Starting a Business

​Ice+Markie = I*m brand






    “แพงอ่ะ”

    เสียงบ่นของมาร์กี้กับไอซ์เมื่อเห็นราคาเครื่องประดับ และเมื่อได้ยินเสียงบ่นเช่นนี้บ่อยๆ จึงทำให้มีประโยคตามมาว่า “ทำเองเลยสิ” 

    และนี่จึงเป็นที่มาของ I’m brand  เครื่องประดับที่จำหน่ายในอินสตราแกรมของ มาร์กี้ ราศรี บาเล็นซิเอก้าและ ไอซ์ พิชพงศ์ โสมกุล 
 




    หลังจากที่ทั้งสองคุยกันลงตัวที่จะทำในสิ่งที่เป็นความสุขให้ออกมาเป็นธุรกิจ ไอซ์ ก็เป็นฝ่ายออกหาโรงงานผลิตที่มีคุณภาพ ซึ่งสุดท้ายก็ได้โรงงานของเพื่อนที่ทำจิวเวลรี่ส่งออกต่างประเทศมาเป็นผู้ผลิตให้ และมีการแบ่งหน้าที่กันโดยไอซ์จะเป็นฝ่ายจัดการด้านการผลิตและการส่งสินค้าให้ลูกค้า รวมถึงการจัดการด้านอื่นๆ ส่วนมาร์กี้ จะลงมือออกแบบ เสนอไอเดีย และดูแลเรื่องการตลาด 

    แน่นอนว่าการเป็นนักแสดง ย่อมมีความได้เปรียบในการสร้างแบรนด์ อันเนื่องมาจากการมีพื้นฐานที่มีคนรู้จักอย่างมากมาย และมีกลุ่มแฟนคลับที่เหนียวแน่น  แต่ก็มักจะโดนปรามาสอยู่เสมอว่าจะทำไปได้สักกี่น้ำ ซึ่ง มาร์กี้ และไอซ์ ยอมรับว่าแม้จะไม่มีพื้นฐานทางธุรกิจ แต่เชื่อว่าด้วยความตั้งใจและความจริงใจของทั้งคู่จะเป็นทุนตั้งต้นทำให้ธุรกิจนี้เติบโตต่อไปได้แบบค่อยเป็นค่อยไป  
 

 

    เมื่อจุดเริ่มต้นของธุรกิจมาจากคำว่า “แพง” ดังนั้น ไอซ์ จึงบอกว่า จุดเด่นของ I’m brand  อยู่ที่ราคาไม่สูงเว่อร์  มีตั้งแต่หลักร้อยบาทจนถึงหลักพันบาท เพราะต้องการทำสินค้าให้คนมีกำลังหาซื้อได้ไม่ยาก ไม่ใช่งานแบบจับไม่ลง และจะไม่ทำจำนวนมาก ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีความคุ้มค่า ยกตัวอย่างสร้อยจี้ไม้กางเขนจะถูกออกแบบมาให้สามารถใส่ได้ทั้งสองด้าน และที่สำคัญ เลือกใช้วัสดุมีคุณภาพ เป็นคริสตัลสวารอฟสกี้ทีเดียว 

    “อยากให้ทุกคนใส่แล้วว่านี่คือแบรนด์มาร์กี้นะ เขามีความภูมิใจตรงนั้นด้วย เราจะไม่ทำเป็นร้อยๆ ชิ้น บางชิ้นทำแค่หลักสิบชิ้น จะได้ไม่รู้สึกว่าเป็นของโหล แล้วคนอาจจะคิดว่าทำกันง่ายๆ จริงๆ ไม่ใช่ รายละเอียดค่อนข้างเยอะมาก ไม่ใช่การส่งแบบครั้งเดียวแล้วสั่งผลิต ต้องมีการแก้ไขหลายครั้ง มีหลายชิ้นที่ไม่ถูกใจและถูกยกเลิก แม้แต่สีของคริสตัลสวารอฟสกี้เองมีเป็น 100 สี เราก็ต้องช่วยกันเลือกที่ดีที่สุด”
 



    หากสังเกตเครื่องประดับทั้ง 4 คอลเลกชั่นที่ออกมาตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว จะมีหลากหลายสไตล์  สำหรับคนที่ชอบไม่เหมือนกัน ที่สำคัญเครื่องประดับของ I’m brand จะเน้นชิ้นใหญ่ๆ หน่อย เพื่อที่ว่าจะได้ใส่เพียงชิ้นเดียวก็ดูดีแล้ว ซึ่งก็มาจากสไตล์การแต่งตัวของมาร์กี้นั่นเอง 

    สำหรับช่องทางการตลาด I’m brand ใช้ช่องทางการขายผ่าน instargram ซึ่งตอบโจทย์สำหรับการทำธุรกิจที่ไม่มีหน้าร้าน และรองรับพฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนไป หันมานิยมช็อปปิ้งจากหน้าจอโทรศัพท์มากขึ้น ซึ่งเมื่อผนวกกับความเป็นนักแสดงที่มีคนเฝ้าติดตามมากมาย จึงเป็นเครื่องมือชั้นดีในการช่วยโปรโมทสินค้า แต่กระนั้น ด้วยความตั้งใจในการทำธุรกิจทำให้มาร์กี้มีแนวความคิดว่า เมื่อไม่มีหน้าร้าน ไม่มีค่าจ้างพนักงาน ทำให้ต้นทุนต่ำลง จึงนำต้นทุนที่ลดลงเหล่านั้น มาใส่ลงในสินค้า เพื่อให้ได้สินค้าที่คุณภาพที่มากที่สุด  เพราะสุดท้ายแล้ว คุณภาพนี่แหละคือหัวใจของการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน 
 


    อย่างไรก็ตาม การทำธุรกิจออนไลน์ สิ่งสำคัญคือ ความเชื่อใจ ไว้วางใจซึ่งกันและกัน ในเรื่องนี้  มาร์กี้และไอซ์ ใช้ชื่อเสียงของตัวเองมาการันตีได้เป็นอย่างดี และทำให้ยิ่งต้องรักษาคุณภาพสินค้า รวมถึงการส่งของให้ตรงเวลามากขึ้น ซึ่ง มาร์กี้ บอกว่า การเป็นนักแสดงเมื่อลองมาจับธุรกิจควบคู่ไปด้วย นอกจากจะทำให้ได้ประสบการณ์แล้ว ยังทำให้เปลี่ยนแปลงตัวเองอีกด้วย ถือเป็นโอกาสดีที่ได้เจอลูกค้าหลายแบบ ได้เรียนรู้การพูดคุยกับลูกค้า การแก้ไขสถานการณ์ต่างๆ ที่สำคัญ ยังทำให้มีวินัยสูงยิ่งขึ้นไปอีก  

    “คือกลับบ้านนี่ต้องไปเช็คไลน์ตลอดแล้ว ส่วนไอซ์ทุกคืนก่อนนอนต้องแพ็คของ เช้าต้องไปส่งของ คือทำกันเองทุกสิ่งทุกอย่าง เน้นความตรงต่อเวลาเพื่อสร้างความไว้วางใจ” 
 



     ทั้งนี้ หนึ่งในความภูมิใจของทั้งสอง คือได้มีโอกาสนำเครื่องประดับ I’m brand ทูลเกล้าถวายทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี และถัดจากนั้นไม่กี่วันก็เห็นพระองค์ใส่เครื่องประดับนี้ถ่ายรูปลงในอินสตราแกรมส่วนพระองค์ด้วย 

    นอกจากนี้ทั้งสองได้รับการติดต่อจากห้างสรรพสินค้าใหญ่ ให้นำ I’m brand  ไปวางขาย แต่ด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง และเรื่องของความพร้อมทำให้ มาร์กี้ และไอซ์ จำเป็นต้องปฏิเสธไปเพราะทั้งคู่คิดเห็นตรงกันว่าหากทำโดยไม่มีความพร้อมแล้ว จะทำให้แบรนด์ I’m brand เสียภาพลักษณ์ได้  แต่เมื่อใดที่แบรนด์เติบโตและมีสินค้าที่หลากหลายกว่านี้ ไม่แน่จะได้เห็น I’m brand มีหน้าร้านเป็นของตนเองและที่สำคัญเป็นร้านในห้างสรรพสินค้าใหญ่เสียด้วย

 

 

    แม้จะเริ่มต้นไม่นาน แต่ความสำเร็จของ I’m brand ในวันนี้ ทำให้มาร์กี้และไอซ์ วางแผนที่จะต่อยอดสินค้าออกไป โดยการผลิตงานคอลเลกชั่นของผู้ชายออกมา เพราะเดี๋ยวนี้ต้องยอมรับว่าผู้ชายที่เป็น metrosexual นั้น  มีมากขึ้นเรื่อยๆ และ อยากจะชวนเพื่อนๆ นักแสดงมาร่วมกันออกคอลเลกชั่นของตนเอง ซึ่งต้องติดตามต่อไปว่า จะเป็นเมื่อไหร่ และนักธุรกิจมือใหม่ จะมีอะไรใหม่ๆ ออกมาให้ดูกันอีกบ้าง

Create by smethailandclub.com