Text : Yuwadi.s

      ความฝันสูงสุดของใครหลายคนคือการได้เลี้ยงลูกเองแบบฟูลไทม์ แต่สิ่งที่ตามมาคือการขาดรายได้และความไม่มั่นคง เมื่อเป็นอย่างนั้น ทำให้ บุ๋ม-รัตนา กวนไวยบุตร แม่ฟูลไทม์ที่ลูกสาวใกล้จะเข้าโรงเรียนเริ่มมองหาธุรกิจเล็กๆ ที่สามารถทำควบคู่ไปได้ก่อนที่ลูกจะเข้าเรียนในไม่ช้าเพื่อให้เธอมีความมั่นคงกับชีวิตมากขึ้น จนกลายเป็นร้านโฮมเมดเล็กๆ ชื่อ Eat me ที่เปิดตัวด้วยเมนูแสนอร่อยอย่างน้ำเงาะสดลอยแก้ว ที่เคยปังจนขายได้สูงสุดถึง 300 แก้วต่อวัน! แต่ Eat me ไม่ได้มีแค่น้ำเงาะลอยแก้ว เพราะยังมีทั้งน้ำผลไม้ตามฤดู อาทิ น้ำมังคุดลอยแก้ว น้ำลิ้นจี่ลอยแก้ว รวมถึงเมนูอาหารโฮดเมดที่คว้าใจลูกค้าจนอยู่หมัดอย่างข้าวไก่อบน้ำจิ้มแจ่วและก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ด้วย

ธุรกิจเล็กๆ ของแม่ฟูลไทม์

     บุ๋มได้เล่าถึงชีวิตก่อนที่จะมาเป็นแม่ฟูลไทม์ให้ฟังว่าเธอเคยเป็นพนักงานประจำที่ชอบการทำอาหาร ทำให้เธอเคยมีอาชีพเสริมด้วยการรับออเดอร์อาหารควบคู่ไปกับการทำงานประจำด้วย และเมื่อเธอกับสามีตัดสินใจมีลูก ความตั้งใจแน่วแน่คือการได้เลี้ยงลูกเอง ทำให้เธอลาออกจากงานเพื่อมาเป็นคุณแม่ที่ดูแลลูกได้เต็มเวลา

     “ก่อนหน้านี้บุ๋มทำงานประจำและตัดสินใจกับสามีว่าถ้าเรามีลูก จะออกจากงานมาเลี้ยงลูกเองแบบฟูลไทม์ จนพอเราได้มาเลี้ยงลูกสักพักก็มีช่วงที่ลูกใกล้จะเข้าโรงเรียนแล้ว เราก็คิดว่าจะทำยังไงต่อ ต้องหารายได้ระหว่างที่ลูกไปโรงเรียน จากที่เรามีหน้าที่ดูแลลูก เราต้องหาความมั่นคงของเราแล้ว ส่วนตัวเราชอบทำอาหาร ก่อนหน้านี้ที่เคยทำงานประจำ เราเคยรับออเดอร์อาหารหลายเมนู รับทำกับข้าวสัมมนา จัดเบรก แต่พอมีลูกแล้วมันไม่ง่าย เพราะมันค่อนข้างใช้เวลา ทีนี้เราก็คิดว่าจะทำอะไรดีที่เราเลี้ยงลูกได้และเราก็ไปขายได้ โดยที่ฝากลูกไว้กับคุณปู่ ทีนี้หน้าเงาะมา เราชอบกินเงาะมาก มากกว่าลำไยที่กำลังฮิตกัน งั้นทำน้ำเงาะแล้วกัน เราชอบกินแบบหวานน้อย เราก็ปรับสูตรของเรา ดูจากยูทูป ใช้เวลาทำไม่นานก็ขายเลย ร้าน Eat me เราเลยเปิดตัวด้วยน้ำเงาะสดลอยแก้ว”

     สำหรับการขายในวันแรก บุ๋มเล่าประสบการณ์ว่าเธอตื่นเต้น โดยเธอตื่นไปจองที่ขายตั้งแต่ตี 3 ณ ตลาดใต้พิษณุโลก จากความกลัวที่จะขายไม่ได้ ผลปรากฏว่าขายหมดเกลี้ยงตั้งแต่วันแรก

 

     “เราตื่นเต้นมาก ตอนที่ไปขายครั้งแรก เราไปที่ตลาดใต้พิษณุโลก เป็นตลาดโบราณของคนจีน เราไปแบบไม่รู้อะไรเลย ไปตั้งแต่ตี 3 ไปจองที่ แล้วก็มือใหม่มาก โชคดีที่เราเจอกัลยาณมิตรที่ดี มีพ่อค้าแม่ค้ารอบข้างมาช่วย บอกให้มาตั้งตรงนี้สิลูก แต่ตอนนั้นเรากลัวว่าจะขายไม่ได้มากๆ เพราะเราไม่เคยมาตั้งโต๊ะขายอะไรแบบนี้เลย ไปกับสามี 2 คน ช่วงวันเสาร์ตอนเช้า ขายตั้งแต่ 6 – 9 โมงเช้า ขายหมดเลย 2 โหล เราดีใจมากๆ”

      เธอเล่าต่อว่าร้าน Eat me ไม่ได้เปิดมาเพื่อที่จะขายน้ำเงาะสดลอยแก้วเพียงอย่างเดียว แต่เธอวาดภาพเป็นร้านเล็กๆ ที่จะมีเมนูอร่อยๆ ออกมาเรื่อยๆ โดยหลังจากหมดหน้าเงาะก็จะมีน้ำมังคุดหรือล่าสุดจะเป็นน้ำลิ้นจี่ รวมถึงเมนูอาหารโฮมเมด อาทิ ข้าวไก่อบน้ำจิ้มแจ่วและก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ ปัจจุบันร้าน Eat me เปิดขายอยู่ที่ตลาดใต้ พิษณุโลกและปิคนิค มาร์เกต ถนนคนเดิน พิษณุโลก

ตกแต่งร้านแบบคาเฟ่เคลื่อนที่ ใช้ความใส่ใจให้ลูกค้าปากต่อปาก

     แม้ว่าจะเป็นร้านเล็กๆ ที่ขายข้างทาง แต่ร้าน Eat me ใช้ความน่ารักและมินิมอลมาใส่แบบจัดเต็ม ทั้งการจัดร้าน การเลือกใช้แพ็คเกจจิ้ง จนทำให้ลูกค้าหลายคนติดใจและอยากมาลิ้มลอง

     “ตัวร้าน เราชอบความมินิมอล ชอบให้มันดูน่ารัก ไม่เหมือนร้านขายของทั่วไป แต่อยากให้มันดูกุ๊กกิ๊กเหมือนเราจัดโต๊ะอยู่ที่บ้าน ทำให้รู้สึกคล้ายๆ คาเฟ่ แต่เป็นคาเฟ่เคลื่อนที่นะ ให้มันน่ารัก เข้าถึงเด็กและคนทุกวัย ทำให้คนเห็นแล้วอยากถ่ายรูป อยากมาที่นี่ เราเลยไม่ได้ใช้ป้ายไวนิล แต่ทุกอย่างเราจะเขียนเอา วาดเอา ส่วนแพ็คเกจจิ้ง เราเลือกใช้เป็นไม้ไผ่ ก่อนหน้านี้ใช้เป็นเชือกแล้วมันไม่มั่นคง เวลาลูกค้าหิ้วแล้วมันหก เลยใช้ไม้ไผ่แทน ลูกค้าก็ใช้ประโยชน์ต่อได้ นำไปใส่แก้วเยติได้ อีกอย่างคือไม้จิ้มเนื้อผลไม้ เราก็เลือกไม้ไผ่ แพ็คเกจจิ้งมันเลยน่ารัก ดูสวย เลือกทรงแก้วที่ปากอ้าจะได้ชูเนื้อเงาะที่ใส่ไว้ด้วย เราใส่ใจทุกอย่างเหมือนอยู่ในร้านๆ หนึ่งทั้งที่จริงเราเป็นร้านเล็กๆ ข้างทาง”

      นอกจากนี้บุ๋มยังเน้นการทำการตลาดออนไลน์ด้วยการใช้ช่องทางโซเชียลของตัวเองและสร้างเพจเพื่อโพสต์เรื่องราวของร้าน สร้างสตอรี่ให้น่าติดตามด้วย