Starting a Business

คุกกี้ค็อคเทล ไอเดียต่อยอดหาค่าขนมเสริมรายได้จากงานออฟฟิศ




Main Idea
 
  • กฏข้อแรกของการทำธุรกิจถึงแม้จะเป็นเพียงอาชีพเสริมคือ ต้องไม่ทำให้ขาดทุน  
 
  • ฉะนั้นการวางแผนที่ดีที่จึงเป็นเรื่องจำเป็นยิ่ง เพื่อให้มีทั้งเวลา และกำลังการผลิตที่ต้องทำเองคนเดียวทุกอย่างลุล่วงไปด้วยดี ซึ่งอาจเป็นเรื่องยากสำหรับหลายคน แตแ่ไม่ใช่กับเจ้าของคุ้กกี้แบรนด์ Chew My Booze




     หลุย เลา สาวชาวฮ่องกง มาอาศัยอยู่ที่มาเลเซียนาน  4 ปี เธอมีงานประจำในตำแหน่งบริการลูกค้าที่บริษัทข้ามชาติแห่งหนึ่ง ที่ยังมีอีกหนึ่งอาชีพคือการเป็นเจ้าของคุ้กกี้แบรนด์ Chew My Booze





     หลุยตั้งข้อสังเกตว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมา วงการขนมที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ในมาเลเซียเติบโตอย่างต่อเนื่องมาตลอด และมีหลายแบรนด์ที่สร้างชื่อ อาทิ Rekindle ที่ทำเค้กผสมเหล้าขาย หรือ The Ice Cream Bar ที่เน้นขายไอศกรีมรสแอลกอฮอล์ หลายคนอาจคิดว่าหากจะทำคุกกี้ผสมแอลกอฮอล์ขายก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ เจ้าของแบรนด์คุกกี้ Chew My Booze กลับไม่คิดเช่นนั้น เพราะวัฒนธรรมการดื่มค็อคเทลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่เป็นที่นิยมมากนัก หลายคนไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างของแอลกอฮอล์แต่ละชนิดได้


     “บ่อยครั้งที่ฉันพบว่ามันยากที่อธิบายให้เพื่อนฟังว่าค็อคเทลแต่ละแบบนั้นมีรสชาติยังไง ดังนั้น จึงอยากจำลองรสชาตินั้นให้อยู่ในอีกรูปแบบที่ทำให้ผู้คน ทั้งคนที่ดื่ม และไม่ดื่มแอลกอฮอล์ได้ลองชิมและรื่นรมย์ไปกับความแตกต่างของรสแอลกอฮอล์”
 




     ด้วยเหตุนี้ หลุยจึงเกิดความคิดผลิตคุกกี้รสแอลกอฮอล์ออกจำหน่าย คุกกี้แรกที่ลองทำคือคุกกี้เนยสดผสมแอลกอฮอล์ที่เธอได้แรงบันดาลใจจาก Jenny’s Bakery คุกกี้แบรนด์ดังที่ฮ่องกง แต่หลุยกำหนดคุณสมบัติคุกกี้ของเธอว่านอกจากหน้าตาสวยงาม ต้องเก็บได้นานขึ้น และสามารถจัดส่งได้ และเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า เธอยังพิถีพิถันเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ที่บรรจุคุกกี้


     จากนั้นก็ลองผิดลองถูก ลองหลาย ๆ สูตรและนำไปแจกจ่ายให้คนใกล้ตัวชิม ปรากฏขนมของหลุยเป็นที่ชื่นชอบ และในวันคริสต์มาส ปี 2018 คุกกี้โฮมเมดแบรนด์ “Chew My Booze” ก็ได้ฤกษ์เปิดตัว จากการบอกกันปากต่อปากของลูกค้า ออร์เดอร์ก็หลั่งไหลเข้ามาทางอินสตาแกรม และเว็บไซต์ การอบคุกกี้จึงกลายเป็นอาชีพเสริมของสาวออฟฟิศอย่างเธอที่ใช้เวลาว่างหลังเลิกงานทำขนม และช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็จะอบขนมทั้งวัน 





     เมื่อความชำนาญและความมั่นใจเพิ่มขึ้น หลุยก็เริ่มพัฒนารสชาติใหม่ ๆ เพิ่ม โดยพยายามคิดรสชาติที่ไม่ค่อยพบในคุกกี้เนยสด อาทิ รสเนโกรนีเปลือกส้มที่ขมนุ่ม กับรสโมฮีโต้มะนาวมินต์ รวมถึงรสโมฮีโต้มะนาว และรสรัมเรซิ่นกับแครนเบอร์รี่ จากการสำรวจปฏิกิริยาของลูกค้าพบว่าส่วนใหญ่ชมชอบคุกกี้รสค็อกเทลของหลุย แต่ก็มีเสียงบางส่วนติงว่ารสแอลกอฮอล์อ่อนไปจนแทบไม่ได้กลิ่นหรือรสซึ่งเป็นความคาดหวังจากลูกค้าที่หลุยต้องจัดการ


     หลุยกล่าวว่าลูกค้าหลายคนคาดหวังว่าจะได้รับรสเหล้าเข้ม ๆ ในคุกกี้ซึ่งเป็นไปไม่ได้เนื่องจากความร้อนระหว่างการอบขนมจะทำให้แอลกอฮอล์ระเหยไป คุกกี้ของเธอออกแบบมาเพื่อให้ทานอร่อย ไม่ได้หวังว่าทานแล้วจะทำให้เมา เธอยืนยันว่าในคุกกี้มีส่วนผสมของเหล้าแน่นอน แต่พออบจนสุก ความเข้มข้นก็ลดลง


     ในส่วนของการกำหนดราคาขาย ขึ้นอยู่กับต้นทุนแอลกอฮอล์ อย่างเหล้าหวานเบลีย์ขวดละประมาณ 140 ริงกิต (หนึ่งพันบาทหน่อยๆ ) เมื่อนำมาทำคุกกี้ หลุยจะจำหน่ายที่กล่องละ 18 ชิ้นในราคา 30 ริงกิตหรือราว 230 บาท เธอยอมรับว่าต้นทุนเป็นสำคัญมาก แต่อย่างไรแล้ว เธอยังเลือกที่จะพิถีพิถันในเรื่องของคุณภาพและวัตถุดิบที่ใช้





     หลุยยังกล่าวอีกว่ากฏข้อแรกของการทำธุรกิจคือแม้จะเป็นเพียงอาชีพเสริม แต่ก็ต้องพยายามไม่ทำให้ขาดทุน เนื่องจากการทำเองคนเดียวทุกอย่างหมายถึงกำลังการผลิตที่จำกัด เพื่อควบคุมไม่ให้คำสั่งซื้อมากเกินกำลังที่จะผลิต หลุยจึงใช้วิธีรับออร์เดอร์ล่วงหน้าเพื่อจะได้วางแผนการผลิตได้ นอกจากนั้น เธอยังปฏิเสธที่รับคำสั่งซื้อปริมาณมาก ๆ เช่น การสั่งคุกกี้เป็นของชำร่วยในงานแต่งงาน เป็นต้น


     แม้ธุรกิจเล็ก ๆ ของหลุยจะทำกำไร แต่ก็ไม่ได้สร้างรายได้เป็นล่ำเป็นสันขนาดนั้นเพราะกำไรที่ได้มา เธอนำไปต่อยอดซื้ออุปกรณ์ และลงทุนในการทำวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ล่าสุด เธอก็เพิ่งแนะนำสินค้าใหม่ออกสู่ตลาด ได้แก่ บราวนี่รัม และรัมบอล ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าดีมาก หลุยให้สัมภาษณ์ว่าธุรกิจของเธออาจจะไม่ได้มีขนาดใหญ่ แต่ในฐานะผู้ประกอบการเดี่ยว การมีแบรนด์ของตัวเอง และครั้งหนึ่งเธอเคยผลิตคุกกี้ออกมาได้ 100 กล่องช่วงตรุษจีนปีที่แล้วก็ถือเป็นความสำเร็จที่เธอภูมิใจ


     นอกจากนั้น การทำธุรกิจยังเปิดโอกาสให้เธอได้เรียนรู้เรื่องการบริหารและจัดการธุรกิจ ตั้งแต่หาแหล่งวัตถุดิบ การออกแบบผลิตภัณฑ์ การวางแผนการผลิต การสร้างแบรนด์ ไปจนถึงการทำตลาด การจำหน่ายจากการได้ลงมือทำเองจริง ซึ่งประสบการณ์เหล่านี้เธอสามารถนำไปปรับใช้กับงานประจำที่ทำอยู่ได้


     สำหรับแผนในอนาคตเกี่ยวกับการขยายธุรกิจ ระยะใกล้ หลุยกำลังอยู่ระหว่างทดลองสูตรขนมใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า รวมถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์สำหรับเทศกาลต่าง ๆ ด้วย ส่วนระยะยาว เธอคาดหวัง ธุรกิจของเธอจะอยู่ตัวและเติบโตในรูปแบบบริษัท รวมถึงขยายตลาดไปยังฮ่องกง และหากเป็นไปได้ เธอก็หวังจะได้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับแบรนด์ผู้ผลิตแอลกอฮอล์ และร้านค้าต่าง ๆ ความฝันของหลุยจะเป็นจริงแค่ไหน เวลาเท่านั้นที่เป็นเครื่องพิสูจน์

                               
ที่มา
https://vulcanpost.com/714816/chew-my-booze-alcoholic-cookies-malaysia/
 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup