Starting a Business

จับคู่ความต่าง! หนึ่งคนถนัดกาแฟ อีกคนเก่งขนมปัง สูตรปั้น BECX คาเฟ่เล็กๆ ที่มัดใจลูกค้าได้อยู่หมัด

 

Text : Yosita T.

     ทุกวันนี้มองไปทางไหนเรามักจะเห็นคาเฟ่ทั้งร้านเก่าและเปิดใหม่ตั้งอยู่เต็มไปหมด แต่ละร้านก็มีเอกลักษณ์ของตัวเองที่สามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าได้ แต่จะมีสักกี่ร้านที่ลูกค้าอยากไปทุกวันเพี่อไปนั่งพูดคุยกับเจ้าของร้านแบบเรื่อยเปื่อยได้เพราะเหงา เรากำลังพูดถึงร้าน BECX คาเฟ่เล็กๆ ย่านปากเกร็ดของ เบ๊บ-คุณาวุฒิ บุญสนอง ที่เคยเป็นคนทำกาแฟและbar manager ที่ร้านแห่งหนึ่งมาก่อน จนมีไอเดียอยากทำร้านในแบบฉบับของตัวเอง และได้มาพบกับเพื่อนที่เป็นพาร์ทเนอร์คนสำคัญอย่าง แก้ว-กมลา ธานีโต เจ้าของร้านขนมปังโฮมเมด Salee bakehouse  ผู้ที่มาช่วยเติมเต็มให้ BECX มีความสมบูรณ์มากขึ้นโดยการทำขนมปังแสนอร่อยในแบบฉบับของแก้ว

      BECX เป็นอีกคาเฟ่ที่มีความน่าสนใจ ทั้งในแง่มุมของผู้ประกอบการที่พาร์ทเนอร์ 2 คน ไม่ได้สนิทหรือรู้จักก่อนมาก่อน แต่อาศัยความถนัดของแต่ละคนมาช่วยเติมเต็มให้กลายเป็นคาเฟ่ที่ดึงดูดลูกค้า และความอยู่รอดเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตและจิตใจของตัวเองในยุคที่มีคาเฟ่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด รวมถึงในแง่มุมของผู้บริโภคที่มีความสนใจอะไรในร้านนี้ เพราะเมื่อเข้าไปนั่งในร้านมักจะเกิดคำถามว่า ทำไมร้านนี้ใครเข้ามาก็ดูสนิทกับเจ้าของร้านไปหมดเลย แล้วทำไมร้านนี้กลายเป็นพื้นที่ที่หลายคนอยากมานั่งเอ็นจอยทุกวัน มากกว่านั่งดื่มกาแฟ และมากกว่าการนั่งรับประทานขนมปัง

 

BECX เป็นเหมือนโชว์รูมหรือหน้าร้านของ Salee bakehouse 

     หลายคนอาจสงสัย ทำไม BECX ถึงเป็นหน้าร้านของ Salee bakehouse ก็เพราะแก้วใช้บ้านตัวเองเป็นครัวทำขนมปังขาย แต่พอได้รู้จักและตกลงเป็นพาร์ทเนอร์กับเบ๊บ หน้าบ้านของแก้วจึงกลายเป็นที่ตั้งของร้าน BECX โดยมีแก้วคอยทำขนมมาวางขายในร้าน เบ๊บบอกว่า ร้าน BECX เปรียบเสมือนเป็นโชว์รูมของ Salee bakehouse ที่เอาขนมของแก้วมาโชว์ให้คนเห็นและได้ลองทาน

     “ตอนนั้นก็หาที่เปิดร้าน หาไปทั่วเลย สุดท้ายมาจบลงที่หน้าบ้านแก้ว รู้สึกมันเหมาะสมนะ มันไม่ได้ใหญ่ไปเพราะเรารู้สึกว่าเราทำขนาดเท่านี้คือทำไหว แล้วก็ตัดสินใจเอาขนมของแก้วมาวางขายหน้าร้าน ทำเหมือนร้านเราเป็นโชว์รูมของ Salee bakehouse ไปเลย ถ้าใครอยากดูตัวอย่างของขนมปังจริงๆ ก็มาดูได้ที่นี่ แล้วก็สามารถสั่งได้เลย พอมีคนมีกินกาแฟร้านเราตอนเช้า ทุกคนก็จะเริ่มรู้จักแก้วแล้วก็ขนมปัง Salee bakehouse ไปด้วย”

 

 

โลกความจริงของธุรกิจ คนหนึ่งคนไม่จำเป็นต้องทำเก่งทุกอย่าง

    การที่เบ๊บเลือกรับขนมปังของแก้วมาวางขายหน้าร้าน ไม่ใช่สิ่งแรกที่อยู่ในไอเดียของเขาเลย ก่อนจะเปิดร้าน เบ๊บมีไอเดียอยากเปิดร้านที่ทำกาแฟเองและทำขนมเองด้วย นั่นจึงทำให้ทั้งสองคนได้รู้จักกัน เพราะเบ๊บติดต่อแก้วไปเพื่อขอเรียนทำขนม แต่สุดท้ายเขาต้องยอมรับความจริงที่ว่า เขาคนเดียวไม่สามารถทำทุกอย่างให้ออกมาดีที่สุดได้ เพราะเขาทำกาแฟเก่ง แต่กลับทำขนมได้ไม่ดีเท่ากับที่แก้วทำ และเมื่อตัดสินใจใช้ขนมที่แก้วทำมาวางขายจึงเกิดเป็นร้าน BECX ที่สมบูรณ์ขึ้นได้

     “คือเวลาเราไปดูสารคดีหรือละครญี่ปุ่น มันจะมีร้านลุงแก่ๆ ทำกาแฟอยู่ในบาร์ไม้ ดริปกาแฟแล้วก็มีขนมที่ทำเองมาวางขายในร้าน เราก็ชอบแนวนี้แล้วคิดว่าถ้าเราทำขนมปังขายพร้อมกับกาแฟน่าจะเวิร์คนะ แต่พออยู่ในโลกของความเป็นจริง มันไม่ได้ง่ายแบบนั้นไง คุณจะทำกาแฟเก่งด้วยแล้วจะทำขนมปังเก่งด้วยมันเป็นเรื่องที่ยาก พอเรามารู้เรื่องศาสตร์ของขนมปังจริงๆ แล้วมันยากมาก ทีนี้พอเราสนิทกับแก้วแล้วหลังจากที่ได้รู้จักกันในโซเชียลเพราะอยากทำขนมปังเก่งๆ เราก็เลยตัดสินใจว่า ถ้าทำเองไม่ได้ก็รับขนมปังของแก้วมาขายดีกว่า คิดแค่นี้เลยง่ายๆ ไม่ซับซ้อน จริงๆ ถ้าถามว่าจะทำขนมปังให้เก่งด้วยมันสามารถทำได้ไหม อาจจะทำได้ถ้ามีเวลาพอ มีทุนทรัพย์ที่มากพอ สำหรับบางคนน่าจะทำได้ แต่สำหรับเรา เอาจริงๆ ถามว่าทำได้ไหม เราทำได้นะ แต่ทำได้ดีเท่าแก้วไหม ก็ไม่ได้ แค่นั้นเอง”

     เบ๊บเล่าในส่วนของตัวเองแล้วแก้วพูดเสริมในส่วนนี้ว่า “เราเชื่อว่าคนเรามีศักยภาพพอที่จะทำอะไรหลายๆ อย่างด้วยตัวเอง เพียงแต่ว่ามันอาจจะไม่ได้จำเป็นก็ได้ที่จะต้องเก่งทุกอย่าง มันอาจจะง่ายกว่าในการที่โตไปพร้อมๆ กับคนแต่ละคนที่ดึงศักยภาพของตัวเองออกมาในแต่ละด้าน แล้วก็โตไปด้วยกัน”

 

 

 

คาเฟ่ที่เป็นมากกว่าร้านกาแฟ คือ community รวมคนมารู้จักกัน

     ถึงแม้จะเป็นคาเฟ่เล็กๆ กะทัดรัด แต่เหมือนว่านี่คือคาเฟ่ที่จุคนไว้หลากหลายมาก และเมื่อได้เข้าไปนั่งในร้านก็จะเห็นว่าใครก็ตามที่เดินเข้ามา จะไม่จบแค่สั่งกาแฟหรือขนมแต่จะต้องมีบทสนทนาเหมือนเพื่อน พี่ น้องทักทายกัน หรือบางคนก็มานั่งคุยกับเบ๊บและแก้วจนถูกคอแล้วกลายเป็นลูกค้าประจำไปซะงั้น มากไปกว่านั้นหลายคนที่มาก็ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน แต่ก็ได้มารู้จักและพูดคุยกันในร้านนี้ ผ่านตัวกลางอย่างเบ๊บ ที่เขานิยามตัวเองว่าเป็นคนขี้เม้า และเปรียบร้านตัวเองเป็นเหมือนศาลาคนเหงา สิ่งนี้คงเป็นเสน่ห์ของร้าน BECX ที่ลูกค้าหลายคนตามหา และชอบในตัวตนของร้านนี้จริงๆ

     เบ๊บบอกกับเราว่า “จริงๆคาเฟ่เกิดขึ้นเยอะมาก ก่อนจะมาเปิดร้านก็กลัวนะ เราพูดกับแก้วหรือเพื่อนๆทุกคนว่า ร้านเราขายเทส ซึ่งเราไม่ได้บอกว่าเทสเราดีนะแต่เทสแบบเรามันจะมีใครชอบบ้าง ซึ่งพอผ่านมา 7- 8 เดือน ก็รู้สึกว่ามันมีคนที่ชอบทั้งบรรยากาศ มีคนที่ชอบกาแฟ มีคนที่ชอบขนมปัง บางคนชอบทุกอย่าง หรือแม้กระทั่งบางคนที่เหงาแล้วแค่อยากมานั่งเม้าท์ตอนเช้าก็มีเยอะมาก เหมือนร้านเราเป็นศาลาคนเหงา จนมีคนบอกว่าอยากให้ร้านนี้ขายแอลกอฮอล์ตอนกลางคืนเพราะว่าเราเม้าท์มันส์มากกกกกกก คือร้านแบบเราถามว่าแถวนี้มีไหม ก็คงมีแต่น้อย คือร้านที่เจ้าของอยู่ร้านเอง คุยกับลูกค้าเองได้มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้ามันมีอยู่ไม่กี่ร้าน ร้านที่มีคนเข้าเยอะๆ เจ้าของแทบไม่ต้องอยู่เลย เราก็อยากเป็นนะ แต่เราเป็นไม่ได้ เราเป็นแบบนี้ต้องอยู่ใน way นี้”

 

 

ต้องหาจุดเด่นของธุรกิจหรือร้านของตัวเองให้เจอ

     เมื่อได้พูดคุยถึงเรื่องการเปิดคาเฟ่ในยุคนี้ที่คาเฟ่มีอยู่เต็มไปหมด ซึ่งเป็นความท้าทายของเจ้าของร้านมากว่าจะทำยังไงให้ร้านตัวเองอยู่รอดในตลาดนี้ได้เพราะคู่แข็งเยอะ ซึ่งในมุมของคนทำธุรกิจนี้ แก้วให้คำตอบว่า 

     “จริงๆ แล้วทุกวันนี้มันแทบไม่มีอะไรที่ไม่มีคนทำเลย หรือแทบไม่มีอะไรที่เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งเดียวอีกแล้ว มันไม่เหมือนเมื่อก่อน มันเร็ว มันไว วันนี้คุณทำอันนี้ อีกสองวันคนอื่นก็ทำตาม แต่ถ้าจะบอกว่าอันนี้คือออริจินัลของคุณมันก็พูดยากอีก เพราะคุณเองหรือเราเองก็ได้ไอเดียมาจากอย่างอื่นเหมือนกัน ทุกคนได้รับอิทธิพลจากหลายสิ่งหลายอย่างแบบไม่รู้ตัว เราคิดว่ามันไม่จำเป็นต้องคิดอีกต่อไปแล้วว่า ฉันเปิดร้านนี้แล้วมันจะอยู่ได้หรือเปล่า มันจะเหมือนคนอื่นไหม เพราะยังไงก็เหมือนคนอื่น เพียงแต่ว่ามันมีอะไรที่คุณไม่เหมือนล่ะ เราว่านี่เป็นโจทย์ที่เจ้าของกิจการต้องเคาะให้ได้ว่าจุดแข็งของธุรกิจหรือจุดแข็งคนตัวคุณเอง คืออะไร ซึ่งตราบใดที่ยังเคาะไม่ได้ ไม่ว่าคุณจะทำตลาดที่ตรงกับความต้องการของคนมากขนาดไหน ก็อาจจะยากมากในการทำธุรกิจ แต่สุดท้ายไม่ว่าคาเฟ่จะเปิดอีกสักที่ร้าน เราเชื่อว่า BECX ก็ยังอยู่ได้ เพราะลูกค้าที่มาไม่ได้ชอบแค่กาแฟหรือขนมปังอย่างเดียว แต่เพราะเขาชอบในความเป็น BECX จริงๆ”

 

 

คนทำขนมปังที่ให้ความสำคัญกับวัตถุดิบที่ดี และช่วยเหลือเกษตรกร

     ใครที่ได้ลองกินขนมปัง Salee bakehouse ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อย มีคุณภาพ และติดใจกันแทบทุกคน แต่เบื้องลึกเบื้องหลังกระบวนการและแนวคิดการทำขนมปังของแก้วนั้น พอฟังแล้วเป็นอะไรที่เท่สุดๆ ไปเลย แก้วบอกว่าถ้าไม่ให้ความสำคัญกับคนผลิต ทั้งแก้วและคนทุกคนจะไม่สามารถทำอาหารหรือขนมให้ดีได้ ถ้าไม่มีต้นทุนวัตถุดิบที่ดี ซึ่งตอนนี้แก้วมีส่วนช่วยเกษตรกรที่ผลิตวัตถุดิบดีๆ ออกมา โดยการนำผลผลิตมาเป็นส่วนประกอบในขนมปังเพื่อทำให้เห็นว่าผลผลิตเหล่านี้นำไปทำเป็นอะไรได้บ้าง และยังเป็นสื่อกลางระหว่างผู้บริโภคกับผู้ผลิตอีกด้วย

     “ในฐานะคนทำขนมปังหรือคนทำอาหาร เราอยากได้วัตถุดิบที่ดี ดังนั้นพออยากได้วัตถุดิบที่ดีก็ต้องลงไปคุยกับเกษตรกร เรารู้สึกว่าถ้าเราไม่ดึงคนผลิตขึ้นมาด้วย เราจะไม่สามารถทำอาหารที่ดีได้เลยถ้าไม่มีต้นทุนวัตถุดิบที่ดี คือเราอยากมีส่วนช่วยเกษตรกร ล่าสุดที่ทำคือเอาลำไยมาแปรรูปเป็นไซรัปเพื่อแก้ปัญหาเรื่องของลำไยล้นตลาด แล้วเราก็เอาวัตถุดิบเหล่านั้นมาใส่ในขนมปังเราบ้างบางอย่าง เพราะว่าเราเองก็อยากโชว์ให้พวกเขาเห็นว่าผลผลิตเหล่านั้นมันสามารถเอามาใช้งานได้จริง เพียงแต่ว่าเวทีที่เขาจะนำไปใช้อาจจะเป็นการนำมาทำเมนูที่ร้านนี้หรือที่ไหนก็ได้ ซึ่งนอกจากจะเป็นการทำให้ผู้ผลิตรับรู้ว่าวัตถุดิบของเขาเอาไปทำเป็นอะไรได้บ้างแล้ว ก็ยังเป็นการโปรโมทให้คนข้างนอกหรือผู้บริโภครับรู้ด้วยว่ามันมีวัตถุดิบแบบนี้ มาจากที่นี่นะ ร้านเราก็เหมือนเป็นสื่อกลางระหว่างพวกเขา บางทีมีวัตถุดิบมาอย่างหนึ่ง ทั้งคนปลูกก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร คนซื้อคนทานก็ไม่รู้เอาไปทำอะไร หรือทานยังไง เลยเป็นหน้าที่ของตัวกลางอย่างเราที่จะต้องทำให้พวกเขาเห็น”

 

ความคาดหวังในการเปิดร้านครั้งนี้ของเบ๊บ

     แน่นอนว่าทุกคนทำธุรกิจก็ต้องมีความต้องการมีความคาดหวังให้เติบโต หรือมีแนวทางที่อยากให้เป็นอยู่แล้ว ตัวเบ๊บเองก็มีความคาดหวังไว้เหมือนกัน ซึ่งเป็นความคาดหวังที่ดูพอดีตัวจริงๆ

     “จริงๆคาดหวังว่าอยากให้มันเป็นธุรกิจที่มันเลี้ยงตัวเองได้ เลี้ยงครอบครัวได้ แต่ในอีกทางนึงอยากให้มันเลี้ยงจิตใจ คือมันเป็นอาชีพที่เราเชื่อมั่น แล้วเราก็มีอยู่อาชีพเดียวตอนนี้ แล้วก็ได้เจอกับผู้คนหลากหลาย การได้เจอคนคือผลพลอยได้ หลักๆคือการเลี้ยงตัวเองให้ได้ จริงๆอีกอย่างคือตอนทำงานที่เก่าเราไม่ได้นำเสนอบางเมนู หรือบางทีเราไม่ได้เต็มที่กับกาแฟบางอย่าง พอมาเปิดร้านเองเราก็คาดหวังว่ากาแฟที่เราเสิร์ฟ มันน่าจะมีคนที่ชอบนะ แล้วขนมปังที่เราให้แก้วช่วยทำหรือที่แก้วทำมามันน่าจะมีคนชอบในสิ่งที่เราชอบ แล้วมันก็เลี้ยงเราได้ ส่วนเรื่องรวยก็ให้เป็นเรื่องของอนาคต (อันไกล) “

     เมื่อได้พูดคุยกับทั้งเบ๊บและแก้วแล้ว สัมผัสได้ถึงแพสชั่นที่ทั้งคู่มีต่องานของตัวเองมากๆ ถึงแม้จะเป็นธุรกิจเล็กๆ แต่ก็สามารถดึงดูดคนหลากหลายกลุ่มให้มารวมกันแล้วก็มาเป็นทั้งลูกค้า เพื่อน พี่ น้อง กันได้ เพราะฉะนั้น จะมาเป็นร้าน BECX เหมือนกันไม่ได้

     FB : BECX
     IG : BECX / Salee bakehouse

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup