Starting a Business

Astastudio แบรนด์กระเป๋าผ้าที่เริ่มต้นตอนปี 2 สู่ธุรกิจรายได้ 6 หลักที่ชวนพ่อแม่มาเป็นช่างตัดเย็บ!

 

Text : Yuwadi.s

     บางทีปัญหาในชีวิตเป็นแรงฮึดที่ทำให้เราลุกขึ้นสู้จนค้นพบศักยภาพในตัวเอง อย่างเช่นสาวคนนี้ เอิง - โศภิตา คงศรี เจ้าของแบรนด์กระเป๋าผ้ายอดขายสุดปังบนโลกออนไลน์ที่อยู่มานานตั้งแต่ยุคบุกเบิกกับแบรนด์ Astastudio จากวันนั้นจนวันนี้ก็เป็นเวลา 9 ปีที่ Astastudio โลดแล่นอยู่บนช่องทางออนไลน์ ด้วยความโดดเด่นเรื่องสีสันสดใสแถมคุณภาพกระเป๋ายังเนี้ยบไม่เป็นสองรองใคร เพราะเบื้องหลังการตัดเย็บกระเป๋าทุกใบคือพ่อและแม่

     โดยเอิงได้เล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นให้ฟังตั้งแต่ตอนที่เธอเรียนมหาวิทยาลัยตอนปี 2 ในช่วงนั้นครอบครัวมีปัญหาบางอย่างและเธออาจจะต้องลาออกจากมหาวิทยาลัยกลางคัน ทำให้เธอตัดสินใจมองหาอะไรมาขายเพื่อยื้อเวลาชีวิตและอยากจะคว้าใบปริญญามาให้ได้ก่อน

     “เราเริ่มต้นจากการรับสินค้ามาขาย ด้วยความที่ว่าทางพ่อแม่ของเราโทรมาบอกว่าจะให้ออกจากมหาวิทยาลัย เพราะสู้ไม่ไหวด้วยอะไรหลายๆ อย่าง เขาเป็นช่างตัดเย็บผ้าทั่วไป แต่เราคิดว่ายังไงก็ได้ ขอเรียนให้จบก่อน ถ้าไม่มีปริญญา เราจะไปทำงานต่อยังไง พ่อแม่ก็จะลำบากต่อไปอีก เลยเริ่มรับมาขายไป แล้วก็พยายามเก็บเงินทุนแค่พันสองพันไปซื้อผ้ามาไม่กี่สิบหลา นั่งคุยกับพ่อแม่ว่าพอจะเย็บกระเป๋าผ้าเป็นไหม ทำแพทเทิร์นได้ไหม เราก็เริ่มทำกระเป๋าผ้าของเราเอง”

     ด้วยความที่พ่อและแม่เป็นช่างตัดเย็บ ทำให้เธอสามารถทำกระเป๋าผ้าได้โดยไม่มีขั้นต่ำ เธอทำออกมาล็อตแรกประมาณสิบใบเพื่อขายบนโลกออนไลน์ใน Instagram แม้ว่าจะยังไม่มีลูกค้าในช่วงแรกแต่เธอก็กัดฟันสู้และขายไปเรื่อยๆ จนแบรนด์เริ่มไปได้ดี ในช่วงมหาวิทยาลัยปี 3 เธอจึงตัดสินใจให้พ่อและแม่ลาออกจากอาชีพช่างตัดเย็บและมาทำกระเป๋าด้วยกันอย่างเต็มตัว

     “เราเริ่มขายออนไลน์ตั้งแต่สมัยไอจีแรกๆ แทบจะเป็นร้านออนไลน์แรกๆ ไม่มีหน้าร้าน เราใช้แค่กล้องมือถือทั่วไปถ่าย ต้องยอมรับเลยว่าแรกๆ แทบไม่มีลูกค้า อาศัยการที่เราเรียนสายไอที หาช่องทางไหนได้เราทำหมด ตอนแรกลงแค่ไอจี จากนั้นเริ่มทำเพจเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ก็ทำ แล้วก็เริ่มมีลูกค้าเข้ามา นานเป็นปีสองปีกว่าที่จะติดตลาด พอปีสาม เราให้พ่อแม่ออกจากงานเลย เพราะงานที่ทำเขามันค่อนข้างใช้แรงงานและมันเหนื่อยเกินไป เราให้พ่อแม่ออกมาแล้วเราจะดูแลรับผิดชอบเขาเอง เราก็พยายามผลักดันและตั้งใจกับการทำแบรนด์สุดๆ เพื่อให้เขาได้มีอาชีพตรงนี้ ให้เขาได้ทำงานที่เขารัก ความจริงตอนแรกเราทำแบรนด์เพราะแค่อยากส่งตัวเองเรียนให้จบเฉยๆ แต่พอทำไปเรื่อยๆ เราสามารถปิดหนี้ให้พ่อแม่ได้หมด มีเงินเหลือเก็บ มีเงินค้ำจุนพ่อแม่เวลาที่เขาลำบาก ณ ตอนนั้นเราคิดว่าไม่อยากทำงานอย่างอื่นแล้ว เราอยากทำตรงนี้ต่อไปเรื่อยๆ ให้ดีกว่านี้”

     สิ่งที่ทำให้แบรนด์กระเป๋าผ้าเล็กๆ ของเธอเป็นที่รู้จักในวงกว้างจนสามารถสร้างรายได้แตะ 6 หลักต่อเดือนได้นั่นคือการกระจายสินค้าไปในทุกช่องทางรวมถึงการใช้ Influencer เข้ามาช่วยเพื่อทำให้ลูกค้ารู้จัก

     “ช่วงแรกเราใช้วิธีการกระจายสินค้าไปในทุกช่องทาง นอกจากนี้เรายังใช้วิธีการหา Influencer แต่ไม่ได้ดังมาก ใช้เพื่อนหรือคนรู้จักที่มีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัยช่วยรีวิว โปรโมต แชร์ ตอนนั้นเราโชคดีมาก หลายคนช่วยเราโปรโมต เราก็ไม่ได้มีงบทางการตลาดเยอะแล้วเขามีน้ำใจกับเรา พอมีคนโปรโมตเรื่อยๆ มีลูกค้ามากขึ้น พอลูกค้าได้รับของไป แทบทุกคนจะกลับมารีวิวว่าสินค้าคุณภาพดีมาก นี่คือจุดที่ทางแบรนด์เราให้ความสำคัญคือเราอยากทำกระเป๋าผ้าใบหนึ่งให้ลูกค้าไม่ต้องซื้อซ้ำใบใหม่ๆ แต่อยากให้ใช้ได้ยาวๆ คุ้มค่ากับที่เขาซื้อไป”

     จากจุดเริ่มต้นแค่เงินลงทุนไม่กี่พันบาทกับกระเป๋าผ้าสิบใบสู่วันนี้ที่แบรนด์ Astastudio สามารถขายได้ต่อเดือนหลักพันใบและมียอดขาย 2-3 แสนบาทต่อเดือน โดยเบื้องหลังความสำเร็จประกอบไปด้วยคน 4 คนด้วยกันนั่นคือเอิง พ่อ แม่และแฟน หนึ่งในสิ่งที่ทำให้แบรนด์เติบโตได้อย่างต่อเนื่องท่ามกลางคู่แข่งที่เกิดขึ้นใหม่ทุกวันบนโลกออนไลน์นั่นคือคุณภาพที่คงไว้อย่างดีและการพัฒนาสินค้าให้ดีขึ้นเรื่อยๆ

     “ธุรกิจของเรามีกัน 4 คน เราให้ความสำคัญกับการทำสินค้าให้มีคุณภาพที่สุด แต่ก่อนลูกค้าก็จะบอกว่าของเราคุณภาพดีแล้วนะ การที่เขาบอกมาแบบนั้นเราดีใจ แต่สิ่งที่ต้องคิดต่อคือจะทำยังไงให้สินค้าดีขึ้นกว่าเดิม เขาชอบของเราแล้ว เขาอาจจะมาซื้อของเราอีก แล้วถ้าเขาซื้อใบใหม่ เราจะทำให้สินค้ามีคุณภาพเพิ่มจากแบบเก่ายังไงได้อีก การที่เราอยู่ได้นานขนาดนี้ เพราะว่าลูกค้าบอกกันปากต่อปาก ว่าสินค้าเราใช้ทนจริงๆ ใช้ได้นานและใช้ได้ในชีวิตประจำวันได้จริงๆ”

     โดยเอิงได้แชร์ถึงหัวใจสำคัญในการบริหารธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในแบบฉบับของเธอว่าสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญนั่นคือความจริงใจและความเข้าใจว่าลูกค้าต้องการอะไร ทำให้เธอสามารถสร้างกระเป๋าที่โดนใจลูกค้าได้นานถึง 9 ปี

     “หัวใจสำคัญในการทำแบรนด์ เราแค่ต้องจริงใจกับลูกค้าและเข้าใจให้มากๆ ว่าเขาจ่ายเงินให้เรา เขาต้องการอะไรจากเรา อย่างที่เราพูดว่าเราไม่ได้หวังว่าลูกค้าคนหนึ่งจะต้องมาซื้อกระเป๋าเราทุกเดือนหรือทุกปี แต่เราแค่คาดหวังว่าให้เขาซื้อของเราแล้วได้ของที่มีคุณภาพจริงๆ เรามอบความจริงใจให้เขา เราต้องไม่ขายของเกินจริง ธุรกิจต้องพึ่งความจริงใจและของต้องดีตามที่เราบอกออกไป” เธอเล่าปิดท้าย

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup