Tech Startup

Pro-toys สตาร์ทอัพสายพันธุ์ไทย ผู้พลิกนวัตกรรมการถ่ายภาพให้เป็นมากกว่าภาพถ่าย




Main Idea
 
  • Multi Camera เป็นนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นโดย Startup ไทย เพื่อสร้างมุมมองและประสบการณ์ใหม่ให้กับภาพถ่าย ไม่ว่าจะเป็น เทคนิคหยุดเวลาแบบ 360° VR 3 มิติแบบ 360° หรือเปลี่ยนภาพนิ่งรอบวัตถุให้กลายเป็นโมเดล 3 มิติในแบบ Avatar
 
  • ปัจจุบัน Multi Camera ใช้ในงานอีเวนต์ โฆษณา ภาพยนตร์ และต่อยอดเป็นเครื่องมือพีอาร์ทำการตลาด ทำให้คนเกิดส่วนร่วมในคอนเทนต์และส่งต่อคอนเทนต์ไปยังเพื่อนโลกออนไลน์ด้วยความเต็มใจ
 


     หลายคนคงจะเคยเห็นการจัดเรียงกล้อง DSLR หลายสิบตัวเป็นวงกลมตามงานอีเวนต์ หรือการถ่ายทำงานต่างๆ อยู่บ่อยๆ จนอดสงสัยไม่ได้ว่ามันคืออะไร

     นี่เป็นนวัตกรรม Multi Camera ที่พัฒนาขึ้นโดย Startup ไทย เพื่อสร้างมุมมองและประสบการณ์ใหม่ให้กับภาพถ่าย ไม่ว่าจะเป็น เทคนิคหยุดเวลาในแบบ 360° หรือ Bullet Time (Time Slice), VR 3 มิติ ในแบบ 360° หรือการเปลี่ยนภาพนิ่งรอบวัตถุให้กลายเป็นโมเดล 3 มิติในแบบ Avatar ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจาก Pain Point จนนำไปสู่ความต้องการเอาชนะและพัฒนานวัตกรรม Multi Camera ขึ้นมา
  
     บุญชัย วงศ์บวรเกียรติ Co-Founder บริษัท โปร-ทอยส์ จำกัด เล่าให้ฟังว่า “เราเป็นอีเวนต์ออร์แกไนเซอร์ที่ทำเกี่ยวกับคอนเทนต์โดยเฉพาะ ซึ่งเจอปัญหาในการถ่ายทำด้วยระบบ Bullet Time ซึ่งต้องซื้ออุปกรณ์มาจากต่างประเทศ เพราะซอฟต์แวร์มาจากที่หนึ่ง ฮาร์ดแวร์ก็เป็นอีกที่หนึ่ง พอมารวมกันแล้วเกิดความผิดพลาดบ่อยโดยที่เราหาสาเหตุไม่ได้ เลยตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไมระบบแบบนี้คนไทยทำไม่ได้ แล้วเราก็หว่านโจทย์เพื่อหาคน จนในที่สุดได้คนคนหนึ่งช่วยกันพัฒนาจนเป็น Multi Camera ครบวงจรทั้งซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ ที่สามารถสั่งถ่ายแบบไม่จำกัดจำนวนกล้อง แต่มีความแม่นยำสูง”   
 


     ด้วยเทคโนโลยี Multi Camera ทำให้บุญชัยสามารถแตกออกมาเป็นบริการที่หลากหลาย เช่น Bullet Time (Time Slice), VR, Avatar และล่าสุด Selfie eXtreme โดย Selfie eXtreme เป็นนวัตกรรมทางด้านการถ่ายภาพแบบเซลฟี ที่สามารถขยายจนเห็นภาพแบบ Overview เห็นความงดงามที่ยิ่งใหญ่ของแหล่งท่องเที่ยวนั้นๆ นอกจากนี้ ยังมีระบบ AI Face Recognition เพื่อ Matching กับแคมเปญทางการตลาด ในการนำเสนอโปรโมชันที่ยิงตรงไปยังกลุ่มเป้าหมายอีกด้วย   

     “ประเทศไทยเป็นเมืองท่องเที่ยวถ้าเราสามารถเปลี่ยนภาพเซลฟีของนักท่องเที่ยวทั้งหมดให้เป็นภาพวิวแหล่งท่องเที่ยวแล้วให้เขาแชร์ออกไป ก็จะเป็นการประชาสัมพันธ์ให้คนรู้จักในวงกว้างมากขึ้น โดยใช้หลักการง่ายๆ ถ้าไปเที่ยวสถานที่ไหนแล้วเจอป้ายของเราให้ใช้มือถือสแกนคิวอาร์โค้ด จากนั้นก็กดรีโมตชัตเตอร์สั่งการในระบบของเรา ซึ่งอยู่อีกที่หนึ่งของแหล่งท่องเที่ยว หลังถ่ายเสร็จภาพจะวิ่งเข้ามาในมือถือถ้าจะรับภาพนั้นก็ต้องแชร์ มันก็จะถูกแชร์ไปในโซเชียลมีเดียทันที แล้วเรามีระบบ AI ที่จะจดจำใบหน้าและเก็บข้อมูล เพศ อายุ เพื่อ Matching กับการทำการตลาด สำหรับแบรนด์ที่จะทำโปรโมชัน เท่ากับว่าเป็นระบบที่ค่อนข้างครบในตัวมันเองคือ มีคอนเทนต์ที่แปลกใหม่ ที่พร้อมทำให้เกิดการแชร์ ขณะเดียวกันยังทำการตลาดได้อีกด้วย”
               
     ปัจจุบันเทคโนโลยี Multi Camera นี้จะใช้ในงานอีเวนต์ โฆษณา และภาพยนตร์ และเพราะไอเดียของบุญชัยจึงเกิดการต่อยอดเทคโนโลยี ด้วยการใช้เป็นเครื่องมือพีอาร์ทำการตลาด ทำให้คนเกิดส่วนร่วมในคอนเทนต์ที่เกิดขึ้นและส่งต่อคอนเทนต์ออกไปยังกลุ่มเพื่อนโลกออนไลน์ด้วยความเต็มใจ 


     
     บงการ พยัฆวิเชียร
Co-Founder บริษัท โปร-ทอยส์ จำกัด กล่าวเสริมว่า “จริงๆ เป็นการ Create Value ไม่ใช่แค่โปรดักต์หรือนวัตกรรม เพราะสามารถไปต่อยอดให้กับลูกค้าในหลายอุตสาหกรรม
  
     “Multi Camera หลายคนมองว่าเป็นฮาร์ดแวร์เป็นกล้อง แต่จริงๆ เรามองว่ามันเป็นอะไรก็ได้ เริ่มจากเทคนิค MATRIX ที่ภาพยนตร์ทำกัน เปลี่ยนวิธีคิดมาเป็น Photo Booth มาเป็นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจาก Selfie eXtreme แล้วปลายปีเราจะกลายมาเป็นอุตสาหกรรมสปอร์ต เพราะเราจะทำ 3D รีเพลย์ครั้งแรกในภูมิภาค หลังจากนั้น ก็จะกลายพันธุ์มาเป็นวิทยาศาสตร์การกีฬา เพราะเราจะพัฒนาต่อยอดอะไรใหม่ๆ ขึ้นมาอีก จะเห็นว่าเราจะค่อยๆ โตจากการไปบวกรวมกับอุตสาหกรรมต่างๆ นี่คือกระบวนคิดของ PRO-toys”

     อย่างไรก็ตาม จากการที่ทั้งคู่เติบโตมาจากบริษัทออร์แกไนเซอร์ที่เป็น SME ครั้นเมื่อต้องมาเปลี่ยนวิธีการทำธุรกิจในแบบ Startup บุญชัยจึงบอกว่า PRO-toys เป็นลูกครึ่ง SME และ Startup โดยเลือกที่จะหยิบสิ่งดีๆ มาปรับใช้

     “เราเติบโตจาก SME โชคดีตรงที่ว่าเราได้เรียนรู้ทั้งสองวิธีคิด มันทำให้กระบวนการทำนวัตกรรมกับกระบวนการทำการตลาดของเราแตกต่างจากสิ่งที่เมื่อก่อนเราเป็น วันนี้การทำการตลาดไม่ใช่ต้องเอาเงินแลกเหมือน SME หรือเคยมองว่าต้องมีผลิตภัณฑ์ก่อน วันนี้เราไม่จำเป็นต้องรอผลิตภัณฑ์เสร็จ เราสามารถไปขายโอกาสล่วงหน้าได้ แต่กระนั้น เราก็ยังอยากสเกลแบบ SME ซึ่งมองว่ามันเป็นการสเกลแบบมั่นคง ไม่ใช่หวือหวาแล้วก็ตายตอนจบ เพราะถ้าเราจะสเกลแบบ Startup เราคงต้องพุ่งไปหานักลงทุน แต่เราสเกลผ่านกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เราขยายกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเราไปเรื่อยๆ ให้ครอบคลุม แล้วมูลค่าก็สูงขึ้นเรื่อยๆ”

     กลยุทธ์หนึ่งที่นำมาใช้ในการสร้างชื่อให้กับ PRO-toys คือการล่ารางวัล เพราะทุกครั้งที่ PRO-toys ได้รางวัลก็จะทำให้เป็นที่รู้จักและเกิดการยอมรับทั้งในและต่างประเทศ อย่างล่าสุดกับรางวัลเหรียญทองชนะเลิศจากเวที นวัตกรรม และสิ่งประดิษฐ์นานาชาติ ITEX ปี 2018 ประเทศมาเลเซีย และในขณะนี้ทั้งคู่กำลังมุ่งสร้างผลงานให้โดดเด่นเพื่อเตรียมบุกตลาดต่างประเทศในอนาคตตามเป้าหมายที่วางไว้



 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup