Starting a Business

GoodMood แบรนด์เครื่องสำอางบนโลก TikTok ที่ใช้เรื่องเล่าความเฟลมาสร้างคอนเทนต์จนพลิกธุรกิจในข้ามคืน

 

Text : Yuwadi.s

     เพราะยุคนี้การทำธุรกิจไม่ง่ายอีกต่อไป เมื่อใครๆ ต่างก็ผันตัวมาเป็นเจ้าของแบรนด์ แล้วจะทำอย่างไรให้ฉีกและแตกต่างจากคนอื่น นอกจากโพรดักส์ต้องมีจุดเด่นแล้ว การเล่าเรื่องก็สำคัญไม่แพ้กัน ทำให้ มีน-กานต์กวิน วิเศษคามิน ได้พลิกวิธีการทำคอนเทนต์จนส่งผลให้ธุรกิจปังข้ามคืน มีออร์เดอร์เข้ารัวๆ จนสินค้าหมดล็อตภายในสองอาทิตย์และนี่คือเรื่องราวของแบรนด์ GoodMood เครื่องสำอางสุดคิวท์บนโลก TikTok ที่เปิดตัวด้วยบรัชออนเจลลี่ที่น่ารักน่าใช้และโดนใจใครหลายคน

หยิบแพสชันมาปั้นเป็นธุรกิจใหม่

     โดยมีนได้เล่าให้ฟังว่าก่อนหน้านี้เธอทำธุรกิจอยู่แล้ว เป็นแบรนด์สครับผิว แต่สิ่งที่เธอชอบจริงๆ คือเครื่องสำอาง เธอจึงใช้เงินเก็บจากธุรกิจเดิมมาต่อยอดเป็นธุรกิจใหม่ที่เธอมีแพสชันนั่นคือแบรนด์เครื่องสำอาง

     “ก่อนหน้านี้มีนทำธุรกิจสครับผิว แต่ใจเราชอบพวกเครื่องสำอาง ช่วงแรกที่เราไม่ได้เริ่มทำเครื่องสำอางเลยเพราะว่าการทำธุรกิจเครื่องสำอางมันต้นทุนสูงกว่า พอเราทำแบรนด์สครับมาได้สักพัก เราก็ทำงานฟรีแลนซ์ไปด้วยจนมีเงินเก็บก้อนหนึ่ง เราก็เอาเงินมาลงกับแบรนด์เครื่องสำอางที่อยากทำมานาน แล้วตอนนั้นมันเริ่มมีกระแสบรัชออนเจลลี่จากต่างประเทศ เรารับรู้ว่ามีสินค้าตัวนี้เพิ่งเปิดตัว แล้วเราว่ามันน่าสนใจมาก ถ้าจะทำแบรนด์เครื่องสำอางในยุคนี้ แล้วเราเป็นแบรนด์ใหม่มันต้องมีสินค้าอะไรที่ดึงดูดลูกค้า แล้วตัวนี้มันใหม่มาก เป็นสินค้ารูปแบบใหม่ นวัตกรรมใหม่ที่ยังไม่เคยมี เราเลยสนใจมากแต่ตอนนั้นยังไม่มีโรงงานไหนรับทำเลย”

     หลังจากที่เธอเริ่มเฟ้นหาโรงงานเพื่อทำบรัชออนเจลลี่ ในที่สุดเธอก็เจอโรงงานที่กำลังขึ้นสูตรพอดี แต่ในช่วงแรกบรัชออนเจลลี่ยังไม่ใช่แบบที่เธอคิดไว้ จึงต้องผ่านการปรับสูตร การแก้ไข กว่าที่จะออกมาเป็นโพรดักส์ตัวแรกของแบรนด์

     “เราทักโรงงานไปเยอะมากๆ บางโรงงานก็รับทำแต่ต้องขึ้นสูตรใหม่แล้วต้องใช้เงินเยอะมากๆ ซึ่งเราไม่ได้มีขนาดนั้น จนไปเจอโรงงานหนึ่งที่เขาขึ้นสูตรวันนั้นพอดี เขายังไม่ได้มีการโปรโมตอะไรเลย เขาก็ส่งรูปมาให้เราตอนนั้นเลย เราก็รู้สึกโชคดีจังที่เจอโรงงานที่เขารับทำ จากนั้นเราก็อยากลองก่อน ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะผลิตแน่ๆ อยากลองดูสูตรว่าจะเวิร์กไหม เราก็สั่งตัวเทสมาลองก่อน มันยังเพิ่งขึ้นใหม่เลยต้องปรับเยอะมากๆ เป็นเจลลี่เนื้อแข็ง ลูกค้าต้องไม่ชอบแน่ๆ เราก็พัฒนาไปเรื่อยๆ เพราะอันนี้มันเป็นสินค้าตัวแรก เราอยากให้ลูกค้าประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ อยากให้เขาชอบ”

     สำหรับจุดเด่นของแบรนด์อยู่ที่ความแตกต่างของเครื่องสำอางที่เน้นความน่ารัก มีลูกเล่นใหม่ๆ ให้ลูกค้าได้เลือกใช้ โดยตอนนี้มีโพรดักส์ 2 ตัวคือบรัชออนเจลลี่และลิปพุดดิ้ง

     “ตอนนี้สินค้าของเรามีสองตัว ตัวที่เปิดตัวก็เป็นบรัชออนเนื้อเจลลี่ที่ทาได้ทั้งตาแก้มปาก เน้นสารสกัดจากธรรมชาติ คนท้องหรือเด็กก็ใช้ได้ มีสามสี แดง ส้ม ชมพูและสีม่วงเป็นสี Limited edition อีกหนึ่งสี ชื่อสีก็จะมีแรงบันดาลใจจากผลไม้ ส่วนอีกตัวเป็นลิปพุดดิ้ง จะเป็นลิปสติกหัวพู่กัน เนื้อลิปจะเป็นกลอสทินต์ ผสมระหว่างลิปกลอสและลิปทินต์เข้าด้วยกัน ติดทนแบบทินต์ ฉ่ำวาวแบบกลอส เราเลือกทำตัวนี้ตอนแรกก็กังวลว่าลูกค้าจะชอบไหม แต่แบรนด์นี้เราสร้างขึ้นมาไม่ได้ขายสินค้าตัวเดียว เราอยากสร้างแบรนด์เครื่องสำอางที่มีทุกอย่าง เป็นสินค้าใหม่ๆ มาเพิ่มตลอด”

เล่าเรื่องความเฟลผ่านคอนเทนต์จนพลิกธุรกิจข้ามคืน

     โดยมีนได้เล่าย้อนถึงตอนทำแบรนด์ช่วงแรกว่ามีช่วงที่เธอขายไม่ได้ เพราะเธอเน้นการทำคอนเทนต์โพรดักส์อย่างเดียว จนทำให้เธอต้องเริ่มมองการทำคอนเทนต์แบบใหม่

     “พอเราได้สินค้ามาแล้ว ลงขายก็ยังขายไม่ได้ เพราะตอนนั้นเราทำคอนเทนต์โพรดักส์อย่างเดียวในช่อง TikTok เราไม่ได้ลงหน้าเราเลยว่าเราเป็นเจ้าของแบรนด์ อย่าง 2-3ปีที่แล้ว คอนเทนต์แบบนี้ก็อาจจะทำได้ แต่ยุคนี้ที่ครีเอเตอร์มันเยอะขึ้นมากทุกวัน การลงคอนเทนต์แบบนี้ใช้ไม่ได้แล้ว ช่วงแรกที่เราลง เราลงแต่สินค้า คนดูแค่หลักร้อย แล้วของมันอยู่ที่เราครบแล้ว เหลือแค่ขายออกไป เราเลยรู้สึกว่ามันยากแล้ว งั้นเราต้องสร้างแบรนด์ดิ้งหรือสตอรี่ให้ลูกค้าเกิดภาพจำ เลยถอยออกมาว่าจะทำยังไงต่อดี”

     หลังจากนั้นเธอก็ปิ๊งไอเดียจนกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้แบรนด์ GoodMood มาแรงบนโลก TikTok เธอมองเรื่องของการทำคอนเทนต์ที่ต้องฉีกและแตกต่าง การเล่าเรื่องแบบเดิมๆ ใช้ไม่ได้อีกต่อไปและในยุคที่ใครๆ ต่างก็อวดความสำเร็จ เธอจึงลองพลิกมุมมองและเล่าเรื่องที่คนอื่นไม่เล่า นั่นคือความเฟล

     “เราเอาตัวเองเป็นหลักด้วยว่าเราชอบเสพอะไร ถ้าอยากซื้อของชิ้นหนึ่งเราดูอะไรบ้าง เราเลยเลือกที่จะเล่าสตอรี่แล้วยุคนี้เป็นยุคที่หลายคนอวดความสำเร็จ งั้นเราฉีก เรายังไม่สำเร็จ ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย แต่เราจะรอให้สำเร็จแล้วค่อยทำคอนเทนต์ขายของไม่ได้แน่นอน เราเลยทำคอนเทนต์เล่าเรื่องกว่าจะมาเป็นแบรนด์หนึ่งหรือสินค้าตัวหนึ่ง เล่าความเฟล เน้นความเฟล เล่าความจริงทั้งหมดที่เราเจอมาว่าเราสู้ขนาดไหน พอลงคลิปไป ไม่ได้คาดหวัง ปรากฏว่าข้ามวันคนเข้าถึงเยอะมาก ตื่นมาพร้อมกับคอมเมนต์เป็นร้อยๆ เราตกใจมาก คนก็ขำกับความเฟลเราว่าทำไมสู้ขนาดนี้ บางคนก็บอกว่าเราเป็นแรงบันดาลใจให้เขา แล้วคลิปมันดันถึงหลักล้านในสองวัน เลยจับจุดได้ว่าเราต้องสร้างคอนเทนต์ที่เป็นแรงบันดาลใจให้คน”

     มีนได้ปิดท้ายถึงหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจนี้ว่าสิ่งสำคัญคือบริการหลังการขายและการเอาฟีดแบคของลูกค้ามาปรับและพัฒนาตลอดเวลา

     “บริการหลังการขายของเราที่เราจะไม่ทิ้งลูกค้า เราเป็นแบรนด์เล็กๆ ไม่มีแอดมิน ถ้าเราทำไหวเราก็จะไม่จ้างด้วย เพราะเราต้องการรับรู้ฟีดแบคหรือข้อเสียที่ลูกค้าบอกว่าเขาเอาของไปใช้แล้วเกิดปัญหาอะไรบ้าง เราอยากรู้โดยตรง ถ้าเราตอบแชทเองแล้วเราก็จะรู้ว่าเขาประทับใจตรงไหน ไม่ประทับใจตรงไหน ทำให้แบรนด์เราเข้าถึงง่าย เขาก็จะรู้สึกว่ามีส่วนร่วมกับแบรนด์ของเรามาตั้งแต่แรก เหมือนเห็นการเติบโตของเรา มันดีตรงที่ลูกค้าจะสามารถคอมเมนต์เราได้ตรงๆ เพราะเห็นเราเป็นพี่เป็นน้อง บางคนไม่ได้ต้องการจะเคลม แค่อยากให้ปรับตรงนี้ อยากให้แบรนด์ดีขึ้นทุกๆ วัน”

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup