Starting a Business

คุยกับ นก-Bird Eye View เบื้องหลังความสำเร็จของหมอดูออนไลน์ที่ฮอตที่สุด 700 คนต่อเดือน!

 

     หลายอาจคนรู้จัก นก-นภัสสร โชติกวณิชย์ เจ้าของช่องยูทูบ Bird Eye View ในฐานะหมอดูคิวทองยาวเหยียดเรื่องความรัก บ้างอาจมองว่าเธอเป็นแม่หมอนกที่สวยเปรี้ยวสะดุดตา มีชื่อเสียงในเรื่องดูดวงแม่นยำ และบ้างก็อาจรู้จักในฐานะ Influencer ที่ทำคอนเทนต์ได้น่าสนใจจนได้ร่วมงานกับแบรนด์ดังต่างๆ มากมาย  

     ในวันนี้เราได้คุยกับเธอแบบหมดเปลือก โดยไม่ต้องแบไพ่ ทั้งตัวตนของเธอ มุมมองของคนรุ่นใหม่ต่อการเป็นหมอดูอาชีพที่กำลังได้รับความนิยม ความเป็น Influencer และการทำคอนเทนต์ต่างๆ

 

จากดูหมอสู่หมอดู

     นกเล่า จุดเริ่มต้นของการเข้าสู่วงการหมอดูว่า เธอมีคนในครอบครัวที่เป็นหมอดูอยู่แล้วก็คือคุณย่า แต่พอเกิดมาปุ๊บคุณย่าก็ไม่ได้ทำต่อเพราะว่าท่านก็เป็นครู การดูหมอเป็นแค่งานอดิเรก โดยเธอเป็นคนที่มีเซ้นส์คือ เป็นคนที่เห็นผีบ่อยมาก จนกระทั่งเรียนต่อปริญญาโท คณะทรัพยากรมนุษย์ ที่นิด้าในช่วงของการทำ IS (Independent Study) ก่อนจบ ในจังหวะนั้นอกหักเสียใจเรื่องความรัก ก็เลยไปดูดวงเยอะมาก

     “รู้สึกว่าการดูดวงเป็นศาสตร์ที่พึ่งพาทางจิตใจ แล้วพอไปศึกษาก็คิดว่าเราไม่อยากจะเป็นคนดูอีกต่อไปแล้ว อยากจะเป็นหมอดูแทน เลยเริ่มไปศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติม ซึ่งอาจารย์ที่สอนจะสอนพื้นฐาน แล้วบอกว่าเราต้องมีทางของตัวเอง สุดท้ายจึงจับพลัดจับผลูมาเป็นหมอดู ช่วงนั้น นกกำลังจะต้องสอบ Comprehensive ก่อนจบ ซึ่งเป็นช่วงเวลาคาบเกี่ยวที่มาเป็นหมอดู เป็นช่วงที่กำลังปั้นยูทูบเลยอยากทำเต็มที่ ซึ่งสุดท้ายนกเลยเลือกที่จะไม่ไปสอบ เพราะว่ามันไม่มีสักวินาทีเดียวที่รู้สึกว่าอยากจะปลีกตัวออกจากงานของเรา ไม่ใช่ว่าการศึกษาไม่สำคัญ แต่เราดันเจอตัวตนของเราเอง มี Passion ในสิ่งนั้น เลยตัดสินใจว่าอย่างนั้นเราต้องทิ้ง 2 ปีที่เราเรียนปริญญาโทไป”

 

 

Bird Eye View ช่องแห่งความรัก

     “ต้องบอกก่อนว่า ช่อง Bird Eye View เป็นช่องความรัก คอนเทนต์จะวนเวียนอะไรแบบนี้ ซึ่งหลายคนไม่เข้าใจ จะโดนว่าทำไมพูดแต่เรื่องความรัก นกก็ตอบได้แต่ว่าช่องเราเป็นช่องความรัก ถ้าจะเช็กการงานการเงินก็รบกวนไปช่องอื่น แต่อย่างนั้น Bird Eye View ก็เป็นช่องหนึ่งที่บอกแผนที่ในชีวิตคน แต่ไม่มีสิทธิ์ในการกำหนดชีวิตคน แม้ภาพมุมบนที่เราเห็นทุกอย่างจะจริง แต่ชีวิตของคนคนหนึ่งเขาต้องตัดสินใจเลือกเส้นทางของเขาเอง ถ้าคุณเลี้ยวซ้ายจะไปทางไหน ถ้าเลี้ยวขวาจะไปทางไหนเรามีหน้าที่แค่นั้นเอง”

     ตอนแรกเลยที่นกทำ Bird Eye View นั้น เธอไม่ได้เปิดหน้าตัวเองเพราะอยากให้คนดูโฟกัสแค่ไพ่ ประกอบกับเป็นคนไม่ชอบแต่งหน้า แต่เพราะมีแบรนด์หนึ่งติดต่อมาและบอกว่า ‘ไม่รู้ว่าคุณนกหน้าตาเป็นยังไง ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครคือหมอนก’ เธอเลยตัดสินใจลองเปิดหน้า ซึ่งปรากฏว่าฟีดแบ็กดีมากคนดูเยอะมากๆ ก็เลยค่อยๆ เปิดมากขึ้น ซึ่งตอนเปิดหน้าก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่าควรจะแต่งตัวแบบไหน ในช่วงแรกๆ จะแต่งตัวเรียบร้อยไว้ก่อน แต่ไปๆ มาๆ ก็เริ่มเปิดไหล่ทีละนิดทีละหน่อย และใส่เกาะอกเกือบทุกคลิปเลย ซึ่งนั่นก็เป็นตัวตนของเธอ

     ด้วยความที่ตัวเธอมีเป้าหมายชัดว่าไม่ได้อยากโตมากกว่านี้ แต่อยากดูแลคนที่ชอบ Bird Eye View อยู่ ฉะนั้นจึงทำคอนเทนต์ให้ตอบโจทย์คนดู ซึ่งเป็นผู้หญิงที่โตมาด้วยกัน อายุ 16 ไปถึง 28  ปี    

     “นกถึงขั้นต้องทำการบ้านด้วยการไปคุยกับเพื่อนเก้งว่า เฮ้ยตอนนี้มันมีภาษาใหม่ๆ อะไร เดี๋ยวนี้เขาฮิตอะไรกัน เพื่อนก็จะบอกว่ามันมีคำนี้นะ ที่ทำอย่างนี้เพราะนกรู้สึกว่าในการดูดวงส่วนหนึ่งเป็นการเอนเตอร์เทนด้วย ไม่ใช่ฟังแล้วไม่สมหวัง เศร้าจังเลย คือยังอยากให้เขาตลกอยู่ ต่อให้ไม่สมหวังกับคนนี้คนอื่นก็ยังมีนะ อยากให้ตัวเองเป็นเพื่อนพี่น้องที่เข้าถึงง่าย ไม่ใช่รู้สึกว่าเป็นอาจารย์ที่เข้าถึงยาก”

 

 

มาได้ไกลกว่าที่คิด

     ถ้าใครที่รู้จัก Bird Eye View จะรู้ว่าการดูดวงกับเธอราคาไม่แพง ตั้งแต่วันแรกที่เปิดมาจนถึงวันนี้ค่าครูเท่าเดิมตลอดคือ 15 คำถาม 299 บาท แต่จองยากมาก เพราะว่าเปิดรับน้อยในแต่ละรอบ ไม่ว่าจะเป็น Call 3 เดือนเปิดรอบหนึ่ง แล้วรอบหนึ่งเปิดรับ 20-30 คน ถ้าเป็นแบบวิดีโอคลิปก็จะเปิดเดือนละรอบ ทุกวันนี้ก็คือประมาณ 300 คนต่อเดือน พีกสุดที่เคยดูดวงแบบคือประมาณ 700 คนต่อเดือน  

     “ต้องยอมรับมาถึงวันนี้นกก็มาไกลมากๆ แล้ว ในแง่รายได้นกแค่อยากทำงานให้ดีแล้วพ่อแม่นกไม่ต้องทำงานอีกต่อไป อันนี้คือสิ่งที่เป็นเป้าหมายของนก แต่มันก็ค่อนข้างเกินคาดมากคือ พอนกเป็นหมอดูได้ประมาณ 2-3 ปี นกก็บอกกับพ่อแม่แล้วว่าไม่ต้องทำงานแล้วนะ เดี๋ยวนกดูแลเองทั้งหมด เมื่อก่อนที่บ้านไม่ได้อยู่สบาย ต้องทำมาหากิน พอตอนนี้มันโอเคขึ้นมารายได้จากหมอดูทำให้เราสามารถขยับฐานะขึ้นมาได้ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่สุดยอดของนกแล้ว”

     ตอนนี้ Bird Eye View มีคน Subscribe กว่า 400,000 คน ซึ่งเป้าหมายของเธอที่ตั้งไว้คือแค่ 200,000 คน จึงรู้สึกว่าการมาถึงจุดนี้เป็นสิ่งที่ว้าวมากๆ   ฉะนั้น ตอนนี้คือการเมนเทนแล้วก็คือการคิดคอนเทนต์ใหม่ๆ ให้มีความแตกต่างมากยิ่งขึ้น

 

 

หมอดู VS. อินฟลูเอ็นเซอร์

     นก บอกว่าจริงๆ การเป็นหมอดูไม่น่าเป็นห่วง แต่สิ่งที่ยากที่สุดคือ การเป็น Influencer มากกว่า เพราะเหมือนต้องสวมหมวกหลายใบ จะทำยังไงให้การดูดวงกับการเป็น Influencer ไม่ดู Commercial มากเกินไป ทำยังไงให้การเป็น Influencer และการเป็นหมอดูมีความเหมาะสม เพราะอย่าลืมว่ามันจะมีแสงส่องมา แล้วเราบังคับแสงนั้นไม่ได้ว่าเขาจะมองในมุมบวกหรือมุมลบ เพราะฉะนั้นจะต้องใช้ชีวิตให้อยู่ในระดับที่กลางที่สุดเท่าที่จะทำได้

     “สิ่งที่หมอดูจะต้องยอมรับอย่างหนึ่งคือ อย่าพูดว่าเชื่อในโปรดักต์ถ้าเราไม่ได้เชื่อในโปรดักต์นั้น อันนี้สำคัญมาก เพราะอย่าลืมว่าเราเป็นหมอดูที่ต้องใช้ความน่าเชื่อถือ แล้วเราเป็น Influencer ที่ต้องใช้ความน่าเชื่อถืออีกเหมือนกัน ใช้แสงที่เรามีในการขายสินค้าในการรีวิวโปรดักต์ ถ้าเราไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งนั้นเราทัชจริงๆ ก็ไม่ควรทำ”

     “Position ของช่องเป็นสิ่งสำคัญ เชื่อว่าทุกคนสามารถสื่อสารกันได้หมดแค่ให้เหตุผลที่มากพอ อย่างเช่น ลูกค้าบางคนอยากได้อาหารมงคลหมายถึงอาหารที่เป็น Lucky Item ซึ่งนกก็จะคุยตรงๆ ไปเลยว่ามันไม่มีนะ แล้วทำไม่ได้นะคะ แต่ถ้าอยากได้ Awareness คุยกับช่องนกได้ เรามียอดวิวเท่าไหร่ทุกคนก็จะเห็นเลย แต่ถ้าอยากได้ความมูทั้งที่โปรดักต์ไม่มูมันก็อาจจะไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่”

 

 

ก้าวต่อไปของ Bird Eye View

     นกเชื่อใน Product Cycle ซึ่งจะมีช่วงต่างๆ ของมันคือ แนะนำ เติบโต อิ่มตัว และถดถอย ซึ่งมองว่า Bird Eye View มันผ่านแต่ละช่วง รวมถึงจุดที่ตกต่ำถดถอยมาแล้ว และตอนนี้มันเป็นความเสถียรของช่อง คือช่วงที่ช่องวูบๆ เป็นเพราะว่ามีคนมาทำหมอดูเยอะขึ้นมาก และเป็นช่วงที่ TikTok กำลังมา  ถามว่าแล้ว Bird Eye View ผ่านจุดนั้นมาได้ยังไง ก็คำตอบก็คือทำคอนเทนต์ให้ดีที่สุด   

      “ตอนนี้นกอายุ 31 ปี มีความคิดที่อยากไปอยู่เบื้องหลัง อยากปั้นหมอดูหน้าใหม่ๆ มาเป็น Bird Eye View อยากเป็นกึ่งๆ เอเยนซีสำหรับการดูแลน้องๆ หมอดู เพราะพอเรากระโดดเข้ามาเป็นหมอดูก็รู้เลยว่า Pain Point เยอะมาก บางคนเป็นหมอดูแต่ไม่รู้จะจัดการยังไงกับคนที่เข้ามาในภาวะท็อกซิกมากๆ”

     สุดท้าย นกให้ข้อคิดเกี่ยวกับการดูหมอว่า ต้องบอกว่าคำทำนายมันมีทั้งดีและไม่ดี ถึงได้บอกเสมอเลยว่าโปรดใช้วิจารณญาณในการรับชมหรือในการอ่าน  สำหรับตัวเธอถ้าจะให้บอกคนที่ดูดวงก็คือดูได้ แต่อย่าเอาตัวเองไปจมกับมันจนดิ่งมากเกินไป เพราะต่อให้หมอดูบอกว่าถ้าไปทางนี้มันไม่เวิร์ก แต่ถ้าคุณอยากไปทางนี้เก็จำเป็นต้องเซฟตัวเองให้ไปทางนี้จนได้

     “สมมติว่านกบอกว่าทางนี้ที่ไปมันจะมีหญ้ารกมากเลยนะ มีหนูด้วย ก็เอาเคียวไปด้วยไหม หรือเราอาจจะพกอะไรไปที่มันทำให้ชีวิตเราปลอดภัยมากขึ้นในการเดินในเส้นทางนี้ นกอยากให้การดูดวงเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่าถ้าเป็นเรื่องดี เราก็รับ Energy ไว้ ถ้าเป็นเรื่องไม่ดีเราก็ระมัดระวังมากขึ้นให้เป็นแนวนี้ดีกว่า”

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup