Starting a Business

SUR : LAMP OF STYLISH PEOPLE

 




 

Text : กฤษณา สังข์วงค์
Photo : กฤษฎา ศิลปไชย


    “ทำงานที่บริษัทกราฟฟิกอยู่พักหนึ่งก็รู้สึกว่าไม่ชอบทำงานหน้าคอม และในหัวก็คิดตลอดว่าอยากทำงานศิลปะ เลยตัดสินใจลาออกจากงานแล้วนำเงินเก็บไปซื้ออุปกรณ์เพื่อทำงานปั้น แต่เพราะอยากให้งานขายได้ง่ายขึ้น เลยบวกฟังก์ชันเข้าไป”


    ด้วยเหตุนี้หลังเลือกที่จะออกจากงานประจำเพื่อก้าวเดินตามฝันที่อยากสร้างสรรค์งานศิลปะ  พรีม – จีรชา สมรรคบุตร จึงเลือกที่จะทำงานปั้นจากดินน้ำมัน และเพื่อให้คนตัดสินใจซื้องานง่ายขึ้น เธอได้เพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานลงในชิ้นงาน หลังลองผิดลองถูกอยู่ร่วมปี ในที่สุดเธอก็เปิดตัวแบรนด์ SUR ที่มาพร้อมโคมไฟคอลเลกชั่นแรกของแบรนด์อย่าง Miss Moo Is Not A Coward 


    “แม้ช่วงนี้งานเซรามิกจะเป็นที่สนใจของตลาด แต่งานปั้นจากดินน้ำมันและหล่อด้วยไฟเบอร์กลาสเรซิ่นก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะงานออกมาได้ตรงตามสัดส่วนที่ต้องการ และแตกยากกว่าเซรามิกจึงง่ายต่อการขนส่ง แต่ก็มีลูกค้าหลายคนที่คิดว่าคุณค่างานของเราสู้งานเซรามิกไม่ได้ เราจึงต้องคอยอธิบายว่า งานของเราไม่ได้ทำง่าย ขั้นตอนการทำค่อนข้างซับซ้อนและใช้เวลาพอสมควร เพราะเราทำด้วยมือทุกขั้นตอน”


 



    ด้วยความที่เป็นงานแฮนด์คราฟ ชิ้นงานของ SUR จึงมีคุณค่าในตัวมันเอง ซึ่งหากเป็นคนชอบงานแฮนด์คราฟอยู่แล้วจะเข้าใจว่าทำไมงานของ SUR จึงราคาสูง แต่กระนั้น แม้จะเป็นงานศิลปะที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานแต่ก็ใช่จะทำให้ขายง่ายอย่างที่คิด เพราะลูกค้าชาวไทยยังไม่เห็นคุณค่าของงานปั้นเท่าไรนัก


    “หลังจากออกบู๊ทและขายผ่านช่องทางออนไลน์ได้สักพักเราก็รู้แล้วว่า โดยมากลูกค้าของเราเป็นชาวต่างชาติ พวกเขาเห็นคุณค่างานของเราจึงยินดีซื้อโดยไม่ต่อราคา ซึ่งต่างจากคนไทยที่มองว่างานราคาสูงเกินไปและมักต่อราคา แต่อย่างไรเสีย เราก็ดีใจที่มีคนชอบและรักงานของเรา”


    หลังจากเปิดตัวคอลเลกชั่น Miss Moo ได้สักระยะ SUR ก็เปิดตัว Mister Clear Mind งานปั้นรูปหัวผู้ชายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกระแสฮิปสเตอร์ โดยเป็นคอลเลกชั่นที่มีให้เลือกทั้งโคมไฟและแจกัน ซึ่งช่วงที่ออกแบบคอลเลกชั่นที่สองนี้ เธอบอกเราว่า ในช่วงแรกคิดจะทำแค่แจกัน แต่นั่นอาจเป็นการจำกัดกลุ่มลูกค้าจนเกินไป เพราะลูกค้าที่จะซื้อแจกันคือคนที่ชอบจัดดอกไม้ โดยมากจะเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และคงมีผู้หญิงน้อยคนที่ชอบจัดดอกไม้ในแจกันรูปหัวผู้ชาย ดังนั้น เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า เธอจึงทำโคมไฟออกมาขายด้วย ซึ่งก็ทำให้คอลเลกชั่นนี้ขายได้มากขึ้น


    “ตอนนี้เรารับเพ้นท์ลายตามสั่ง โดยเรามีลวดลายให้ลูกค้าเลือก แต่อาจต้องใช้เวลารอสักหน่อย เพราะเราไม่ได้สต็อกของ จึงต้องปั้นและเพ้นท์ลายขึ้นใหม่ โดย Miss Moo ต้องรอประมาณ 4-5 วัน ส่วน Mister Clear Mind รอเพียง 3 วันเท่านั้น และหากลูกค้ามีลวดลายของตนเองก็สามารถนำมาให้เราดูได้ ซึ่งถ้าลวดลายเหมาะกับแบรนด์เราจึงจะเพ้นท์ แต่หากไม่เหมาะก็ไม่รับเพ้นท์ เพราะไม่อยากทำอะไรที่ไม่ใช่แบรนด์”


    เพราะไม่ได้สต็อกของและต้องใช้เวลาในการปั้น พรีมจึงออกบู๊ทไม่บ่อยนัก แต่เมื่อจำนวนงานมีมากพอที่จะออกบู๊ท เธอก็จะเลือกเฉพาะงานอีเวนท์ที่มั่นใจว่ามีกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อเดิน ครั้นถามถึงเหตุผลที่ไม่ใช้เครื่องจักรในการผลิต เธอตอบว่า เพราะยังอยากทำงานทุกชิ้นด้วยมือตนเอง และไม่อยากให้งานออกมาในรูปแบบ Mass Product เพราะเป็นการลดคุณค่าของงาน

 





    “เรามีความสุขที่คนเห็นคุณค่าและรักงานของเรา ดังนั้น เราจึงไม่กังวลหากวันหนึ่งกระแสความนิยมงานแฮนด์คราฟจะหมดไป เพราะเราเชื่อว่างานศิลปะไม่มีวันตายและยังคงมีคนที่รักงานของเราอยู่ และด้วยความที่อยากให้ลูกค้ามีความสุขและรู้สึกพอใจกับงานของเรา สำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อทางออนไลน์ ก่อนส่งสินค้าเราจะถ่ายรูปชิ้นงานที่เสร็จเรียบร้อยพร้อมกับหลอดไฟแบบต่างๆ ให้ลูกค้าเลือก อีกทั้งเรายังรับซ่อมงานด้วย อย่างมีเคสลูกค้ารายหนึ่งทำ Miss Moo ตกจากโต๊ะและขาหัก เราก็รับซ่อมให้ฟรีๆ” 


    ท้ายสุด พรีมเน้นย้ำว่า หากคิดจะทำงานแฮนด์คราฟขาย สิ่งสำคัญที่สุดคือไอเดีย ต้องทำไอเดียให้กลายเป็นจุดแข็งของแบรนด์ให้ได้ เพราะเมื่องานดูแปลกใหม่และมีเอกลักษณ์ ลูกค้าที่เป็นกลุ่มคนที่ชื่นชอบงานแฮนด์คราฟและงานดีไซน์ก็จะเข้ามาเอง ทั้งนี้ ควรทำงานแฮนด์คราฟให้มีฟังก์ชั่นการใช้งานด้วย เพราะเมื่อลูกค้ารู้ว่างานที่ซื้อไปสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้มากกว่าแค่ตั้งโชว์ พวกเขาจะตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น 

www.surandeverything.wordpress.com
Facebook : surandeverything
Instagram : surandeverything


www.smethailandclub.com ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อธุรกิจ SME (เอสเอ็มอี)