TEXT : กองบรรณาธิการ
เป็นธรรมดาของการทำธุรกิจที่ย่อมมีปัญหาอุปสรรคเข้ามาเป็นบททดสอบให้เราแข็งแกร่งขึ้นอยู่เรื่อยๆ ซึ่งหากไม่ยอมแพ้ไปเสียก่อน สักวันย่อมมีวันของเราอย่างแน่นอนเหมือนเช่นกับผู้ประกอบการเหล่านี้ที่กว่าจะประสบความสำเร็จขึ้นมาได้อย่างทุกวันนี้ พวกเขาล้วนเคยผ่านบทเรียนที่เจ็บปวดมานักต่อนักแล้ว แต่วันนี้ด้วยหัวใจนักสู้ที่ไม่ยอมแพ้ กลับทำให้พลิกฟื้นธุรกิจขึ้นมาได้
ด้วยความที่เกิดมายากจน เรียนน้อย ต้องสู้ชีวิตส่งตัวเองเรียนตั้งแต่สิบกว่าขวบ เพราะความขยันทำให้สอบได้ที่ 1 ทุกชั้นปี แต่ก็เรียนได้แค่ชั้นประถม 6 เพราะไม่มีเงิน ต้องเปลี่ยนโหมดมาเป็นสาวโรงงานเย็บผ้า หลังจากนั้นทำงานได้ 3 ปี ก็เก็บเงินมาเรียนการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ระหว่างนั้นก็นำความรู้และประสบการณ์ในการเย็บผ้ามาเปิดบริษัท โรส ผ้าม่าน ในปีพ.ศ. 2538
แต่แทนที่จะได้เป็นเถ้าแก่เนี้ย นอนนับเงินสบาย “เพ็ญศรี ธรรมเสนา” หรือ “โรส” หญิงสาวสู้ชีวิตด้วยตัวเองมาโดยตลอด กลับถูกโกง ลูกค้าเบี้ยว หุ้นส่วนทิ้ง ต้องเป็นหนี้ และยังตอกย้ำมรสุมชีวิตให้หนักเข้าไปอีกเมื่อต้องเผชิญกับวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 สุดท้ายก็ต้องปิดกิจการลง แถมต้องเจอมรสุมชีวิตตั้งแต่สูญเสียคุณแม่ ตามมาด้วยคุณยาย พี่สาวก็แยกกันอยู่ ไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาใคร แต่เพราะไม่เคยบัญญัติคำว่าแพ้ไว้ในพจนานุกรมชีวิต และไม่เคยคิดทำร้ายตัวเอง หลังทนทุกข์มาได้แค่ 15 วัน จากนั้นก็ตั้งสติใหม่บอกตัวเองว่าเจอขนาดนี้ แต่ยังไม่ตายก็หาทางสู้กันใหม่ จนสุดท้ายสามารถประนอมหนี้กับธนาคารและผ่อนผันเจ้าหนี้ได้ทุกราย จนปัจจุบันได้เป็นเจ้าของธุรกิจผ้าม่านครบวงจรที่ทำตั้งแต่รับออกแบบ ตกแต่งภายในและจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งครบวงจร และยังมีแบรนด์ตัวเองในชื่อ RORIA ผ้าม่านนวัตกรรมที่สามารถควบคุมด้วยรีโมทหรือสมาร์ทโฟนได้มีชื่อเสียงโด่งดังมาทุกวันนี้
อ่านเรื่องราวแบบเต็มๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://www.smethailandclub.com/entrepreneur/4893.html