Starting a Business

เปลี่ยนไลฟ์สไตล์ให้เป็นธุรกิจ Smoothie Queen ผักพร้อมปั่น กับ “แต ธนานิษฐ์” แห่งเพจ ลืมแก่ โดย ป้าแต

 

Text : จีราวัฒน์ คงแก้ว

     ในชีวิตเคยหยุดหายใจไป 2 ครั้ง เป็นโรครุมเร้าถึง 38 โรค ญาติผู้ใหญ่เสียชีวิต วันเดียวกับที่ถูกคนรักบอกเลิก และเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ เคยถูกโกง ธุรกิจเจ๊ง เป็นซึมเศร้าจนคิดอยากฆ่าตัวตาย พอกลับมาตั้งหลักได้ ก็ต้องล้มอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า... 

     นี่คือชีวิตจริงยิ่งกว่านิยายของ “แต-ธนานิษฐ์ จิรธนัยโรจน์ หรือ “ป้าแต” แห่งเพจ “ลืมแก่ โดย ป้าแต” วันนี้เธอไม่เพียงหลุดพ้นจากทุกวิกฤตมาได้ ทว่ายังเปลี่ยนตัวเองด้วยแนวคิด ไลฟ์สไตล์เมดิซีน (Lifestyle Medicine) หรือการปรับพฤติกรรมและวิถีการดำเนินชีวิตให้เป็นยารักษาตัวเอง ผลพลอยได้สำคัญคือการแจ้งเกิดธุรกิจใหม่ “Smoothie Queen” แบรนด์ผักพร้อมปั่น สร้างโอกาสในตลาดสุขภาพได้อย่างน่าสนใจอีกด้วย 

ผู้ประกอบการนักสู้ ที่อยู่ร่วมกับโรคภัยตั้งแต่เกิด

     ธนานิษฐ์ เกิดที่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ไม่ได้ถูกเลี้ยงโดยนมแม่ แต่โตมากับน้ำข้าว ในชีวิตเกือบตายถึง 2 ครั้ง คือรกพันคอเมื่อตอนเกิด และเป็นไข้มาเลเรียเมื่อวัยเด็ก อยู่ในครอบครัวที่ยากจน เป็นสารพัดโรคตั้งแต่ภูมิแพ้ งูสวัด เจอซีสในมดลูกตอนอายุ 18 และถูกรักษาแบบหนูทดลองจนมีอาการวัยทองตั้งแต่วัยเพียง 18 ปี น้ำในข้อเข่าเสื่อม เป็นออฟฟิศซินโดรม ฯลฯ เบ็ดเสร็จตั้งแต่เด็กจนโตเป็นมาแล้วถึง 38 โรค

     ระหว่างทางของการเผชิญกับโรคร้าย เธอมีเลือดนักสู้อยู่เต็มเปี่ยม โดยออกจากบ้านเข้ากรุงเทพตั้งแต่อายุ 15 มาทำงานเป็นกรรมกรเข็นเครื่องมือช่างขายตามคลองถม และลงเรียนกศน.ในวันหยุด นอนเที่ยงคืนตื่นตีสี่จนคุ้นชิน ความขยันทำให้ได้ขยับไปเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดดีลของเข้าห้างฯ พออายุ 19 ก็มีธุรกิจส่วนตัวได้สำเร็จ

     “ตอนนั้นทำงานในบริษัทเกี่ยวกับแว่นตา วันหนึ่งเจ้าของโดนฟ้องล้มละลาย ด้วยความที่เวลาทำงาน เราจะทำทุกอย่างใครใช้ให้ทำอะไรก็ทำหมด เลยได้ช่วยทุกตำแหน่ง พอบริษัทล้มละลาย ต้องตกงานกะทันหัน เลยไปคุยกับรุ่นพี่ว่ามีธุรกิจนี้นะกำไรดีมากเลย สนใจมาทำด้วยกันไหม เลยได้ออกมาเปิดบริษัท เป็นหน่วยที่ออกตรวจตามชุมชนแล้วก็รับตัดแว่นสายตา ซึ่งทุกอย่างก็ไปได้ดี ใช้เวลา 3 เดือนคืนทุน สามารถเลี้ยงดูครอบครัว ส่งเงินให้คุณยายได้ ระหว่างนั้นก็เรียนปริญญาตรีภาคค่ำที่ราชภัฏสวนดุสิตไปด้วย”

     ทว่าหลังเหตุการณ์ปฏิวัติรัฐประหาร งานราชการซึ่งเป็นตลาดหลักต้องหยุดชะงักลงชั่วคราว เธอที่ยังเด็ก อ่อนหัดประสบการณ์ ทั้งยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ จึงต้องปิดบริษัทไปในที่สุด

ถูกโกงจนหมดตัว ชีวิตติดลบ ต้องแบกรับหนี้สิน

     สิ่งที่เจ็บปวดไปกว่าการที่บริษัทเจ๊ง คือคุณยายที่เลี้ยงมาต้องเสียชีวิตลงกะทันหัน ทั้งที่เธอยังเรียนไม่จบยังไม่ทันได้เอาปริญญาไปฝากคุณยายด้วยซ้ำ ระหว่างเดินทางไปงานศพคุณยายยังขับรถประสบอุบัติเหตุ ซ้ำเติมด้วยถูกแฟนบอกเลิก ที่มาของอาการซึมเศร้า อยากฆ่าตัวตายตลอดเวลา เพราะไม่รู้จะมีชีวิตอยู่เพื่อใครอีกต่อไปแล้ว

     “เริ่มรู้สึกว่ามีเงินก็ซื้อชีวิตคนไม่ได้ แล้วเราจะดิ้นรนไปทำไม ตอนนั้นตัดสินใจนั่งรถเมล์จากต้นสายไปสุดปลายสาย นั่งวนมันไปทั้งวัน เลยได้ไปเห็นชีวิตคนที่เขาพิการแต่ยังพยายามอยากมีชีวิตอยู่ เห็นคนอื่นที่เขาลำบากกว่าเรา มันทำให้ฉุกคิดได้ว่า เราต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป เลยเริ่มมาทำธุรกิจใหม่อีกครั้ง”

     เธอตัดสินใจเช่าห้องราคาถูกกั้นพื้นที่เล็กๆ ให้พอนอนได้ แล้วเปิดหน้าร้านเป็นพื้นที่ขายของ ขายทุกอย่างตั้งแต่ไก่ย่างห้าดาว ขายฝรั่งแช่บ๊วย ขายน้ำส้มคั้น ขายประกัน ขายพรบ. ฯลฯ เรียกว่ามีอะไรที่ทำเงินได้ก็ทำหมด จนพอมีเงินเก็บและเริ่มกลับมายืนด้วยตัวเองได้อีกครั้ง ทว่ากลับต้องล้มเป็นครั้งที่สอง เพราะถูกเพื่อนรักโกงจนหมดตัว

     “ตอนนั้นเพื่อนมาชวนไปปล่อยเงินกู้ ปรากฏถูกเพื่อนโกงไป 6-7 แสนบาท ไม่ใช่แค่เงินสดอย่างเดียว แต่เรายังใช้บัตรเครดิตไปกดเงินสดออกมาให้เพื่อน ไปยืมคนใกล้ตัวมาด้วย ปรากฏมารู้ความจริงว่าเขาไม่ได้เอาเงินเราไปปล่อยกู้ แต่เอาไปเล่นการพนัน ครั้งนี้ไม่ใช่แค่หมดตัว แต่คือติดลบเลย ต้องเป็นหนี้บัตรเครดิตสิบกว่าใบ ไหนจะหนี้เพื่อนที่ไปยืมมาอีก ตอนนั้นขายทุกอย่าง ขนาดพระเลี่ยมทองยังงัดกรอบไปขายเลย สุดท้ายพอหมดหนทางก็ตัดสินใจไปสมัครงาน”

     ที่มาของการผันชีวิตสู่อาชีพเซลส์ที่สามารถทำยอดขายสูงสุดอยู่หลายครั้ง โดยเฉพาะการได้มาเป็นเซลส์รถหรู รายได้ดี มีเงินซื้อบ้านได้ แต่การทำงานภายใต้ความกดดัน แถมยังต้องเดินทางไปทำงานไกลบ้าน สุดท้ายทำได้ 1 ปี ก็เริ่มมีปัญหาสุขภาพ มีเงินแต่ไม่เคยได้ใช้เพราะแต่ละวันหมดไปกับการทำงานหนัก และเริ่มมีปัญหาความสัมพันธ์กับคนรักอีกด้วย เธอจึงตัดสินใจทิ้งเงินเดือนหลักแสน ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย

เปลี่ยนชีวิต สยบโรคร้าย ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

     ธนานิษฐ์ ตัดสินใจไปเรียนภาษาที่ออสเตรเลีย พอไปใช้ชีวิตในสิ่งแวดล้อมใหม่ ในสภาพอากาศที่ดี ทำให้อาการภูมิแพ้เริ่มหาย โรคปวดหัว ไมเกรน ออฟฟิศซินโดรม เริ่มดีขึ้น

     “ถามว่าทำไมดีขึ้น พอป่วยจะไปซื้อยา เขาก็บอกว่าให้ไปกินวิตามินซีสิ ไปนอนแล้วดื่มน้ำเยอะๆ สิ เราก็เริ่มเอะใจเลยตัดสินใจลองหยุดยาทุกตัว แล้วเริ่มหันมาดูแลตัวเอง กินอาหารที่ดี เริ่มกินพวกผักผลไม้ปั่น เพราะที่โน่นมีเยอะมากแล้วก็ปลอดภัยด้วย พอกลับมาเมืองไทย ไปตรวจสุขภาพ ปรากฏว่าสุขภาพดีเสมือนทุกอย่างปกติ ไม่เคยเป็นโรคอะไรมาก่อน นี่เป็นจุดเริ่มต้นให้ตระหนักว่า กินอาหารให้เป็นยา แล้วจะได้ไม่ต้องกินยาเป็นอาหาร” เธอบอกจุดเปลี่ยน

     หลังชีวิตเริ่มกลับมาดีขึ้น เธอกลับเมืองไทยมาเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น สาขา MBA ระหว่างนั้นก็มีธุรกิจของตัวเอง ทั้งร้านทำเล็บ ร้านทำผม พอเรียนจบก็ทำธุรกิจเบเกอรี่ส่งที่ร้านคาเฟ่ อเมซอน จากนั้นมีโอกาสเปิดร้านอาหารวันยังค่ำ ที่อุดรธานี ทว่าต้องเจอวิกฤตชีวิตอีกระลอก เมื่อแฟนบอกเลิก ญาติผู้ใหญ่ที่เหลืออยู่คนเดียวเสียชีวิต ในห้วงเวลาเดียวกับข่าวการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9

     “ตอนนั้นไม่สามารถรันธุรกิจอะไรต่อได้ ร้องไห้ตลอดเวลา ทุกเรื่องประเดประดังเข้ามาพร้อมกันหมด มีแว๊บหนึ่งรู้สึกว่าอยากตาย แต่พอมันจะตายจริงๆ ก็เกิดกลัวตายขึ้นมา เลยบอกว่า ถ้ารอดตายคืนนี้ไปได้เดี๋ยวจะไปวัด แล้วก็ผ่านคืนนั้นไปได้จริงๆ เลยขับรถไปวัดป่าใน จ.ขอนแก่น ไปนั่งร้องไห้กับแม่ชีตั้งแต่ 2 ทุ่ม จนถึงตี 2-3 แล้วก็ได้ข้อสรุปกับตัวเองว่า เดี๋ยวจะกลับไปเมลเบิร์นอีกครั้ง เพราะรู้สึกว่าไปเปลี่ยนชีวิตที่นั่น น่าจะช่วยฮีลเราได้ ไม่เป็นไรจะเสียอะไรตรงนี้ไปก็ช่างมัน ตื่นมาสองขายังอยู่ ลมหายใจยังอยู่ ชีวิตยังอยู่ อะไรจะเสียให้เสียไป ขอรักษาชีวิตไว้ก่อน”

 

ฟื้นชีวิต พร้อมลุยธุรกิจใหม่

     การไปออสเตรเลียครั้งที่ 2 เธอปฏิญาณกับตัวเองว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะไม่ละทิ้งการดูแลตัวเอง เธอเริ่มจากออกไปวิ่ง กลับมาดูแลตัวเอง กินอาหารที่ดี ดูแลสุขภาพกายใจอย่างต่อเนื่อง จนเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น 

     หลังกลับมาเมืองไทย เธอใช้ช่องทางออนไลน์บอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง เพื่อหวังว่าจะสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับใครสักคนได้ ในห้วงเวลาที่รู้สึกดิ่งและไปต่อไม่ไหว

     “เราเริ่มจากไลฟ์สด เพื่อให้กำลังใจคนไปเรื่อยๆ ตอนนั้นยังใช้เพจส่วนตัวก่อนจะมาเปิดเพจ ลืมแก่ โดย ป้าแต ชอบคำว่าลืมแก่ คือลืมมันไปเถอะว่าเราจะแก่ คำว่าเกิดแก่เจ็บตายเป็นของธรรมดา แต่เราสามารถที่จะชะลอได้ให้มันเป็นไปตามสมควร แต่ไม่ได้ไปเร่งมัน ก็เลยเป็นที่มาของชื่อเพจ ลืมแก่ เป็นเพจที่พูดถึงวิถีชีวิต คอนเซ็ปต์ของเราคือ ไลฟ์สไตล์เมดิซีน (Lifestyle Medicine) คือใช้วิถีชีวิตตัวเองเป็นยารักษาตัวเอง ไม่ว่าจะรักษากายหรือใจก็ตาม”

     ระหว่างทางของการสร้างแรงบันดาลใจ เธอตั้งกลุ่มชื่อ “มือใหม่หัดปั่น โดย ป้าแต ลืมแก่” ในช่องทางเฟซบุ๊ก เพื่อแบ่งปั่นความรู้เรื่องผักผลไม้ปั่น สร้างสังคมนักปั่นผักที่รักสุขภาพและสนุกกับการปั่นผักให้คนที่รัก จนก่อเกิดเป็นชุมชนเล็กๆ ของคนคอเดียวกัน ที่สนใจในสิ่งเดียวกันในเวลาต่อมา

     “จุดเริ่มต้นมาจากมีหลานชายตอนนั้นหลานอายุขวบครึ่ง แล้วพาร์ทเนอร์เองก็เป็นคนที่ไม่กินผักเลย ต้นหอมยังเขี่ยทิ้ง เราเลยมาคิดว่าจะทำอย่างไรให้หลานกินผัก ก็เลยเริ่มปั่นผัก เราอยู่คอนโดห้องใกล้กันก็ปั่นผักไปนั่งกินด้วยกันทุกวันตอนเช้า ซึ่งทุกคนกินหมด หลานก็อยากกินด้วย หลานก็กินผักปั่นมาตั้งแต่ขวบครึ่งโดยที่ไม่เคยเข้าโรงพยาบาลเลย ตอนนี้หลาน 3 ขวบแล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ เมื่อเราไม่อยู่บ้านทุกคนจะไม่ได้กินผักปั่น คนอื่นทำก็ไม่อร่อย คนในกลุ่มมือใหม่หัดปั่นเองก็จะบ่นเหมือนกันหมดว่า มันยุ่งยาก วัตถุดิบหายาก พอโควิดมาทุกคนก็บอกว่า อยากให้ทำแบบนี้ขายบ้าง เลยเป็นที่มาของแบรนด์ผักพร้อมปั่น Smoothie Queen ที่เพียงฉีกซอง เติมน้ำ ปั่น ก็อร่อยง่าย ได้สารอาหารครบ 7 หมู่”

พัฒนาสินค้า ขับเคลื่อนแบรนด์ให้เติบใหญ่ในตลาดสุขภาพ

     แม้จะเพิ่งคลอดสินค้าออกสู่ตลาดได้ไม่นานแต่ Smoothie Queen ก็มีการพัฒนาตัวเองไม่หยุดนิ่ง ทั้งพัฒนาโรงงานให้ได้มาตรฐาน และหาทางพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้เข้าร่วมโครงการ DIPROM Agro Genius 2022 โครงการยกระดับและสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม

     เป้าหมายคือ เธออยากนำพาแบรนด์ Smoothie Queen โบยบินสู่ตลาดสากล แต่ก่อนจะไปถึงขั้นนั้นคืออยากขยายตัวแทนจำหน่าย เพื่อนำพาแบรนด์น้องใหม่ กระจายสุขภาพดีสู่คนไทยทั่วประเทศ

     “วางไว้ว่าประมาณ 5 ปี เราน่าจะส่งออกได้ แต่กว่าจะถึงตอนนั้นเราก็ต้องมีมาตรฐาน มีอะไรที่มากกว่านี้ก่อน แต่ตอนนี้เราเพิ่งเริ่มต้น ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่ต้องปรับปรุงอยู่ มองว่าภายในปี 2566 อยากมีตัวแทนตามภูมิภาคต่างๆ ให้ครบก่อน เพื่อที่จะเป็นฮับในการกระจายสินค้าไปทั่วประเทศ

     มองว่าวันนี้ตลาดคนรักสุขภาพเติบโตขึ้นมาก ตั้งแต่โควิดมาทุกคนจะตระหนักมากว่า เงินไม่ได้สำคัญเท่าภูมิคุ้มกัน เงินไม่สามารถกันโควิดได้ แต่ภูมิคุ้มกันทำให้เราไม่ติดโควิดได้ คนจึงหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น พยายามสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี ซึ่งก็เริ่มต้นจากการกินอาหารที่ดี ที่ผ่านการปรุงแต่งน้อยที่สุด เป็นอาหารจากธรรมชาติ นั่นจึงส่งผลบวกถึง Smoothie Queen ตามไปด้วย” เธอบอกโอกาส

     ในชีวิตต้องล้มและลุกอยู่บ่อยครั้ง เมื่อถูกถามว่า กลัวไหมว่าครั้งนี้จะเฟลอีก เธอบอกเราว่าไม่เคยกลัว เพราะการที่ยังไม่ได้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ ไม่ได้หมายความว่าล้มเหลว ตราบใดที่ยังไม่ล้มเลิก

     “ต่อให้จะยังไม่ทำกำไร ยังไม่ได้รีเทิร์นกลับมาในรูปแบบที่เราต้องการ ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ประสบความสำเร็จ อย่าง Smoothie Queen ตั้งแต่แรกเราไม่ได้มองว่าเขาเป็นธุรกิจ แต่คืออุปนิสัยของเราที่ชอบดูแลตัวเอง เป็นวิถีชีวิต ต่อให้วันนี้ไม่มีคนกิน เราก็ยังคงกินของเราต่อไป ฉะนั้นถ้าเราไม่ล้มเลิก เราไปต่อได้อยู่แล้ว ในการทำธุรกิจเขาบอกว่าต้อง ทำทันที คือทำเท่าที่ทรัพยากรมี แต่มองว่าสิ่งสำคัญที่จะทำให้ซัคเซสหรือไม่นั้นต้อง ทำทนทาน คือต้องทนทานและต้องปรับตัวไปให้ได้” เธอย้ำในตอนท้าย

     อยากรู้จักตัวตนของป้าแต ลืมแก่ ไปพบกับเธอและ Smoothie Queen ได้ที่งาน PLANT BASED Festival 2022 มหกรรมอาหารแห่งอนาคต ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 9-10 กันยายนนี้ ณ สามย่านมิตรทาวน์ ฮอลล์ ชั้น 5

Line@ : @smoothiequeen
FB : Smoothie Queen
IG : smoothiequeenthailand
เว็บไซต์ : https://smoothiequeenthailand.com



www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup