Starting a Business

เจ้าแรกของไทย! Same Thang กระเป๋าจากคอกาแฟที่ชุบชีวิตให้ซองกาแฟกลับมาขาย เพิ่มมูลค่าได้หลายเท่าตัว!

 

Text : Yuwadi.spm

     เมื่อเทรนด์การดื่มกาแฟกำลังมาแรง โดยเฉพาะในช่วงโควิดที่หลายคนอาจจะต้องอยู่แต่บ้าน ออกไปไหนมาไหนได้ยาก หลายคนจึงเปลี่ยนบ้านให้กลายเป็น Home Café ดริปกาแฟดื่มเองหรือแม้แต่ผันตัวไปทำธุรกิจขายกาแฟที่บ้าน หนึ่งในนั้นคือ โป๊ป - กิตฐนพงษ์ โรจนบวร ที่เคยเปิดร้านขายของที่สวนจตุจักรแต่ต้องปิดไปเพราะโควิด ทำให้เขาต้องอยู่บ้านมากขึ้นประกอบกับความชอบดื่มกาแฟเป็นทุนเดิม เขาจึงใช้ช่วงเวลานี้เดินทางเข้าสู่โลกกาแฟทั้งชงดื่มเองและเปิดร้านขายในหมู่บ้าน นี่คือจุดเริ่มต้นของแบรนด์กระเป๋าจากซองกาแฟเจ้าแรกของไทย

     “เราเป็นคนดื่มกาแฟเป็นประจำ แต่ช่วงโควิดมีการล็อกดาวน์ ไม่สามารถออกไปดื่มกาแฟได้ตามปกติ เลยเริ่มศึกษาการทำกาแฟดื่มเอง จากที่เป็นคนกินก็เข้าสู่โลกกาแฟอย่างไม่รู้ตัว มีอุปกรณ์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เลยลองเปิดร้าน Slowbar เล็กๆ ที่บ้าน เพราะคนในหมู่บ้านก็ออกไปหากาแฟดื่มไม่ได้เหมือนกัน เราจึงมีเมล็ดกาแฟดีๆ ให้ตัวเราเองและเพื่อนบ้านได้ลองชิม ทีนี้ด้วยการออกแบบซองเมล็ดกาแฟที่สวยงาม เราเสียดายที่จะทิ้ง ก็เลยเก็บมาเรื่อยๆ จนจำนวนเยอะขึ้น คิดต่อว่าควรจะทำอะไรกับมันดี ทดลองทำไปหลายอย่าง แต่มาจบที่กระเป๋า เพราะสามารถสร้างมูลค่าได้และใช้ในชีวิตประจำวันได้”

    จากไอเดียสู่โปรเจกต์ที่เต็มไปด้วย Passion ของคนรักกาแฟ กลายเป็นแบรนด์ Same Thang ธุรกิจที่ยึดหลัก Circular economy เพราะนอกจากที่อยากทำกระเป๋าสวยๆ ดีไซน์เก๋แล้วยังต้องการที่จะลดขยะจากอุตสาหกรรมกาแฟด้วย โดยโป๊ปเล่าว่าด้วยความที่กระบวนการผลิตซองมาเพื่อรักษาคุณภาพของเมล็ดกาแฟ ทำให้ซองเมล็ดกาแฟเป็นขยะที่ย่อยสลายยากกว่าพลาสติกทั่วไป

     “ตอนแรกเราไม่ได้คิดถึงขั้นที่ว่าซองกาแฟจะเป็นภาระของโลก แค่คิดว่าสวยดีไม่อยากทิ้ง แต่พอเรามาลงลึกในรายละเอียดว่ามันทำมาจากอะไร ทิ้งแล้วไปไหน เลยได้ข้อมูลว่าซองมันมีฟอยด์สองชั้น ต้องปกป้องเมล็ดกาแฟให้ได้นานๆ เลยทำลายยาก วิธีทำลายคือการฝังกลบและต้องใช้เวลาย่อยสลาย 400 – 500 ปี ทิ้งแล้วมันไม่ได้จบที่เราทิ้ง แต่มันไปเป็นอย่างอื่นต่อในอนาคต แถมตอนนี้คนดื่มกาแฟกันเยอะมาก จำนวนการกินที่เพิ่มขึ้นก็บ่งบอกถึงขยะที่มันเยอะขึ้นมาก เลยคิดว่างั้นถ้าเรามีซองที่ดี ที่สวย ก็ดีกว่าที่เราจะทิ้งไป” 

     แต่กว่าที่จะออกมาเป็นกระเป๋าจากซองกาแฟนั้นไม่ง่าย เพราะเป็นวัสดุที่ใหม่มาก ยังไม่มีใครทำ ในช่วงแรกต้องทำแล้วทิ้งไปหลายร้อยใบกว่าที่จะได้ออกมาเป็นกระเป๋าสวยๆ ในเวอร์ชั่นปัจจุบัน โดยจุดเด่นของกระเป๋าคือการดีไซน์ที่มีความเฉพาะตัว เก็บรายละเอียดและเอกลักษณ์ของซองกาแฟไว้ได้อย่างครบถ้วนในกระเป๋าหนึ่งใบ แถมยังเป็นงานคราฟท์ 100% ที่มีเพียงใบเดียวในโลกเท่านั้น

       “ด้วยความที่มันเป็นวัสดุใหม่ ยังไม่มีใครเคยทำ เราส่งให้ช่างประมาณ 6 เจ้า 5 เจ้าถอนตัวหมดเลย สุดท้ายเหลือช่างแค่คนเดียว เป็นพาร์ทเนอร์เราที่เป็นช่างกระเป๋าในจตุจักร เราคุยกับเขาว่าผมมีซองแบบนี้นะ จะทำกระเป๋า เขาเก่งมากๆ และตั้งใจ ช่วงแรกของเสียไปเยอะเหมือนกัน แต่เขาก็สู้กับเราจนได้งานที่ดี เขาจะเก่งเรื่องการจับคู่สี เลือกวางคอมโพส จับวัสดุมามิกซ์กัน งานก็ออกมาได้ดี ทำให้ผลงานของเราแต่ละชิ้นเปรียบเสมือนงานศิลปะที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก”

     อีกหนึ่งความท้าทายในการทำแบรนด์ คือการเฟ้นหาซองกาแฟใช้แล้ว เพราะเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ใช้แล้วทิ้ง ไม่มีใครเก็บ อีกทั้งคนยังมองไม่เห็นภาพว่าแบรนด์จะนำไปทำอะไร จนเขาได้ออกมาเป็นสินค้าตัวอย่างก็ทำให้คนเข้าใจมากขึ้น โดยในช่วงแรกจะเป็นการรับซื้อซองกาแฟ หลังจากนั้นเปลี่ยนเป็นโมเดลการเทิร์นซองกาแฟแลกกับกระเป๋า จนคนเริ่มรู้จัก Same Thang มากขึ้น ล่าสุดเขาจึงทำลายสถิติได้ซองกาแฟมากถึง 3,000 ซองจากงาน Thailand coffee fest 2022 ภายในเวลาแค่ไม่กี่วัน

     “ซองกาแฟจะมีประเภทต่างๆ เราจะแยกเป็น 3 ประเภท หนึ่งคือพลาสติกพิมพ์ลาย สองคือพลาสติกแปะสติกเกอร์ สามคือกระดาษแปะสติกเกอร์ การใช้งานแต่ละอันก็ต่างกัน เราจะให้คะแนนไม่เท่ากัน กระเป๋าหนึ่งในเราตีไว้ 30 คะแนน ซึ่งล่าสุดเราได้โอกาสจากงาน Thailand coffee fest ได้มาบูธหนึ่งสำหรับดรอปซองกาแฟและแลกกระเป๋ากลับไป เราได้ซองกาแฟประมาณ 9 กระสอบ เยอะมากๆ จบงานได้ประมาณ 3,000 กว่าซอง เราก็มีการทำวิจัยต่อด้วยว่าซองประเภทต่างๆ มีเท่าไหร่ สะท้อนถึงการบริโภคของคนกาแฟว่าชอบกาแฟแบบไหน ยี่ห้ออะไร คั่วแบบไหน เป็นวิจัยเล็กๆ ที่สะท้อนถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมที่เป็นพลาสติกจากอุตสาหกรรมกาแฟและข้อมูลผู้บริโภคของคนกาแฟ”

     ทางด้านการขายของแบรนด์ ด้วยความที่กระเป๋าจากซองกาแฟจะมีแค่ 1 ใบ 1 แบบ ทำให้ทางแบรนด์จะโพสต์ขายเป็นรอบ และแต่ละรอบจะมีใบที่โดดเด่นที่สุด ซึ่งจะใช้การเปิดประมูล เรียกว่า ใบ Finale เคยขายได้ราคาสูงสุดถึง 1,700 บาทเลยทีเดียว! โดยกลุ่มลูกค้าหลักของแบรนด์จะมีทั้งกลุ่มคนที่เป็นสายกรีน รักเรื่องสิ่งแวดล้อมและชื่นชอบสินค้ารักษ์โลก ส่วนอีกกลุ่มคือคนในโลกกาแฟ ที่พร้อมจะซัพพอร์ทสินค้าจากกาแฟ ทำให้ตอนนี้ทางแบรนด์โพสต์ขายแต่ละรอบ ก็หมดภายในไม่กี่ชั่วโมง

     โดยโป๊ปได้ปิดท้ายถึงหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจในแบบของตัวเอง จนสามารถหยิบเอาวัสดุที่หลายคนมองข้ามมาสร้างสรรค์ให้กลายเป็นของใหม่ที่เพิ่มมูลค่าได้หลายเท่าตัว

     “ทุกอย่างต้องเริ่มจาก Passion อย่างเรา Passion เต็มมากเพราะเราสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อม งานคราฟท์และกาแฟ ทุกอย่างมารวมกันมันพอดี ในจังหวะที่ดีมากๆ หัวใจสำคัญจริงๆ คือ Passion และต้องจริงจัง ใส่ใจ ทุ่มเท จริงใจ อีกอย่างคืออยากฝากเรื่องขยะ พลาสติกบ้านเราส่วนใหญ่จะถูกเรียกว่าพลาสติกกำพร้า ใช้ครั้งเดียวทิ้ง แต่มันมีขยะที่เป็นวัสดุดีๆ อย่างซองกาแฟ อยากให้ลองคิดก่อนทิ้ง ว่ามันสามารถเอาไปทำอะไรได้ต่อบ้าง ก็จะช่วยลดขยะพลาสติกให้โลกได้”

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup