Tech Startup

จีนเตรียมดันเงินดิจิทัล E-Yuan เข้าสู่สังคมไร้เงินสดในอีก 10 ปี





 

     ต้องยอมรับว่าจีนเป็นประเทศที่พัฒนาเร็วและไปได้ไกลมากในเรื่องของการเข้าสู่สังคมไร้เงินสด หลังการแพร่หลายของสมาร์ทโฟนและแอปพลิเคชั่นไม่ว่าจะเป็น AliPay หรือ WeChat Pay วิถีการชำระค่าสินค้าและบริการของผู้บริโภคชาวจีนก็เปลี่ยนไป ชีวิตผูกติดกับการพกเงินสดน้อยลง และการทำธุรกรรมต่างๆ สะดวกสบายขึ้นด้วยสมาร์ทโฟนเครื่องเดียวที่ใช้สแกน QR code ก็ทำให้ซื้อจ่ายกันแบบง่ายๆ

     ในขณะที่การใช้เงินสดเริ่มลดความสำคัญลงในสังคมจีน มีความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับนโยบายการเงินของรัฐบาลจีนว่าธนาคารกลางแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนหรือ PBOC (People's Bank of China) ก็มีแผนจะออกเงินดิจิทัลสกุลหยวนเพื่อเป็นทางเลือกนอกเหนือจากบริการชำระเงินออนไลน์ของเอกชน 2 รายคืออาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง และเท็นเซนต์ โฮลดิ้ง        

     แบงค์ชาติจีนยอมรับว่าการออกเงินดิจิทัลจะเอื้อให้รัฐบาลเพิ่มขีดความสามารถในการสอดส่องการใช้เงินของประชาชนและบริษัทต่างๆ และทำให้เจ้าหน้าที่เก็บภาษีได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย รวมถึงการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และการออกมาตรการใหม่ๆ เพื่อดำเนินนโยบายทางการเงินอีกด้วย อย่างไรก็ตาม แม้ว่าความสะดวกสบายของระบบการชำระเงินดิจิทัลจะเป็นอะไรที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่การเปลี่ยนจากธนบัตรเพื่อแทนที่ด้วยเงินดิจิทัลอย่างเป็นทางการต้องมีขอบเขตและไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของประชาชน  แม้แบงค์ชาติประกาศจะปกป้องความเป็นส่วนตัวแต่ก็อาจเกิดรูรั่วของระบบรักษาความปลอดภัยได้ ดังนั้นทางที่ดีที่สุด รัฐบาลอาจจะยังคงเงินสดไว้ในระบบไว้ใช้งานแบบไม่มีกำหนดแต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น  

     เนื่องจากชาวจีนปรับตัวได้เร็วในการทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชั่นในมือถือ จึงมีแนวโน้มที่แผนการผลักดันเงินดิจิทัลของรัฐบาลจะบรรลุตามเป้าหมาย หากไม่เป็นตามนั้น อย่างน้อยการใช้ธนบัตรในประเทศน่าจะหมดไปใน 10 ปีข้างหน้า นอกจากนั้น มีความเป็นไปได้ที่การออกระเบียบข้อบังคับต่างๆ อาจทำให้ AliPay และ WeChat Pay ถูกปัดออกจากระบบเมื่อเงินดิจิทัลสกุลหยวนถูกปล่อยออกมาใช้งานอย่างเป็นทางการ 

     สำหรับผู้บริโภคชาวจีน เงินหยวนกับเงิน E-Yuan มีมูลค่าเท่ากัน ต่างแค่รูปแบบอันหนึ่งเป็นเงินที่จับต้องได้ อีกอันเป็นเงินอิเล็กทรอนิก นอกจากนั้น การชำระด้วยเงิน E-Yuan ก็สะดวกสบายไม่ต่างจากการใช้ AliPay หรือ WeChat Pay ทั้งนี้ แบงค์ชาติจีนกำลังดำเนินการในการออกแบบการใช้งาน E-Yuan โดยสถาบันวิจัยสกุลเงินดิจิทัลของรัฐบาลจีนซึ่งก่อตั้งเมื่อปีที่แล้วได้ระดมผู้เชี่ยวชาญจากสาขาต่างๆ อาทิ วิทยาการเข้ารหัส (cryptography) มาช่วย และขณะนี้ได้มีการยื่นจดสิทธิบัตรเทคโนโลยีเกี่ยวกับเงินอิเล็กทรอนิกไปแล้วกว่า 40 รายการ  

     ภาพคร่าวๆ ที่มองเห็นคือ E-Yuan ดูเหมือนจะเป็นเรื่องของการสร้างกระเป๋าเงินดิจิทัลส่วนบุคคลขึ้นมา และเจ้าของกระเป๋าดิจิทัลสามารถชำระเงินได้โดยตรงได้ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ เทียบกับ AliPay และ WeChat ลูกค้าจะทำธุรกรรมได้ผ่านเครือข่ายออนไลน์เท่านั้น และไม่ใช่เฉพาะรัฐบาลจีนที่มีนโยบายใช้เงินดิจิทัล รัฐบาลอื่นๆ เช่น เวเนซูเอล่า เซเนกัล สวีเดน และตูนิเซียก็กำลังดำเนินนโยบายแบบเดียวกัน

     ทั้งนี้ แบงก์ชาติจีน ให้ 4 เหตุผลในการออกเงินดิจิทัลสกุลหยวนว่า 1.เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการพิมพ์ธนบัตรที่หมุนเวียนในระบบ 2. เพื่ออำนวยความสะดวกและปลอดภัยแก่ประชาชน 3. เป็นการส่งเสริมนโยบายการเงิน และ 4. รักษาอธิปไตยทางการเงินของประเทศ มีการประเมินว่าค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับระบบชำระเงินแบบดั้งเดิม รวมถึงการดำเนินธุรกรรมผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร และตู้เอทีเอ็มมีมูลค่าสูงถึง 414,000 ล้านหยวนต่อปีหรือคิดเป็น 0.5% ของจีดีพีประเทศเลยทีเดียว

     แม้การทำธุรกรรมการเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์จะเพิ่มขึ้น แต่การใช้ธนบัตรในชีวิตประจำวันก็ยังมีอยู่ ข้อมูลของแบงค์ชาติจีนระบุ เงินตราที่หมุนเวียนนอกธนาคารมีมูลค่า 7.13 ล้านล้านหยวนเมื่อปลายเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา หรือเฉลี่ย 5,012 หยวนต่อคน โดย 86% อยู่ในรูปการใช้ธนบัตรฉบับ 100 หยวน

     อีกประเด็นสำคัญสำหรับแบงค์ชาติจีนคือการใช้เงินดิจิทัลอาจช่วยลดกิจกรรมที่ไม่ถูกกฏหมาย เช่น การเลี่ยงภาษี การคอรัปชั่น และการฟอกเงินลงได้ เนื่องจากภายใต้หลักการการใช้ E-Yuan รัฐสามารถเข้าถึงข้อมูลการใช้เงินของเจ้าของกระเป๋าเงินดิจิทัลได้หากจำเป็น คงต้องจับตาดูต่อไปว่าแผนการใช้เงินดิจิทัลของรัฐบาลจีนจะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งมีแนวโน้มที่จะบรรลุตามเป้าประสงค์ที่วางไว้ และอาจเป็นต้นแบบที่ทำให้ประเทศอื่นอยากลอกเลียน
 
     อ้างอิง : https://asia.nikkei.com/Opinion/China-s-plan-to-end-the-anonymity-of-cash
 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup