Starting a Business

ทำคอนเทนต์ยังไงให้มีคนตามเป็นล้าน สร้างเป็นธุรกิจได้แบบ เฟื่องลดา-สรานี สงวนเรือง

Text: รัชนี พันธ์รุ่งจิตติ Photo: กิจจา อภิชนรจเรข




     หญิงสาวมากความสามารถคนนี้ ผ่านประสบการณ์การทำงานที่หลากหลาย ทั้งนักร้อง พิธีกร ผู้ประกาศ Influencer และภาพลักษณ์ที่โดดเด่นคือ การเป็นคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ จนถูกเรียกขานว่า นางฟ้าไอที ผู้ที่ทำให้เรื่องราวเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ว่ายากๆ เข้าใจได้ง่ายขึ้นสไตล์ผู้หญิงผ่าน LDA World หรือที่เรียกว่า Ladies of Digital Age ที่มีคนติดตามมากกว่า 1 ล้านคน


     เฟื่องลดา สงวนเรือง นางฟ้าไอทีที่ไม่ได้มีแค่ความสวย หากมุมมองในการย่างก้าวทุกจังหวะชีวิตของเธอถูกวางไว้อย่างน่าสนใจ จนทำให้วันนี้เธอก้าวมายืนแถวหน้าได้อย่างโดดเด่นท่ามกลางคอนเทนต์มากมายบนโลกออนไลน์


    SME STARTUP ได้มีโอกาสพูดคุยกับสาวสวยคนนี้ กับหลากหลายเรื่องราว ที่สำคัญเราจะพาคุณไปฟังคำตอบของเธอว่า การทำคอนเทต์ยังไงให้คนดูติดตาม
  




     ความเป็นคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ ฉายแววตั้งแต่เธอซื้อกล้องแล้วร้องเพลงเล่นอัดลงยูทูบ ทำไปได้ประมาณ 23 คลิป ผ่านไปอาทิตย์หนึ่ง ยอด Subscribes ขึ้นไป 2 หมื่น เริ่มมีคนติดต่อเอากล้องมาให้รีวิว ซึ่งประจวบเหมาะกับสัญญาอ่านข่าวเช้ากำลังจะหมดพอดี ก็เริ่มหันมาทำจริงจังมากขึ้น รับทีมงาน ยอดไลก์เฟซบุ๊กจาก 3 หมื่นกว่าขึ้นมาแสนภายใน 2 เดือนก็คิดว่ามาถูกทางแล้ว ตัดสินใจลาออกจากงานออฟไลน์ทั้งหมด
 

     ก่อนจะก้าวตาม passion

     ด้วยความที่เติบโตมาจากครอบครัวฐานะปานกลาง พ่อแม่อายุเยอะแล้ว แต่ ณ จังหวะที่ต้องตัดสินใจเดินเส้นทางสายใหม่นั้นเรียกว่าเป็นการตัดสินใจที่ยากพอสมควร เพราะตอนนั้นยังไม่รู้ว่าอาชีพออนไลน์จะทำเงินมากน้อยแค่ไหน จึงได้ไปขอคำปรึกษารุ่นพี่ที่ทำสื่อออนไลน์ ได้รับคำแนะนำตามหลักการพื้นฐานเลยคือ ต้องมีเงินสำรองพอ 6 เดือน หลังจากตกผลึกทางความคิดเธอก็ได้เหตุผล 3 ข้อที่ควรไปทางออนไลน์ หนึ่งคือจบทางด้านอักษรศาสตร์ สองเคยเป็นพิธีกร สามไอทีมีประโยชน์กับคนแต่ในวงการนี้มีผู้หญิงเพียงไม่กี่คน
 

     "เรารู้ตัวว่าอยากเป็นผู้ประกอบการตั้งแต่เด็ก เฟื่องจะมีสมุดเล่มหนึ่งที่คอยจดบันทึกไอเดียที่อยากทำธุรกิจ ซึ่งจดแผนธุรกิจไว้เยอะมาก ช่วง Startup บูมๆ เคยอยากทำแอปฯ แม่บ้านออนไลน์ แล้วลองทำจริงๆ 2-3 ธุรกิจ สิ่งที่ได้คือ มันต้องมองด้วยว่าเรามี Unfair Advantage ความสามารถที่ทำให้เราอยู่เหนือคู่แข่งหรือเปล่า เรามีตรงนี้เราถึงจะชนะคนอื่น


     “กับอีกเหตุผลหนึ่งที่เฟื่องหันมาทำธุรกิจนี้คือเฟื่องเชื่อว่าแม้จะไม่มีลูกค้า ลูกน้องลาออกหมด ไม่มีทีม มันคือคำว่า Everyone can be the best version of themselves ดังนั้น เชื่อว่าทุกคนมีเรื่องเล่า เฟื่องชอบเรียกตัวเองว่าเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่ได้โอกาสนี้แล้วออกมาพูดต่อ ทำออนไลน์ได้พูดเรื่องที่อยากพูด ได้เป็นตัวของตัวเอง แล้วเป็นจุดที่เฟื่องสนับสนุนให้ทุกคนทำ เชื่อมากๆ ว่าทุกคนสามารถเป็นคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ได้
 


 

     ต้องมีตัวตน คอนเทนต์ต้องเข้าใจง่าย

     ก่อนที่จะมาลงตัวว่าจะทำคอนเทนต์ให้ความรู้เรื่องเทคโนโลยีนั้น เธอเคยลองไปทำเนื้อหาแนวยูทูบเบอร์ที่ให้คนมาตามติดชีวิต แต่พอทำไปแล้วก็พบว่าไม่ใช่สไตล์ และคนดูไม่ได้ประโยชน์ สุดท้ายเลือกทางว่าเราอยากเป็นเป็นคอมมูนิตี้ที่ที่คนซึ่งมีความชื่นชอบในสิ่งเดียวกันมารวมตัวกัน เลยมองว่าอยากเป็นพื้นที่ที่เป็น Edutainment เป็นคอนเทนต์ที่สร้างสรรค์ แล้วก็มีประโยชน์กับคน นี่คือจุดยืนตั้งแต่วันที่เป็นเฟื่องลดา


     สำหรับคนที่คิดจะเป็นครีเอเตอร์ เฟื่องแนะนำว่าอย่าเอาชื่อเสียงกับเงินเป็นที่ตั้ง ถ้าคิดถึงเรื่องนั้นตั้งแต่วันแรกจะพัง มันจะเป็นเหมือนงูกินหาง หาตัวตนไม่เจอ หาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมถึงต้องทำเรื่องนี้ ในทางตรงกันข้ามถ้าทำแล้วคนดูสัมผัสได้ว่าเราคือใคร สุดท้ายชื่อเสียงเงินทองจะตามมาเอง 


     ในการทำคอนเทนต์ของเธอนั้นจึงยึดหลักที่ว่าทำไมคนถึงต้องมาดู ฉะนั้นการทำคอนเทนต์ ต้องเข้าใจง่ายและต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับคน และที่สำคัญมากๆ คือ ทำให้ต้องเกี่ยวกับเขา ทุกครั้งที่จะทำคอนเทนต์เธอจะบอกกับน้องๆ ทีมงานว่าให้ลองถามตัวเองก่อนว่า คอนเทนต์นี้เข้าใจง่ายจริงหรือไม่ เรื่องนี้เกี่ยวกับคนดูแล้วหรือยัง

     “อาจจะโชคดีที่เราทำด้วยความเชื่อ เป็นสายบู๊ บุกลุย สุดท้ายพอคอนเทนต์มันเริ่มไป คอนเทนต์มันมาร์เก็ตติ้งตัวเอง เฟื่องเรียกว่ามันเป็นการเขย่าต้นส้ม เหมือนคอนเทนต์มีคนเห็นเยอะ คนแชร์ไปเยอะ ยอดวิวก็เลยเยอะ เลยมีคนติดต่อเข้ามามากมาย ปีแรก เฟื่องไม่มีเซลส์ออกไปขายโฆษณาเลย โฆษณาติดต่อเข้ามาเอง 100 เปอร์เซ็นต์”
               
 


     จาก Content Creator สู่เจ้าของธุรกิจ


     จากที่เริ่มทำงานเพียงคนเดียวกลายเป็นมีทีมงานที่ต้องดูแลแสดงถึงการเติบโตทั้งทางธุรกิจและความคิด


      “ทุกสเตปของการทำบริษัทยากมากๆ มีเรื่องให้เรียนรู้ใหม่ทุกวัน มีปัญหามาให้แก้ทุกวัน แต่มันเหมือนได้ตอบสนองความฝันในวัยเด็กอยากไปเรียนต่อ MBA รู้สึกว่านี่แหละคือการเรียนธุรกิจจริงๆ ที่เฟื่องทำมันยิ่งกว่าการเรียน MBA ทั้ง บัญชี ภาษี การบริหารจัดการ การตลาด ทุกเรื่องเหมือนเรียนรู้ใหม่หมดเลย ได้เพื่อนๆ พี่ช่วยให้คำปรึกษา ได้ทีมที่ดีมาร่วมงานด้วย เพราะทำงานแบบนี้สำคัญคือต้องมีคนมาดูหลังบ้านให้ มาอุดรอยรั่วข้างหลังบ้านให้เรา เพื่อที่เราจะได้ไปลุยอยู่ข้างหน้าได้อย่างสบายใจ เพื่อต่อวิชั่น สร้างอะไรให้สังคมมากขึ้น”


     ด้วยจำนวนยอด Subscribes ของ LDA World มีผู้ติดตามเกือบ 9 แสนคน ขณะที่เฟซบุ๊กแฟนเพจมีผู้ติดตามมากกว่า 1 ล้านคน นั้นเฟื่องบอกว่าเป็นสิ่งที่มาไกลกว่าที่คิด


     เฟื่องคิดว่าคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ใครก็ทำได้หากมีความพยายาม มีความตั้งใจมากพอ ศึกษาให้ทะลุปรุโปร่งก็สามารถเข้าใจเทคโนโลยีได้ ซึ่งเฟื่องก็เป็นแบบนั้น เราไม่ได้เก่งอะไรมาก่อน หลายคนเห็นเบื้องหลังการทำงานของเฟื่องจะงงมากว่า ทำไมทีมงานเยอะจังเลย ปกติช่องอื่นมีเต็มที่ก็ 5-7 คน แต่ของเฟื่องตอนนี้ใกล้จะ 30 คนแล้ว ซึ่งเป็นเพราะว่าเฟื่องอยากเป็นผู้ประกอบการไม่ได้อยากเป็นคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ คอนเทนต์ ครีเอเตอร์เป็นสิ่งที่ชอบ แต่ภาพใหญ่สุดเราไม่ได้อยากดังคนเดียว นี่คือเหตุผลสำคัญที่เฟื่องรีแบรนด์เป็น LDA World ถ้าเปรียบเทียบเฟื่องอยากเป็นคุณปัญญา นิรันดร์กุล เป็นคนหน้ากล้อง แต่ได้สร้างอะไรที่เกิดอิมแพ็กต์มากมาย
 




     ตั้งเป้าเป็น SandBox ให้กับครีเอเตอร์


     จากวันที่ตั้งไข่ เริ่มทำกำไร หากนับอายุธุรกิจตอนนี้เกือบเข้า 4 ปีแล้ว ธุรกิจของเธอได้รับความสนใจจากนักลงทุนเห็นศักยภาพในธุรกิจของเธอ อาจจะให้เห็น Business Plan ใหม่กำลังจะมาเร็วๆ นี้

     “เฟื่องมองว่าตอนนี้ใครๆ ก็อยากเป็น Influencer ซึ่งการเป็น Influencer นั้นเริ่มต้นง่าย แต่จะยืนได้ในระยะยาวยาก ใครๆ ก็ทำช่องได้ จะดังจะปังจะมีคนเข้ามาดูจริงๆ ไม่ง่าย แล้วดูซีรีส์เรื่อง Startup มาเหมือนกัน เราเลยอยากเป็น SandBox ให้กับครีเอเตอร์ ปั้นคนตามสิ่งที่เขาเป็นที่เขาถนัด เพราะเราได้โอกาสนี้ ก็เลยอยากส่งต่อให้กับคนอื่น แล้วก็ในฐานะที่เป็น Influencer เราก็อยากทำให้เขาสะดวกสบายที่สุด ได้โดดเด่นในความเป็นคอนเทนต์ ครีเอเตอร์

     สิ่งที่เฟื่องคิดว่าน่าสนใจ ไม่ใช่คำว่า Influencer แต่เป็นคำว่า Key Opinion Leader หรือ KOL มากกว่า ในอนาคตแม้จะมี AI หรืออะไรก็ตามมาช่วยในการวิเคราะห์ทำการตลาด แต่เชื่อว่าคนก็ยังตามคนอยู่ดี เราเป็นมนุษย์เป็นสัตว์สังคม เราต้องการมีเพื่อนที่พูดคุยกันรู้เรื่องถูกใจในสิ่งเดียวกัน หรือแม้รูปแบบของสื่อจะเปลี่ยนไป มือถืออาจจะหายไป วีอาร์กำลังมา มันก็อาจจะต้องเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ แต่มนุษย์ก็น่าจะยังไม่หายไป แต่จะไปปรากฏในรูปแบบไหน ดังนั้น KOL ไม่หาย แต่ Influencer มีสิทธิ์ที่จะหาย”
 
                 
               
     แตกหน่อเพื่อเติบโต

     จากที่เริ่มต้นทำคนเดียวจนผ่านมาถึงวันนี้ นางฟ้าไอทีบอกว่าเธอได้รับประสบการณ์มากมายในการทำธุรกิจ โดยเฉพาะเรื่องคน ทุกอย่างที่เกี่ยวกับคน การบริหารพนักงานซึ่งต้องใช้เวลา

     "ช่วงแรกๆ จะรู้สึกว่าทำไมคนอื่นทำไม่ได้เหมือนเรา ทำไมไม่คิดแบบนี้ โกรธเสียงเย็นๆ รู้สึกถึงรังสีอำมหิต น้องที่ทำงานด้วยอยากลาออก ก็เครียดๆ ก่อนหน้านั้น ก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นยังไง ซึ่งโชคดีที่เรียนรู้เร็ว ไปอ่านหนังสือ เราเป็น Perfectionist ก็บอกทีมงานมีอะไรฟีดแบ็ก เฟื่องไม่อยากเป็นคนน่าเกลียด พี่ผู้จัดการก็ฟีดแบ็กตรงๆ ก็โชคดีที่คนรอบข้างคอยเป็นกระจกสะท้อนให้เราปรับปรุงตัว เราต้องมีความเข้าใจมนุษย์มากๆ"


     "ในเชิงธุรกิจ เฟื่องว่าทำได้ค่อนข้างดี เพราะว่ามันเกินฝันของเรามากๆ เราค่อนข้างเป็นทีมรุ่นใหม่กันทั้งหมด แทบไม่มีใครมีประสบการณ์มาก่อน สิ่งที่เราทำใหม่มากๆ ตั้งแต่วันนั้นมาถึงวันนี้ได้ บริษัทสามารถดูแลพนักงานได้ มีผลกำไร มีนักลงทุนสนใจ รู้สึกว่าไกลเกินฝันมากๆ เฟื่องนิยามตัวเองที่ผ่านมา เราโตแบบกิ่งก้านสาขาฟูฟ่อง แต่ตอนนี้ขวบปีหน้าอยากจะตัดแต่งกิ่งใหม่ ให้เข้าที่เข้าทางมากขึ้น เพราะสิ่งนี้น่าจะทำให้แล้วบริษัทสเกลได้อีก" เฟื่อง กล่าวทิ้งท้าย


    

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup