ท่ามกลางอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นทุกปี คาดว่าปี 2567 จะร้อนยิ่งกว่าปี 2566 ประเทศไทยของเราต้องเผชิญกับทั้งอากาศร้อนจัดและเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่ท่ามกลางวิกฤต ยังมีโอกาส! เมื่อเศรษฐกิจสีเขียว กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
Renault แบรนด์รถไฟฟ้าฝรั่งเศส ที่ต่อยอดการจำหน่ายรถยนต์ สู่การส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน ด้วยการเปลี่ยนบ้านแต่ละหลังที่มีการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า ให้กลายเป็นสถานีชาร์จเฉพาะกิจ
กระแสความยั่งยืนมาแรงมากขึ้นทุกวัน และเพื่อตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม ธุรกิจต้องปรับวิธีในการทำธุรกิจเพื่อตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ และสิ่งที่ธุรกิจเอสเอ็มอีต้องรู้เกี่ยวกับความยั่งยืนในอนาคตมีอะไรบ้าง ไปหาคำตอบกัน
นับตั้งแต่ปลายปี 2562 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นเวลากว่าสองปีครึ่ง ที่ประเทศไทยได้เรียนรู้และอยู่กับการระบาดของโรคโควิด-19 ต่อเนื่องมาสองปีกว่า ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภค แนวโน้มธุรกิจเปลี่ยนแปลงไป แน่นอนว่ารูปแบบการทำธุรกิจเองก็ต้องเปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน
กระแสรถยนต์ไฟฟ้าหรือ EV (electric vehicle) เรียกได้ว่ากำลังมาแรงเพราะเป็นยานพาหนะทางเลือกที่ลดการปล่อยก๊าชคาร์บอนมอนนอกไซด์จึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมาจะเห็นว่ารถยนต์ไฟฟ้าได้รับการยอมรับมากขึ้น
โลกยิ่งเจริญขยะก็ยิ่งเพิ่ม โดยหนึ่งในแนวทางที่ได้รับการกล่าวถึงเป็นวงกว้างและเริ่มนำไปใช้อย่างแพร่หลาย คือ BCG Model ยั่งยืน ประกอบด้วย B :Bio Economy เศรษฐกิจชีวภาพ C:Circular Economy เศรษฐกิจชีวภาพ และ G:Green Economy เศรษฐกิจสีเขียว
จะเรียกว่ายุคนี้เป็นยุคแห่ง Green Consumer ก็คงไม่ผิดนัก เมื่อผู้บริโภครุ่นใหม่มีแนวโน้มเลือกใช้ผลิตภัณฑ์และแบรนด์ที่รักษ์โลกกันมากขึ้น! เป็นโอกาสทองสำหรับผู้ประกอบการ SME ที่จะพลิกโฉมตัวเอง เปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลายเป็นธุรกิจกรีนๆ
รถยนต์ไฟฟ้าจะมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ของไทย ซึ่งจะส่งผลกดดันต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนเกี่ยวกับเครื่องยนต์ ผู้ประกอบการไทยต้องหันมาปรับแผนยุทธศาสตร์ในการพัฒนาธุรกิจเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น