Finanace

5 เรื่องเงินทองที่ไม่ควรมองข้าม ก่อนธุรกิจเจ๊งไม่เป็นท่า

Text : เจษฎา ปุรินทวรกุล   




Main Idea
 
  • เรื่องเงินทองเป็นเรื่องสำคัญ เพราะทำให้หลายธุรกิจเจ๊งมาแล้วกับการที่ไม่รู้จักการจัดการที่ดี ไม่ว่าจะเป็นกับตัวธุรกิจเองหรือการเงินส่วนบุคคลก็ตาม
 
  • ฉะนั้นเราจึงจำเป็นต้องระมัดระวังความผิดพลาดด้านการเงินให้ดี โดยเริ่มจาก 5 ข้อต่อไปนี้
 



     หากการเงินส่วนตัวไม่มีปัญหาและจัดระเบียนบัญชีได้ดี ย่อมส่งผลให้ธุรกิจเดินหน้าไปได้อย่างราบเรียบในระดับหนึ่ง แต่หากเกิดความผิดพลาดทางการเงินส่วนบุคคลกับผู้ประกอบการแล้ว จะส่งผลกระทบกับธุรกิจด้วยเลยทีเดียว ฉะนั้นเราจึงจำเป็นต้องระมัดระวังความผิดพลาดด้านการเงิน เพื่อไม่ให้กระทบต่อการเงินทั้งส่วนบุคคล และการดำเนินธุรกิจ โดยเริ่มจาก


     1. ระวัง Credit Score

         การจ่ายบิลบัตรเครดิตช้า กู้เงินหรือขอสินเชื่อบ้าน รถ หรือที่ดิน แล้วค้างชำระหรือขาดการชำระบ่อยๆ จะส่งผลกระทบต่อ Credit Score โดยตรง ซึ่งหากวันใดที่ธุรกิจขาด Cash Flow เราอาจจะไปทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารได้ยาก หรือถ้า Credit Score ไม่ต่ำติดดินจนเกินไป ก็อาจจะไม่ได้รับแพ็กเกจเงินกู้ที่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด


     2. รู้ทันภัยแฝงจากดอกเบี้ย

         ไม่ใช่แค่ดอกเบี้ยจากเงินกู้ แต่ยังมีดอกเบี้ยจากการชำระบัตรเครดิตล่าช้า ดอกเบี้ยจากบัตรกดเงินสด ดอกเบี้ยจากเงินกู้ธนาคาร ทั้งหมดนี้คือดอกเบี้ยที่เราต้องระมัดระวังให้ดี ยกตัวอย่าง หากผู้ประกอบการไปขอสินเชื่อเงินด่วน แล้วได้รับข้อมูลว่ายิ่งกู้เยอะดอกเบี้ยยิ่งต่ำ และตกลงกู้ที่ยอดเงิน 50,000 บาท แต่ดอกเบี้ยที่ต้องผ่อนนั้นอยู่ที่ 1,200 บาทต่อเดือน ซึ่งถ้าบริหารจัดการไม่ดีและไม่มีแผนขายของเพื่อทำกำไรให้ดี ดอกเบี้ยจากเดือนละ 1,200 บาท จะกลายเป็นปีละ 14,400 บาทเลยทีเดียว


     3. เตรียมเงินสำรองฉุกเฉิน

         การก้าวเข้าสู่โลกธุรกิจโดยไม่มีแผนสำรองก็อาจทำให้ต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่า แล้วพรุ่งนี้จะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าแรง จ่ายค่าเช่า จ่ายค่าใช้จ่ายอื่นๆ ดังนั้น การมีแผนและเงินทุนสำรอง จะช่วยให้ธุรกิจพอมีเวลาหายใจ หรือสามารถต่อลมหายใจเราออกไปได้โดยที่ไม่ต้องเจ็บตัวมาก


     4. แยกบัญชีส่วนตัวกับธุรกิจออกจากกัน

         ถ้าใช้บัญชีธนาคารที่ลูกค้าโอนเงินค่าสินค้ามาให้ แล้วนำเงินนั้นออกไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ จ่ายค่าแรง รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็เตรียมปวดหัวได้เลย เพราะจะตรวจสอบรายรับรายจ่าย ต้นทุน และกำไรได้ยากมากๆ การแยกบัญชีค่าใช้จ่ายส่วนตัวกับการทำธุรกิจออกจากกันจะช่วยให้เราเห็นภาพรวมได้ชัดขึ้น  


     5. ตรวจบัญชีอย่างสม่ำเสมอ

         อย่าลืมตรวจสอบบิลหรือใบเสร็จซื้อทุกๆ ใบ รวมถึงตรวจและทำบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อดูยอดขาย และให้เราสามารถตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไปได้ ซึ่งจะช่วยให้เรามีกำไรสูงขึ้น



 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup