สตาร์ทอัพไทยจะไปถึงฝั่งฝันได้อย่างไร คำแนะนำจากธนพงษ์ ณ ระนอง บีคอน วีซี
จาก 1 กองทุนเมื่อ 6 ปีก่อนมา ปัจจุบัน บีคอน วีซี มีกองทุนเพื่อการลงทุนในสตาร์ทอัพมากถึง 3 กองทุน คือ Synergistic Fund, Opportunistic Fund และ Impact Fund รวมเงินลงทุนกว่า 8,000 ล้านบาท หรือ 265 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า บีคอน วีซี มีการเติบโตเพียงใด และคงไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้
ขณะเดียวกันสำหรับสตาร์ทอัพนั้น เงินทุนก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ไปถึงฝั่งฝันได้ วันนี้ SME Startup เลยได้พูดคุยกับ ธนพงษ์ ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด (บีคอน วีซี) ซึ่งจะมาบอกเล่าถึงมุมมองต่อสถานการณ์ของสตาร์ทอัพ ทิศทางการลงทุนของบีคอน วีซี พร้อมคำแนะนำว่าสตาร์ทอัพไทยควรทำอย่างไรถึงจะอยู่รอด
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าการลงทุนในสตาร์ทอัพจะลดน้อยลง
จริงๆ ไม่ใช่เฉพาะแค่เมืองไทยแต่ทั่วโลกมีปัญหาหมด ตั้งแต่ปี 2565 ซึ่งเป็นช่วงที่อเมริกาเริ่มปรับอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นทำให้เม็ดเงินไหลออก นักลงทุนไม่ลงทุนในกองทุน VC แต่เอาเงินไปทำอย่างอื่นที่ได้ดอกเบี้ยสูงกว่าแทน ทำให้เงินกองทุนลดน้อยลง ก็เลยทำให้การลงทุนในสตาร์ทอัพทั่วโลกลดน้อยลงไปด้วย รวมถึงสตาร์ทอัพใน Region
นอกจากนี้ ยังเริ่มมีนักลงทุนที่มีการลงทุนในสตาร์ทอัพไปแล้ว 10 ปี อยากขายหุ้นออก อาจจะโดยการขายบริษัทหรือเข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่สตาร์ทอัพที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ที่ต่างประเทศในปีที่ผ่านมาก็ยังไม่สามารถทำผลตอบแทนได้ตามที่คาดหวัง ทำให้มูลค่าของสตาร์ทอัพตกลง
นี่คือสถานการณ์ทั่วโลกซึ่งส่งผลกระทบมาถึงเมืองไทยด้วย ที่ผ่านมาสตาร์ทอัพไทยจะพึ่งแหล่งเงินทุน 2-3 แหล่ง คือระยะเริ่มต้นจะเป็นเงินอุดหนุนจากรัฐบาลที่เรียกว่า Grant พอพ้นจากระยะนี้ไปก็จะเป็นการลงทุนจาก VC, CVC ระดับ Seed Stage ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นต่างประเทศที่มาลงทุน ส่วนที่เป็น CVC ไทย มักจะเลือกลงทุนในระยะเติบโตดีแล้วที่เรียกว่า Series A ขึ้นไป ซึ่ง 10 กว่าปีที่ผ่านมาเงินลงทุนในระดับ Seed Stage ไม่ค่อยมี แล้วช่วงหนึ่งที่เงินไหลกลับไปก็ทำให้สตาร์ทอัพไทยเริ่มหายไป