Starting a Business

เปลี่ยนพลังแห่งความรักเป็น Paampomaq สร้างงานอาร์ตจับตลาดแฟนคลับ

 

Text : flymetothemoon

     หลายคนหลงใหลชื่นชอบไอดอล และพร้อมที่จะสนับสนุนทั้งแรงกาย แรงใจ และแรงเงิน แต่จะมีสักกี่คนที่เปลี่ยนพลังแห่งความรักนั้น มาเป็นความคิดสร้างสรรค์ และต่อยอดเป็นธุรกิจได้

     ป๋อมแป๋ม-จิตกานต์ วงษาสนธิ์ คือคนๆ นั้น จากความชื่นชอบจนนำมาสู่ Fan Art ศิลปิน และการพัฒนาสินค้าต่างๆ ภายใต้แบรนด์ Paampomaq มากไปกว่านั้น ด้วยด้วยอยากส่งต่อความรู้สึกดีๆ เหมือนที่ตัวเองได้รับจากศิลปินให้กับคนอื่น บวกกับความชอบในตุ๊กตาหมีจึงแตกแบรนด์ Johnnybearhouse แบรนด์ตุ๊กตาที่สื่อถึงความอบอุ่นที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้อยู่ในเซฟโซน

จากความตั้งใจสนับสนุนศิลปินสู่การขายงาน Fan Art เป็นงานอดิเรก

     จุดเริ่มต้นที่ทำให้คนส่วนใหญ่รู้จัก Paampomaq มาจากงาน Fan Art โดยความตั้งใจแรกมาจากการที่ป๋อมแป๋มอยากให้กำลังใจจอห์นนี่ NCT ศิลปินที่ชอบและกลุ่มเพื่อนแฟนคลับที่ชอบจอห์นนี่ด้วยกัน

     “เราตามตั้งแต่จอห์นนี่ยังไม่ได้เดบิวต์ตอนนั้นลุ้นมาก เชียร์สุด อยากให้เขาได้เดบิวต์ ได้เอารูปที่วาดจอห์นนี่ลงโซเชียลมีเดียเพราะเราอยากช่วยโพสต์ให้คนพูดถึง ให้กระแสของจอห์นนี่ไม่หาย พอเราลงได้สักพักเริ่มมีคนในโซเชียลมีเดียอยากได้ เราเลยตัดสินใจทำสติ๊กเกอร์ โปสการ์ดขายให้กับกลุ่มแฟนคลับด้วยกัน สร้างรายได้พอให้เรามีค่าขนมในชีวิตประจำวันในช่วงที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ งาน Fan Art เราไม่ได้ทำเยอะ เราทำพอที่เราจ่ายต้นทุนไว้ ลงทุนประมาณ 500 บาท แต่พอมีคนสนใจมากขึ้นเราเลยเริ่มเปิดให้คนพรีออร์เดอร์ กระแสตอบรับดี เราเลยเริ่มออกบูธขายสินค้า Fan Art ไปด้วย”

ออกบูธทำให้ Paampomaq เป็นที่รู้จักมากขึ้น

      เวลาที่ออกบูธขายงาน Fan Art ป๋อมแป๋มจะขายสติ๊กเกอร์ เทปที่วาดลายเอง เช่น ดอกไม้ ตัวอักษรภาษาอังกฤษ ด้วยเพื่อให้สินค้าที่ขายมีความหลากหลาย เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า และทำให้บูธน่าสนใจ

     “Fan Art เป็นการตลาดเฉพาะกลุ่ม จุดประสงค์หลักที่เราทำ Fan Art คือให้กำลังใจศิลปินและแฟนคลับด้วยกัน เพื่อให้ตัวเองมีรายได้และสามารถวาดรูปเป็นอาชีพได้มากขึ้น เราเลยวาดออกแบบลายของตัวเองขายไปพร้อมกับการทำสินค้า Fan Art โชคดีที่คนตามงาน Fan Art ของเรา เขาชอบงานของเราด้วยทำให้เราได้ลูกค้าเพิ่ม ทุกวันนี้ถึงจะไม่ได้ขายงาน Fan Art มากเหมือนเดิมแล้ว แต่ปัจจุบันเวลาออกบูธก็จะยังมีคนแวะมาดูบูธ มาทักทายเราจากที่เขารู้จัก ตามเราตั้งแต่ตอนเรายังวาดและขาย Fan Art บ่อยๆ บางคนก็มาซื้อสินค้า Fan Art ที่มีพร้อมส่งซ้ำด้วย นอกจากนี้สินค้าที่ขายก็จะมีการทำเป็นแพ็คเพื่อให้ลูกค้าที่มาเป็นกลุ่มตัดสินใจง่ายขึ้นเพราะซื้อสินค้าแล้วหารกันได้ รวมถึงการขายสินค้าตั้งแต่ราคาหลักสิบบาทเช่น พวงกุญแจใบโคลเวอร์ราคา 15 บาท จนถึงพรมถักราคาประมาณ 950 บาท เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า เวลาออกบูธวันเสาร์ อาทิตย์ 2 วัน จะได้รายได้หลักหมื่น”

     นอกจากนี้ ป๋อมแป๋มยังได้วางขายสินค้าที่ออกแบบเองในร้าน Daddy Stickerland และ I meet u studio เพื่อให้คนรู้จักมากขึ้นอีกด้วย

สู่การสร้างแบรนด์ตุ๊กตาหมี Johnnybearhouse เพื่อส่งต่อความรู้สึกดีๆ  

     ด้วยความเป็นคนชอบและสะสมตุ๊กตาหมี ป๋อมแป๋มจึงได้นำทุนจากการทำฟรีแลนซ์กราฟิกดีไซน์ ขายสินค้า Fan Art และสินค้าของ Paampomaq มาทำตุ๊กตาหมีขายภายใต้แบรนด์ Johnnybearhouse โดยป๋อมแป๋มมีความตั้งใจที่จะส่งต่อความรู้สึกดีๆ ให้กับลูกค้าเหมือนกับที่ตัวเองได้รับความรู้สึกดีๆ จากศิลปินที่ตัวเองชอบผ่านตุ๊กตาหมี ซึ่งเวลาที่ป๋อมแป๋มวาดศิลปินที่ตัวเองชอบจะแทนตัวศิลปินด้วยหมีที่ทำอะไรก็น่ารัก น่ากอด  

     ทั้งนี้ ในตอนเริ่มต้นป๋อมแป๋มลงทุนประมาณ 30,000 บาท เป็นค่า Mock Up แม่แบบตุ๊กตาแต่ในส่วนต้นทุนผลิตทั้งหมดส่วนใหญ่ป๋อมแป๋มจะเปิดพรีออร์เดอร์ให้ลูกค้าชำระเงินก่อนจึงค่อยผลิตและจัดส่ง และจะมีผลิตพร้อมส่งไว้บ้างทำให้ป๋อมแป๋มสามารถควบคุมต้นทุนการผลิตไม่ให้บานปลายได้ โดยตุ๊กตาขนาด 15 ซม. มีราคา 500 บาท และตุ๊กตาตัวเล็กขนาด 10 ซม. ราคา 380 บาท

     “จุดเริ่มต้นของ Johnnybearhouse  มาจากที่เราวาดรูปจอห์นนี่เป็นหมีและใส่ชุดโปรโมทเพลง punch แล้ว reply ไปในโพสต์กิจกรรม Fan Talk บนโซเชียลมีเดีย X ของ NCT แล้วจอห์นนี่ได้ตอบกลับมาว่า that's me รวมถึงตอนที่จอห์นนี่ไลฟ์เขาได้พูดถึงงาน Fan Art ว่างานวาดแต่ละชิ้นสวยมากและมีงานวาดที่วาดเขาเป็นหมีได้น่ารักมากเลย เราก็แอบคิดว่าหมีที่จอห์นนี่พูดถึงน่าจะเป็นงานของเรา ตอนนั้นเราดีใจมากเพราะเราวาดเขามาตลอดตั้งแต่ก่อนที่เขาจะได้เดบิวต์แล้ววันนี้จอห์นนี่เห็นงานวาดของเราแล้ว ตอนนั้นเรารู้สึกฟูลฟีลมาก เราอยากทำบางสิ่งที่เป็นตัวแทนเก็บช่วงเวลาดีๆ ที่เราได้รับนี้ไว้ เลยเป็นที่มาของ  Johnnybearhouse”

     “เราไม่ได้ต้องการให้แบรนด์เป็นตัวแทนของจอห์นนี่ แต่เป็นแบรนด์ตุ๊กตาที่สื่อถึงความรู้สึกอบอุ่น แบรนด์ที่ทำให้ลูกค้าเหมือนได้อยู่ในเซฟโซน ก่อนขายตุ๊กตาหมีเราได้วาดรูปหมีทำคอนเทนต์ในโซเชียลมีเดียของแบรนด์ก่อน พอเราเห็นมีคนสนใจมากขึ้นเราเลยทำแบบสำรวจว่ามีคนสนใจซื้อตุ๊กตาหมีไหม ใครที่ทำแล้วสั่งพรีออร์เดอร์เราจะแถมสินค้าพิเศษ เช่นโปสการ์ดหรือโปสเตอร์ที่เราถนัด เป็นการจัดโปรโมชั่นไปในตัวเพื่อให้คนสนใจมากขึ้น เสียงตอบรับดี มีคนสั่งซื้อเยอะทำให้เราไม่ต้องตั้งราคาตุ๊กตาสูงเพื่อให้ได้กำไรและได้เงินทุนที่เราออกค่า Mock Up แม่แบบตุ๊กตาคืน”

Burnout จากการวาด หยุดพักจนเจอทักษะใหม่ๆ

     หลังจากทำ Johnnybearhouse ได้ปี 1 ป๋อมแป๋มรู้สึก Burnout เครียดสะสมจนหมดไฟในการทำงาน ด้วยตั้งใจอยากทำแบรนด์ Johnnybearhouse ให้เป็นที่รู้จักให้ได้มากที่สุด ทำให้ป๋อมแป๋มต้องลงคอนเทนต์ตลอดเวลา เพราะ Engagement ที่ดีจะต้องมีความสม่ำเสมอ แต่พอทำมาเรื่อยๆ ไม่ได้หยุดพักทำให้รู้สึกไม่ไหว ป๋อมแป๋มเลยต้องพักการทำคอนเทนต์ก่อนและเริ่มหากิจกรรมอย่างอื่นทำนอกจากงานกราฟิก

     “ในระหว่างที่พักจากการทำคอนเทนต์ของ Johnnybearhouse เราได้เห็นวิดีโองานฝีมือที่ถักจาก Tufting gun ของต่างประเทศใน TikTok ทำให้เริ่มสนใจและศึกษาจริงจังขึ้น เราดูว่าเขามีเทคนิคอะไร ใช้ผ้าแบบไหน ลองอยู่หลายแบบ ใช้เวลา 3 เดือน เราเริ่มจากการขายงานถัก Punching needle เพราะเราอยากเริ่มจากงานถักชิ้นเล็กก่อนทำจนเรารู้สึกถนัดมากขึ้นค่อยทำชิ้นใหญ่โดยใช้วิธี Tufting gun การหันมาทำงานถักใช้ต้นทุนมากกว่าการทำ Fan Art และตุ๊กตา Johnnybearhouse ด้วยงานฝีมือเราต้องฝึก เราซื้อไหมพรมและกาวหลายประเภทมาลองทำและหาชนิดที่ใช่ที่สุด เราจะพยายามดีไซน์ไม่ให้เหมือนใครโดยใส่ความเป็นตัวเองลงไป วาดออกแบบลายเส้นเองพอเอาที่วาดมาถักก็จะมีลายเส้นไม่เหมือนใคร เช่น การถักดอกไม้โดนใช้โทนสีสดใสเป็นหลักเพราะเราชอบสีสดใสและดอกไม้ รวมถึงงานถักรูปแมว รูป Hot Dog เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น ส่วนใหญ่เราจะขายงานถักที่เราออกแบบเอง แต่ก็จะมีลูกค้าออกแบบเองแล้วอยากให้เราถักบ้าง การถักตามแบบลูกค้าถึงจะยากแต่ก็ท้าทายดีเพราะได้ฝึกฝีมือ ได้มุมมองในการทำงานถักใหม่ๆ”

I bear you studio สื่อกลางระหว่างศิลปะและผู้คน

     ผลจากการ Burnout ทำให้ป๋อมแป๋มที่ตั้งใจกลับมาทำคอนเทนต์ Johnnybearhouse ต้องเปลี่ยนวิธีการทำคอนเทนต์โดยถึงแม้จำนวนคอนเทนต์ที่ลงจะน้อยลง แต่จะเน้นให้คอนเทนต์มีคุณภาพและหลากหลายมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาให้ทุกคนมองเห็นสินค้าและแบรนด์ต่างๆ ของตัวเองได้ง่ายขึ้นโดยการเปิดโซเชียลมีเดีย I bear you studio เพื่อรวมผลงานของตัวเองไว้ในทีเดียว

     “เรารู้ตัวว่าเราจะกลับมาทำคอนเทนต์จำนวนมากๆ เหมือนแต่ก่อนไม่ได้แล้ว เราเลยเปลี่ยนมาทำคอนเทนต์ให้หลากหลายและคุณภาพมากขึ้น อย่างในสัปดาห์หนึ่งเราจะมีวันหนึ่งที่แจ้งข่าว เช่น วันที่ออกบูธ คอลเลคชันใหม่ อีกวันเราก็จะลงคลิปสอนทำสติ๊กเกอร์เพื่อให้เขาเห็นว่าสติ๊กเกอร์ที่ขายเราทำเองจริงๆ วันถัดมาเราก็จะลงวิดีโอแพ็คสินค้า เราพยายามทำคอนเทนต์ทีเดียวให้มีคุณภาพ พยายามทำคอนเทนต์ที่พอคนเห็นทีเดียวแล้วจำได้เลย รวมถึงการเปิดโซเชียลมีเดีย I bear you studio เราตั้งใจทำให้ช่องนี้ให้เป็นเหมือนหน้าร้านที่มีงาน Fan Art งานสติ๊กเกอร์ Paampomaq และงาน Johnnybearhouse เพราะที่ผ่านมาหลายคนไม่รู้ว่า 3 สิ่งนี้คือคนคนเดียวกันทำ ทำให้เราอยากทำช่องที่รวมงานของเราไว้ทีเดียวเพื่อให้คนรู้จักเราได้ง่ายและมากขึ้น”

     สำหรับในอนาคตนอกจากทำคอนเทนต์และการทำสตูดิโอ ป๋อมแป๋มมีแผนที่จะพัฒนาการวาดให้รูปสามารถสื่อถึงทุกคนให้ได้มากขึ้น โดยเฉพาะรูปคอนเทนต์ของแบรนด์ Johnnybearhouse ที่ต้องการวาดให้คนจำคาแรกเตอร์ของ Johnnybear ได้มากขึ้น รวมถึงการจัด Exhibition ของ Johnnybearhouse ที่มีธีม Exhibition บ้านหมีให้คนที่มาดู Exhibition รู้สึกอบอุ่น ป๋อมแป๋มยังได้ให้คำแนะนำปิดท้ายเกี่ยวกับการทำธุรกิจด้วยว่าการทำธุรกิจจะต้องคิดและลงมือทำเลย แล้วถ้ามีการวางแผนที่ดีจะทำให้ธุรกิจของเราประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup