Starting a Business

HOMGROON น้ำสต็อกเด็ก ฝีมือคุณหมอ



Text : Ratchanee
Photo :  Vipa Vadi

     แน่นอนว่าบรรดาคุณแม่ทั้งหลายต่างต้องการให้สิ่งที่ดีๆ กับลูกโดยเฉพาะอาหารการกิน แต่ด้วยภารกิจหน้าที่ที่ต้องทำควบคู่ไปกับการเลี้ยงลูก อาจจะทำให้หลายคนไม่มีเวลาปรุงอาหารดีๆ ให้ลูก หมออ้อ-พญ.อัจฉรา สัมฤทธิวณิชชา เข้าใจความต้องการดังกล่าวของคุณแม่เป็นอย่างดี เพราะเคยประสบปัญหานี้ด้วยตัวเองมาแล้ว จึงลงมือทำน้ำสต็อกสำหรับเด็กๆ ที่ปราศจากการปรุงแต่งรสชาติ ไม่มีผงชูรส ไม่มีวัตถุกันเสีย ภายใต้แบรนด์ Homgroon (หอมกรุ่น) ขึ้นมา

     “เริ่มต้นจากว่าพอมีลูก หมอก็ออกมาเป็นแม่บ้านเต็มตัว ลูกคนแรกมีปัญหาเรื่องกินยาก แต่ตอนนั้นได้คุณย่าที่มาจากเมืองจีนมาช่วยเลี้ยง ซึ่งอาหารที่คุณย่าทำให้น้องจะชอบกินมาก โดยคุณย่าจะตื่นมาตั้งแต่ตี 4 เพื่อมาเคี่ยวน้ำสต็อกให้น้อง ตอนที่มีลูกคนที่สองคุณย่าก็เลยสอนวิธีการทำน้ำสต็อกให้ แต่ก็เจอปัญหาอีกว่าไม่ค่อยมีเวลามานั่งทำเพราะต้องเลี้ยงลูก 2 คน เลยคิดว่าทำไมไม่มีคนทำน้ำสต็อกดีๆ มาขาย อยากซื้อน้ำสต็อกสำหรับเด็กที่ไม่มีเกลือ ผงปรุงรส ซึ่งด้วยความที่หาซื้อไม่ได้ในตอนนั้น แฟนก็เลยบอกว่า ให้ทำเองแล้วก็ทำเผื่อคนอื่นเลยแล้วกัน หมอก็จะต้มหม้อใหญ่ขึ้นแล้วเปิดเฟซบุ๊กลองขายดู ปรากฏว่ามีคุณแม่ตอบรับมาว่าอยากได้มาก”

     จุดเด่นของ Homgroon คือน้ำสต็อกที่ปราศจากการปรุงแต่งรสชาติ ไม่มีผงชูรส ไม่มีวัตถุกันเสีย ซึ่งหมออ้อบอกว่า เด็กเล็กจะรับประทานเกลือไม่ได้ อาหารจึงต้องมีโซเดียมต่ำ ไม่มีผงชูรส โดยน้ำสต็อก Homgroon ไม่ใส่เครื่องปรุงใดๆ เน้นที่ความหอมและมีรสหวานจากผักธรรมชาติสำหรับเด็กโดยเฉพาะ    

     “กระบวนการผลิตค่อนข้างยาก เพราะต้องเคี่ยวนานถึง 6 ชั่วโมง เพื่อจะช่วยให้สารอาหารที่อยู่ในเนื้อสัตว์รวมถึงความหวานวิตามินในผักลงไปในน้ำ แล้วมีกลิ่นหอมและรสชาติหวาน น้ำสต็อกหลังจากที่เราเคี่ยวแล้วจะมีโปรตีน วิตามิน บางคนบอกว่า เคี่ยวนานวิตามินจะหายไปหรือเปล่า ต้องบอกว่ามันเป็นวิตามินที่ทนความร้อน เพราะฉะนั้นวิตามินที่ได้จะเป็นวิตามินเอ วิตามินบี ส่วนวิตามินซีไม่มีเหลืออยู่แล้ว แล้วเราจะได้โปรตีนที่ดูดซึมง่าย ซึ่งเด็กลำไส้เขายังอ่อน ไม่สามารถย่อยได้ทั้งหมด น้ำสต็อกเป็นอาหารที่ผ่านการย่อยด้วยความร้อนมาแล้วก็จะดูดซึมได้ง่าย นอกจากนี้ เข้าใจว่าคุณแม่ต้องการความสดใหม่ ฉะนั้นจะทำวันนี้ส่งพรุ่งนี้ซึ่งจะเก็บได้ไม่นาน เลยปรึกษากับสถาบันอาหาร เขาแนะนำมาว่าการแช่แข็งจะสามารถเก็บคุณค่าสารอาหารได้ดี ช่วยลดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้ดีกว่า และเก็บได้นานกว่า เราเลยเปลี่ยนมาเป็นน้ำสต็อกแช่แข็ง ซึ่งสามารถเก็บแล้วแช่ในช่องฟรีซได้นานถึง 6 เดือน พร้อมกับปรับจากการทำโฮมเมดมาสู่การทำระบบโรงงาน เพื่อให้ได้มาตรฐาน ซึ่งตอนนี้เราได้ผ่าน อย.แล้วกำลังจะขอ GMP ต่อไป”

     อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่น้ำสต็อก Homgroon เป็นอาหารแช่แข็ง ประกอบกับด้วยความตั้งใจของหมออ้อเองที่ต้องการให้สินค้าไปถึงมือลูกค้าแบบไม่ละลายเลย จึงทำให้ค่าขนส่งสูงกว่าสินค้าทั่วไป แม้คุณแม่จะยอมจ่ายเพื่อให้ได้สิ่งที่ดี แต่เพื่อความสะดวกให้คุณแม่สามารถซื้อได้ง่ายขึ้นและลดค่าใช้จ่ายการขนส่งดังกล่าว จึงมีแผนที่จะขยายตลาดจากออนไลน์สู่ออฟไลน์  

     “เราคิดถึงหัวอกคุณแม่ว่าเขาก็ต้องการสินค้าในรูปแบบสมบูรณ์ที่สุด ไม่ใช่รับมาแล้วน้ำสต็อกละลาย ทุกวันนี้ที่เสียไปเป็นค่ากล่องโฟม น้ำแข็งแห้งแล้วเราก็แพ็กอย่างดี อยู่ได้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ในช่วงแรก พอลูกค้ารับไปเสร็จจะต้องเข้าช่องฟรีซ ถ้าคุณแม่อยู่ข้างนอกต้องแจ้งเราก่อน ทีนี้เนื่องจากค่าขนส่งค่อนข้างแพง ทางเราพยายามไปออกบู๊ธหรือมีจุดดรอปให้รับได้เพื่อให้คุ้มค่าขนส่ง ตอนนี้ที่แรกที่เราวางคือ เชียงใหม่ ริมปิง ซูเปอร์มาร์เก็ต และเร็วๆ นี้จะมีที่ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต และจะมีที่อื่นๆ ตามมาอีก”

     ต่อคำถามที่ว่าหลังจากสร้างแบรนด์ Homgroon มา 2 ปีแล้วความก้าวหน้าเป็นไปตามที่ตั้งใจไว้หรือไม่ หมออ้อบอกว่า  

     “ตอนนี้เราก็ไต่ตามความฝันไปเรื่อยๆ เจออุปสรรคอะไรก็ค่อยๆ แก้ไป จุดหมายของเราที่ว่าต้องการให้ Homgroon มีวางขายในซูเปอร์มาร์เก็ตก็ใกล้จะเป็นจริงแล้ว ฉะนั้นก็ต้องวางเป้าหมายใหม่ให้มันไกลออกไปเรื่อยๆ ซึ่งสุดท้ายแล้วสิ่งที่อยากได้ที่สุดคือ ทำให้ Homgroon น้ำสต็อกชื่อไทยเป็นแบรนด์ที่รู้จักในวงกว้าง มีขายตามซูเปอร์มาร์เก็ตเหมือนสินค้าแบรนด์ดังๆ”
  
     Line: @homgroonbabystock

     Facebook : HomgroonBabystock
 
     www.homgroon.com
 


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี