาทำออกมาหลากหลายมาก ซึ่งวิธีการที่เราออกสินค้าเพียงแค่หนึ่งตัว ทำให้เราสามารถรักษาผู้บริโภคของเราไว้ได้ ค่อนข้างมาก เพราะยิ่งมีสินค้าออกมามากขึ้น ทำให้ลูกค้ายิ่งตกตะกอนว่า จริงๆ แล้วสินค้าที่เขาทานอยู่ทุกวันนั้น ตัวไหนดีที่สุด ซึ่งทำให้มอร์มีท เป็นสินค้าในกลุ่มแพลนต์เบสมีทแบบบด ที่มียอดขายดีที่สุด และมียอดผู้บริโภคกลับมาซื้อซ้ำสูงสุดในตลาดคืออยู่ที่ 60-75 เปอร์เซ็นต์” เขาบอกผลลัพธ์อันน่าทึ่ง
ทว่าแม้จะมีสินค้าแค่ตัวเดียว แต่การทำธุรกิจบนฐานของการวิจัยและพัฒนาทำให้มอร์มีทยังคงพัฒนาสินค้า “ตัวเดียว” ของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง เรียกว่าอัพเกรดอยู่เรื่อยๆ จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมา 3 เวอร์ชันแล้ว
“แม้จะมีสินค้าเพียงแค่ตัวเดียวก็จริง แต่ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาเรามีการอัพเกรดสูตรของเราอยู่เรื่อยๆ จากตอนแรกอาจจะยังมีปริมาณโซเดียมที่ค่อนข้างสูง พอเวอร์ชันที่ 2 เราก็ลดโซเดียมลง ปรับเรื่องของรสสัมผัส และสินค้าเวอร์ชันใหม่ที่กำลังจะออกมาก็เป็นสูตรที่โซเดียมต่ำ ไม่มีกลูเตน ให้ไฟเบอร์สูง มีวิตามินบี 12 ฯลฯ เรานำสิ่งที่ลูกค้าต้องการมาใส่ในตัวสินค้าที่อัพเกรดขึ้นมา เรามองตัวเองว่าเป็นเหมือนไอโฟน คือไอโฟนจะพัฒนาขึ้นทุกปี เราก็อยากให้สินค้าของเราพัฒนาขึ้นทุกปีเช่นเดียวกัน”