Starting a Business

เปลี่ยนแพสชันให้เป็นแบรนด์ของขวัญ “Heyday” ธุรกิจออนไลน์ที่ใช้ความใส่ใจมัดใจลูกค้าจนมีอายุมายาวนาน 8 ปี!

Text : Yuwadi.s

     เพราะในวันสำคัญ เราอยากมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคนที่เรารักและมีหนึ่งแบรนด์ที่พร้อมจะรังสรรค์ของขวัญสุดพิเศษที่ทุกคนมองหา นี่คือแบรนด์ Heyday แบรนด์ของขวัญออนไลน์ที่ครองใจลูกค้ามายาวนานถึง 8 ปี โดยผู้ก่อตั้งคือ เบล-นฤฉัตร มังกรหงษ์ เธอรักการห่อของขวัญและการทำของขวัญมาตั้งแต่สมัยเรียนที่ญี่ปุ่น ทำให้เธอใช้แพสชันมาปั้นเป็นธุรกิจของขวัญออนไลน์ โดยในระยะเวลา 8 ปี เธอได้สร้างสรรค์ของขวัญสุดพิเศษมานับไม่ถ้วน เริ่มต้นตั้งแต่การ์ดบุ๊ก กรอบรูป เทียนหอม จนล่าสุดเป็นของขวัญที่แมสใน TikTok อย่างชุดจานเซรามิกที่ให้ลูกค้าคัสตอมเองได้ ด้วยความใส่ใจทุกรายละเอียดทำให้ Heyday กลายเป็นแบรนด์ของขวัญที่เข้าไปอยู่ในใจของใครหลายคน

จากคนชอบของขวัญสู่ธุรกิจของขวัญออนไลน์

     เบลเล่าย้อนไปถึงตอนเริ่มต้นของการทำแบรนด์ Heyday นั่นคือเธอไปเรียนที่ประเทศญี่ปุ่นและได้สัมผัสกับการห่อของขวัญของคนญี่ปุ่น ทำให้เธอสะสมแพสชันตรงนั้นกลับมา จนอยากทำธุรกิจของขวัญที่ให้ลูกค้าสามารถคัสตอมเองได้

     “เบลไปเรียนที่ญี่ปุ่น ตอนนั้นที่ไปอยู่ญี่ปุ่น เวลาเราไปซื้อของเราจะชอบดูคนญี่ปุ่นห่อของขวัญ และจริงๆ เราเป็นคนชอบทำของขวัญมากๆ ชอบลองทำเอง ชอบห่อ มีความสุขกับการคิดของขวัญใหม่ๆ ให้คนอื่น เหมือนมีความสุขเวลาที่เขาแกะแล้วมันจะเป็นอะไร ชอบโมเมนต์ตอนเขาแกะ เราเลยอยากทำของขวัญคัสตอม เริ่มทำร้านจากในไอจี เป็นของขวัญที่ให้ทุกคนมาคัสตอมได้ เราเรียนจบด้านกราฟิกมา ชอบงานเกี่ยวกับกระดาษอยู่แล้ว โพรดักส์แรกเราเลยเป็นการ์ดบุ๊ก เป็นการ์ดด้วย คล้ายๆ หนังสือให้คนมาใส่รูปและทำเป็นของขวัญ จากตอนแรกที่เริ่มด้วยการ์ดบุ๊กอย่างเดียว หลังจากนั้นเราก็คิดต่อยอดเติมเข้ามาเรื่อยๆ สังเกตจากกลุ่มลูกค้าว่าชอบงานประมาณไหนและพยายามคิดว่าถ้าเราได้รับสินค้าชิ้นนี้ เราจะชอบไหม”

     สำหรับการทำธุรกิจในช่วงแรก เบลเล่าว่าการทำให้ลูกค้ารู้จักคือวิธีการบอกปากต่อปาก เนื่องด้วยสินค้าของเธอเป็นของขวัญ ซึ่งลูกค้าคนหนึ่งจะสั่งให้อีกคนหนึ่ง ยิ่งเธอใส่ใจในการทำเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ลูกค้าที่ได้รับอยากมารู้จักร้านเธอมากขึ้นเท่านั้น

     “เบลว่ามันเป็นการบอกปากต่อปาก ทุกครั้งที่ลูกค้ามาสั่งทำของขวัญแล้วเขาจะเอาไปมอบให้อีกท่าน เป็นเหมือนการที่ลูกค้าอีกท่านก็จะรู้ว่ามีร้านนี้อยู่บนโลกใบนี้ไปโดยปริยาย เบลเองก็ค่อนข้างใส่ใจมากๆ เพื่อให้คนรับประทับใจ ถ้าเขาประทับใจเรา เราเชื่อว่าเขาน่าจะมาตามหาว่าสั่งจากร้านไหน เราตั้งใจทำตั้งแต่กระบวนการทำจนถึงวิธีห่อของขวัญ การผูกโบว์ การแพ็คส่งเป็นพัสดุเลย”

หยิบจานมาให้ลูกค้าคัสตอมเองได้จนปังบนโลกออนไลน์

     ระยะเวลากว่า 8 ปีที่แบรนด์ Heyday ถือกำเนิดขึ้น โพรดักส์ในร้านก็มีการปรับเปลี่ยนไปตามช่วงเวลาและวัฏจักรของสินค้านั้นๆ เริ่มตั้งแต่สินค้าชิ้นแรกคือการ์ดบุ๊ก มินิการ์ดบุ๊ก การ์ดพิมพ์เงิน จนมาถึงกรอบรูป เทียนหอม ก่อนจะมาถึงสินค้าล่าสุดอย่างเซ็ตจานคัสตอม  

     “ทุกโพรดักส์มันมีวัฏจักรของมัน ช่วงหนึ่งถึงจุดพีคที่สุดแล้วก็จะเป็นขาลง เหมือนทุกคนได้รับหมดแล้ว มันต้องมีอะไรใหม่ๆ ขึ้นมา มันน่าจะเป็นความท้าทายของทุกธุรกิจเลย เพราะทุกคนมีความชอบเปลี่ยนไปเรื่อยๆ มีอะไรใหม่ๆ ทุกคนอยากเป็นคนอินเทรนด์ตลอดเวลา”

     สำหรับจุดเด่นสินค้าล่าสุดของ Heyday อย่างเซ็ตจานนั้นคือการที่ให้ลูกค้าทุกคนสามารถคัสตอมได้เอง ตัวสินค้าใช้เทคนิคพิเศษที่เรียกว่ากระดาษลอก Decal โดยเธอจะเป็นดีไซเนอร์เพื่อออกแบบชิ้นงานให้สวยตรงใจลูกค้ามากที่สุด

     “เทคนิคที่เราใช้ทำเซ็ตจานเรียกว่า Decal เหมือนเอาสติกเกอร์มาไดคัทและติดลงบนจาน เราออกแบบบนกระดาษได้เลย มันเป็นกระดาษที่ติดบนเซรามิกโดยเฉพาะ หลังจากนั้นก็เผาด้วยอุณหภูมิสูงมาก ตัวลายก็จะติดลงบนจาน มีความคงทน สามารถเข้าเตาอบหรือไมโครเวฟได้เลย โดยตัวเซ็ตจานจะเป็นการออกแบบใหม่ทุกครั้ง เหมือนเราเป็นนักออกแบบ เวลาลูกค้าสั่งก็จะให้บอกรายละเอียดว่าอยากสั่งเป็นเซ็ต 3 ใบหรือสั่งแยก ธีมอะไร ของขวัญเนื่องในโอกาสอะไร โทนสีจานประมาณไหน ใส่ข้อความอะไร เบลกับทีมจะไปออกแบบแล้วส่งให้ลูกค้าก่อนผลิตจริงอีกที”

      หลังจากที่สินค้าเริ่มเป็นที่รู้จัก ทำให้เบลต่อยอดธุรกิจไปสู่การจัดเวิร์กช็อป เพื่อเป็นการได้เจอกับลูกค้า ได้พูดคุยกับผู้คน ซึ่งเธอมองว่าเป็นอะไรที่เธอได้รับมากกว่าแค่การจัดเวิร์กช็อป

     “ช่วงนั้นโควิดพอดี ได้อยู่กับตัวเองเยอะ เหงาๆ ที่บ้าน เราอยากออกไปเจอคนเหมือนกัน งั้นลองเปิดเวิร์กช็อปดูดีไหม ครั้งแรกที่เปิดก็กังวลมาก เพราะไม่เคยทำมาก่อน สุดท้ายมีคนมา แล้วพอมีคนมาก็รู้สึกว่าได้เจอคนใหม่ๆ ได้คุยกับคน มันได้อะไรมากกว่าการได้ไปจัดเวิร์กช็อปอีกค่ะ”

     โดยเบลได้แชร์ถึงวิธีการทำการตลาดที่มีการปรับเปลี่ยนไปตลอด 8 ปีที่ทำธุรกิจออนไลน์ รวมถึงสิ่งที่ทำให้เธอสามารถครองใจลูกค้ามาได้ยาวนานถึง 8 ปี

     “สำหรับเบลมันต้องปรับและเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จะบอกว่าเป็นการวิ่งตามเทรนด์ที่เปลี่ยนไปของโลกก็ได้ ก่อนหน้านี้ยังไม่มี TikTok เราเริ่มจากไอจี สมัยก่อนใส่ได้แค่รูปถ่าย ไม่มีวิดีโอ พิมพ์แคปชัน แต่ตอนนี้เราต้องปรับตัวตามยุค ทำคอนเทนต์ มีเรื่องราวน่าสนใจให้คนติดตาม ที่สำคัญคือการปรับตัวให้ทันกับเวลาที่เปลี่ยนไป และที่ทำให้เราอยู่ได้นานขนาดนี้เพราะเราเป็นคนที่ชอบการทำของขวัญมากๆ เลยอยู่กับเขาได้นานขนาดนี้และยังมีแพสชันกับเขาอยู่”

     เบลได้ปิดท้ายถึงหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจ เธอเน้นย้ำถึงความใส่ใจ โดยเธอยังจำชื่อลูกค้าคนแรกที่มาสั่งของขวัญได้แม้จะผ่านไปนานถึง 8 ปี ที่สำคัญความใส่ใจยังทำให้ลูกค้ากลับมาสั่งซ้ำอีกด้วย

     “เราต้องทำให้เหมือนออเดอร์แรกที่เราเคยได้รับ เรายังจำชื่อลูกค้าท่านแรกที่มาสั่งของขวัญได้อยู่เลย ทุกวันนี้เขายังมาสั่งของขวัญเป็นประจำ คำว่าของขวัญมันกว้างมากๆ เป็นอะไรก็ได้ แต่ทำยังไงให้เขาตัดสินใจซื้อของขวัญร้านเราให้ได้ เราเลยต้องใส่ใจในทุกๆ อันเพื่อให้ลูกค้ากลับมาสั่งอีก เขาตั้งใจเลือกเรา ให้โอกาสเราในการทำของขวัญเพื่อนำไปให้คนที่เขารัก เรารู้สึกว่าต้องใส่ใจและทำคุณภาพให้ดีที่สุด”

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup