Tech Startup

สิงคโปร์ผุดโมเดลนัดบอดออนไลน์ จับคนชอบทานมาเจอคนชอบทำ

Text : วิมาลี วิวัฒนกุลพาณิชย์
 



Main Idea
 
  • แม้สิงคโปร์จะเป็นแหล่งรวมของอาหารจากนานาชาติ แต่ถ้าพูดถึงอาหารสไตล์ homecooked หรือแบบที่ปรุงเองในบ้านกลับเป็นสิ่งที่หาแทบไม่มี
 
  • ลู้ค ลี และ เอริก เตียว มองเห็นช่องว่างดังกล่าว จึงเปิด Dine In เพื่อให้บริการ Private Chef’s table แพลตฟอร์มออนไลน์ที่จับคู่เหล่าพ่อครัวแม่ครัวและบรรดานักกินให้มาเจอกันในบรรยากาศลำลองแบบสบาย ๆ
 
  • โมเดลธุรกิจแบบนี้ได้รับการตอบรับดีมากในสิงคโปร์  จึงมีการขยายบริการมายังมาเลเซีย
 



     แม้สิงคโปร์จะได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์ของนักกินเนื่องจากเกาะเล็กๆ แห่งนี้ถือเป็นแหล่งรวมของอาหารจากนานาชาติ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนสิ่งหนึ่งที่ยังพร่องอยู่คือตลาดอาหารสไตล์ homecooked หรือแบบที่ปรุงเองในบ้าน ลู้ค ลี ผู้ประกอบการด้านอาหาร และ เอริก เตียว เซเลบริตี้เชฟผู้มีชื่อเสียงในสิงคโปร์มองเห็นโอกาสทางธุรกิจ จึงได้จับมือลงขันตั้ง Dine In เพื่อให้บริการ Private Chef’s table แพลตฟอร์มออนไลน์ที่จับคู่เหล่าพ่อครัวแม่ครัวและบรรดานักกินให้มาเจอกันในบรรยากาศลำลองแบบสบาย ๆ โดยเปิดตัวไปเมื่อต้นปี 2017

     ในการใช้บริการ ลูกค้าเพียงลงทะเบียนในเว็บไซต์แล้วเข้าไปเลือกผู้ปรุงอาหาร จากนั้นก็จองวันที่ต้องการ ส่วนเวลานั้น เนื่องจากเป็นมื้ออาหารเย็น จึงเริ่ม 19.00 ถึง 21.00 น. บรรดาคนที่ปรุงอาหารเสิร์ฟลูกค้าจะถูกเรียกว่า “โฮสต์” (host) ซึ่งมีทั้งเชฟมืออาชีพ และใครก็ได้ที่มีฝีมือในการทำอาหาร และต้องการแสดงฝีมือ ส่วนใหญ่เมนูที่นำเสนอเป็นเมนูถนัด และบ่อยครั้งพบว่าเป็นสูตรประจำตระกูลที่สืบทอดต่อกันมา 

     โมเดลธุรกิจแบบนี้ได้รับการตอบรับดีมากในสิงคโปร์ กระทั่งปี 2019 จึงมีการขยายบริการมายังมาเลเซียในย่านบูกิตซีลอน เพื่อเปิดประสบการณ์ในการรับประทานอาหารแบบ home away from home-ไกลแต่เหมือนทานที่บ้าน การลงทะเบียนเพื่อใช้บริการก็ง่ายแสนง่ายเหมือนการจองที่พักผ่าน Airbnb ค่าบริการอยู่ระหว่าง 60-120 ริงกิต (ราว 435-870 บาท) ขึ้นอยู่กับเชฟและอาหารที่เสิร์ฟ ทั้งนี้ โฮสต์ทุกคนจะต้องผ่านการอบรมและได้ใบรับรองการเป็นผู้จัดสรรอาหารอย่างปลอดภัยจากกระทรวงสาธารณสุขมาเลเซีย

     ความแตกต่างระหว่างการใช้บริการร้านอาหารทั่วไปกับ Private Chef’s Table คือหากเป็นร้านอาหารหรูราคาแพงหลายๆ แห่ง ลูกค้าต้องพิถีพิถันในการแต่งกาย  และมีพิธีรีตองมากกว่าปกติซึ่งบางครั้งเป็นการสร้างความกดดันให้ลูกค้า แต่การดินเนอร์สไตล์ Private Chef’s Table แม้จะจัดที่บ้านโฮสต์ แต่บริการและคุณภาพของอาหารเรียกได้ว่าทัดเทียมร้านอาหารหรู ขณะเดียวกัน บรรยากาศลำลอง เป็นไปแบบสบายๆ ลูกค้าทั้งหมดแม้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน สามารถร่วมโต๊ะทานอาหารด้วยกัน พูดคุยกันเหมือนมาทานข้าวบ้านเพื่อน  สามารถเดินไปมาในบริเวณบ้านหรือที่จัดดินเนอร์ได้ 

     ลูกค้าที่ใช้บริการ Private Chef’s Table มีทั้งชาวมาเลเซีย และนักท่องเที่ยวต่างชาติ และสถานที่รองรับ ส่วนใหญ่เป็นบ้านโฮสต์เอง บางที่รับได้สูงสุด 20 คนก็มี ซึ่งหากมีลูกค้าจองเต็มก็เหมือนการจัดปาร์ตี้กลายๆ เพราะส่วนใหญ่ลูกค้าจะทำความรู้จักและพูดคุยกัน ในการเสิร์ฟอาหาร จะเสิร์ฟเป็นคอร์สๆ เริ่มตั้งแต่ 4 จานขึ้นไป แล้วแต่การนำเสนอของโฮสต์ อาหารที่เสิร์ฟ เป็นอาหารนานาชาติมีหลากหลายให้เลือก มีกระทั่งอาหารเม็กซิกัน และอาหารศรีลังกา

     ลูกค้าที่มาทานอาหาร สามารถนำเครื่องดื่ม เช่น ไวน์มาเปิดเองได้โดยที่ทางโฮสต์ไม่คิดค่าเปิดขวดแต่อย่างใด และบางโฮสต์ที่บริการไวน์รวมในอาหารด้วยก็มี และแม้ Private Chef’s Table จะไม่ได้ระบุว่าเป็นฮาลาล แต่ก็มีโฮสต์บางรายนำเสนออาหารปลอดเนื้อหมูสำหรับลูกค้ามุสลิม ซึ่งหากลูกค้ามุสลิมท่านใดไม่แน่ใจ ก่อนทำการจอง ก็สามารถทักไปพูดคุยกับโฮสต์ได้โดยตรง และนี่คือรูปแบบธุรกิจที่เปิดโอกาสให้คนทั่วไปที่มีฝีมือหรือมั่นใจในความสามารถได้แสดงทักษะการปรุงอาหาร ทั้งยังเป็นการเพิ่มรายได้อีกด้วย ไม่เกี่ยงว่าเป็นเชฟมืออาชีพ มือสมัครเล่น หรือคนทั่วไป หากได้ลงทะเบียนเพื่อให้บริการใน Private Chef’s Table โอกาสในการเข้าถึงลูกค้าก็เท่าเทียมกัน

     นอกจากโมเดลการรับประทานอาหารที่บ้านโฮสต์ โดยโฮสต์เป็นคนปรุงเอง อีกโมเดลหนึ่งที่กำลังเป็นที่นิยมตามร้านอาหารคือการแบ่งพื้นที่เพื่อให้บริการเสิร์ฟอาหารแบบ chef’s table รังสรรค์โดยเชฟมืออาชีพ เช่น ร้าน Nouri ร้านอาหารแบบ fine dining ชื่อดังในสิงคโปร์ที่การันตีด้วย 1 ดาวมิชลิน โดยทางร้านจัดห้องพิเศษแยกออกไป มีเพียง 8 ที่นั่ง และอีวาน เบรห์ม เชฟเจ้าของร้าน ผู้เคยผ่านงานจากร้าน 3 ดาวมิชลินหลายแห่งพร้อมทีมงานจะทำการปรุงต่อหน้าลูกค้า เช่นเดียวกับร้าน Ards ที่นำเสนอคอร์สอาหารเอเชีย 15 คอร์สโดยเชฟเจ้าของร้าน เอซ ตัน และเดวิด ลี

     การให้บริการแบบนี้ นอกจากเพิ่มมูลค่าให้อาหารที่เสิร์ฟ ยังสร้างประสบการณ์ที่ต่างออกไป คือทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์มากขึ้นระหว่างเชฟและทีมงาน กับลูกค้า ไม่เท่านั้น ยังเป็นเวทีให้เชฟหน้าใหม่ได้แสดงฝีไม้ลายมือ เหมือนที่โรงแรมโซฟิเทล สิงคโปร์แห่งใหม่ที่เปิดมุม chef’s table จำกัด 8 ที่นั่งในห้องอาหาร Racines ของโรงแรม โดยเสิร์ฟอาหารฝรั่งเศส และอาหารจีน
 
     ที่มา : https://vulcanpost.com/678056/malaysia-private-chefs-table-homecooked-dining-experience/
                www.straitstimes.com/lifestyle/food/the-new-in-dining-trend-in-singapore-chefs-tables
 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup