Digital Marketing

4 เคล็ดลับให้เด็กๆ เป็น The Teenpreneur ที่ประสบความสำเร็จ







     คุณรู้ไหมว่า Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้ง Facebook, Michael Dell ผู้ก่อตั้ง Dell, Larry Page ผู้ร่วมก่อตั้ง Google คนที่ประสบความสำเร็จระดับโลกเหล่านี้เขามีอะไรที่เหมือนกัน? นั่นคือการเริ่มต้นธุรกิจของเขาตั้งแต่อยู่ในระดับมหาวิทยาลัยหรือ College บางคนลาออกจากมหาวิทยาลัยกลางคันเพื่อมาสานฟันจนทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จระดับโลก เราเชื่อแน่ว่าคงมีเด็กๆ หลายคนที่เริ่มรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ตัวเองมี Passion เกี่ยวกับอะไรและจะทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ แต่บางครั้งการเรียนไปด้วย เริ่มต้นทำธุรกิจไปด้วยก็อาจจะยากพอตัว เด็กๆ จะต้องมีการบริหารจัดการที่ดี แบ่งเวลาให้ดี แล้วความสำเร็จก็จะตามมาอีกไม่ไกล

     1.มองหาผู้ลงทุนหรือเงินสนับสนุน
     
สำหรับเด็กๆ ที่มีไอเดีย มี Passion และอยากจะทำอะไรสักอย่างให้เป็นรูปร่าง การเรียนมหาวิทยาลัยเป็นข้อดีคือมักจะมีโครงการ โปรเจ็คหรือหลายองค์กรที่เข้ามาสนับสนุนไอเดียต่างๆ เหล่านี้อยู่มากมายเพื่อให้เด็กๆ สามารถนำเงินไปต่อยอดไอเดียของตัวเองให้กลายเป็น Business Model ที่สามารถรันได้จริงในอนาคต เพราะฉะนั้นเด็กๆ คนไหนที่เริ่มรู้ว่าตัวเองอยากทำอะไร ลองเขียนแผนธุรกิจออกมาแล้วมองหากโครงการเหล่านี้ที่รอสนับสนุนไอเดียดีๆ อยู่แล้ว

     2.หมั่นสร้างคอนเน็คชั่น
     
ในช่วงเวลาที่เด็กๆ เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้พบเจอกับคนใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสมาคม การไปออกค่าย การเข้าอบรมต่างๆ ไปจนถึงการฝึกงาน สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะทำให้คุณได้ผูกสัมพันธ์และสามารถต่อยอดไปถึงการสร้างธุรกิจในอนาคตได้ คุณอาจจะได้เจอพาร์ทเนอร์ที่มีวิสัยทัศน์ตรงกัน เจอกับนักลงทุนที่สนใจในแผนธุรกิจของคุณไปถึงเจอที่ปรึกษาในการให้คำแนะนำการทำธุรกิจที่จะประสบความสำเร็จได้
 
     3.อย่าหยุดที่จะหาความรู้
     
ไม่ว่าเด็กๆ จะรู้สึกว่าตัวเองพร้อมสำหรับการออกไปทำธุรกิจมากแค่ไหน เราก็ขอบอกไว้เลยว่าการศึกษาก็ยังมีความสำคัญควบคู่กันไป หลายอาจจะอยากทำตามความฝันเพราะเห็นตัวอย่างจากนักธุรกิจมากมายที่ประสบความสำเร็จเขาก็ออกจากมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนกลางคัน แต่อย่าเพิ่งวู่วามและไปลาออกตอนนี้ พยายามเรียนให้ดีที่สุด เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการเรียนไว้ให้เยอะที่สุดเพราะมันจะเป็นประโยชน์ต่อไปในอนาคตอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังหยุดที่จะขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติม เพราะบทเรียนจากในห้องเรียนอย่างเดียวอาจยังไม่เพียงพอต่อการทำธุรกิจ ลองหาหนังสือมาอ่าน ศึกษาเทรนด์โลก ตามให้ทันอยู่เสมอ
 
     4.แบ่งเวลาให้ดี
     
ความยากของการทำธุรกิจในขณะที่ต้องเรียนอยู่ก็คือการแบ่งเวลานั่นเอง เพราะไหนจะต้องเข้าเรียนประจำวัน มีงานที่ต้องส่ง มีการบ้าน รายงาน ทำวิจัยไปจนถึงการสอบ แล้วจะเอาเวลาที่ไหนมาพัฒนาธุรกิจให้เป็นรูปเป็นร่าง แน่นอนว่าเด็กๆ ทุกคนจะต้องแบ่งเวลาให้ดี อย่าให้การเรียนเสียพร้อมกับการพัฒนาธุรกิจไปด้วย ลองใช้เวลาวันละ 1-2 ชั่วโมงก่อนนอนในการพัฒนาธุรกิจหรือเสาร์อาทิตย์ที่เด็กๆ จะได้มีเวลาทุ่มเทกับมันทั้งวัน ที่สำคัญต้องวางแผนให้ดี มีสเต็ปที่ชัดเจนว่าต้องทำอะไรก่อนหลัง อะไรที่ต้องทำก่อน อะไรที่รอได้ แล้วจะทำให้การทำธุรกิจระหว่างที่เรียนง่ายขึ้น
 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี