Text : Vim Viva

     อาจเป็นเพราะชะตากำหนดจึงทำให้เด็กหนุ่ม 2 คนที่จากคนละภาคของเวียดนามได้มาพบเจอกันที่เฮลซิงกิ เมืองหลวงของฟินแลนด์ และได้ร่วมกันก่อตั้ง “เรนส์ ออริจินัล” (Rens Original) สตาร์ทอัพผู้ผลิตรองเท้าสนีกเกอร์ที่ทำจากกากกาแฟเป็นรายแรกของโลก จนขึ้นแท่นสินค้าแฟชั่นเพื่อความยั่งยืน ได้รับความนิยมในยุโรปและทำยอดขายในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ก่อนคว้ารางวัล Reddot Award ด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมเมื่อปี 2021 โดยรางวัลดังกล่าวถือเป็นรางวัลออสการ์สำหรับนักออกแบบเลยทีเดียว

 

 

     ผู้เป็นเจ้าของสตาร์ทอัพคือ “ตรัน เบ๋า คัง” หรือเจสซี่ วัย 29 ปีจากนครโฮจิมินห์ กับ “ชู ฮวาง เซิน” ผู้ร่วมก่อตั้งวัย 25 ปีจากฮานอย ทั้งคู่รู้จักกันได้อย่างไร และอะไรที่จุดประกายให้มิตรสหายต่างวัยร่วมกันสร้างบริษัทเพื่อผลิตรองเท้าเพื่อสิ่งแวดล้อมออกมาจนเป็นที่ยอมรับและได้รับความสนับสนุนจากนักลงทุนอิสระ ไปแกะรอยเส้นทางสู่ความสำเร็จของพวกเขากัน

 

• จุดเริ่มต้น

     ย้อนกลับไปเมื่อปี 2011 เจสซี่เดินทางมาศึกษาต่อสาขาบริหารธุรกิจระหว่างประเทศและโลจิสติกส์ที่เฮลซิงกิ ส่วนเซิน เดินทางมาเรียนด้านไอที หลังเรียนจบ เจสซี่ก่อตั้งสตาร์ทอัพชื่อ Factory Finder ที่พัฒนาแพลทฟอร์มออนไลน์และบริการจับคู่แบรนด์สินค้าแฟชั่นในยุโรปกับโรงงานผลิตในจีนและเวียดนาม ส่วนเซิน หลังเรียนจบก็ได้งานที่ “ซาลันโด” (Zalando) แพลทฟอร์มอี-คอมเมิร์ซรายใหญ่สุดในยุโรป กระทั่งเซินได้มาสมัครงานที่ Factory Finder จึงทำให้ได้รู้จักเจสซี่ สิ่งที่ทำให้ทั้งคู่สนิทกันอย่างรวดเร็วมาจากการเป็น sneakerhead ที่ชื่นชอบและหลงใหลในรองเท้าสนีกเกอร์

 

 

     วันหนึ่ง เจสซี่และเซินนั่งคุยกันเรื่องสนีกเกอร์ในร้านกาแฟ และมีการพูดถึงกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมแฟชั่นว่าเป็นหนึ่งในกระบวนการที่ทำลายสิ่งแวดล้อมมากที่สุด พวกเขาคุยไปถึงการผลิตรองเท้าเพื่อให้เป็นแฟชั่นยั่งยืนนั้น ดีไซน์มักสวนทางกัน จึงเกิดการตั้งคำถามว่าทำอย่างไรจึงจะผลิตรองเท้าที่ตอบโจทย์การรักษาสิ่งแวดล้อมในขณะที่ดีไซน์ก็สวยงามน่าสวมใส่ด้วย กลิ่นกาแฟที่อบอวลในร้านทำให้หนึ่งในนั้นนึกถึงกากกาแฟที่ถูกทิ้งจำนวนมหาศาล ให้บังเอิญว่าหลังจากหาข้อมูลก็พบว่ากากกาแฟสามารถนำมาผลิตเป็นเส้นใยได้

• กำเนิด Rens Original

     เมื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการรังสรรค์นวัตกรรมสนีกเกอร์ เจสซี่และเซินก็ก่อตั้งสตาร์ทอัพ Rens Original ใน ปี 2018 ที่เฮลซิงกิ พร้อมกันนั้นก็ทดลองผลิตรองเท้าโดยใช้เส้นใยจากกากกาแฟและวัสดุอื่น ปี 2019 ก็ได้เป็นรองเท้าต้นแบบรุ่นแรกใช้ชื่อรุ่นว่า NOMAD โดยเปิดตัวใน Kickstarter ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มระดมทุน เบื้องต้นมีผู้สนใจเข้ามาติชมและแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก นำไปสู่การพัฒนาคุณภาพที่ลงตัวขึ้นของผลิตภัณฑ์ จากนั้น Nomad เวอร์ชั่นใหม่ถูกนำมาขายเพื่อระดมทุนใน Kickstarter สามารถทำยอดขายได้เกิน 500,000 ยูโรในระยะเวลาเพียงเดือนครึ่ง ส่งผลให้ Rens Original เป็นสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จมากสุดในฟินแลนด์ในสายธุรกิจแฟชั่น

 

  

 

• ทำไมต้องกากกาแฟ

     เจสซี่กล่าวว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้การระดมทุนประสบความสำเร็จเพราะการเป็นบริษัทแรกที่คิดค้นนวัตกรรมนี้ซึ่งถือเป็นสิ่งใหม่ จึงทำให้ผู้คนสนใจใคร่รู้ คนส่วนใหญ่รู้จักกาแฟอยู่แล้ว แต่กาแฟไม่ได้เป็นแค่เครื่องดื่ม ยังสามารถใช้เป็นวัตถุดิบได้ด้วย ในการผลิตรองเท้า 1 คู่จะใช้กากกาแฟ 21 ถ้วย ขวดพลาสติกรีไซเคิล 6 ขวด และโพลีเอสเตอร์ที่ได้จากการรีไซเคิล เมื่อนำกากกาแฟมาแปรเป็นวัสดุในการผลิต จะทำให้รองเท้ามีคุณสมบัติต่าง ๆ เช่น ช่วยขจัดกลิ่น ต่อต้านแบคทีเรีย กันน้ำได้แม้จะโดนน้ำก็แห้งเร็ว ป้องกันรังสียูวีได้ น้ำหนักเบา ประมาณ 400-650 กรัมขึ้นอยู่กับขนาดรองเท้า 

• ความหมายของแบรนด์และโลโก้

     เมื่อถูกถามถึงชื่อแบรนด์ Rens ผู้ก่อตั้งอธิบายว่ามี 2 ความหมาย ความหมายแรก ตามหลักปรัชญาขงจื๊อของทางตะวันออก Ren (ไม่มี s และอ่านว่าเหริน) คือความรู้สึกปีติเมื่อได้ทำประโยชน์หรือสิ่งดี ๆ ให้คนอื่น ความหมายที่ 2 ในภาษาสแกนดิเนเวีย Rens แปลว่าสะอาด บริสุทธิ์ ไร้มลพิษ เมื่อรวมความหมายจาก 2 ฝั่งจึงลงตัวที่ความรู้สึกปลื้มปิติเมื่อได้ทำสิ่งดี ๆ เพื่อผู้คนและโลก

     ในส่วนของโลโก้ที่เป็นเครื่องหมายแฮชแท็กนั้น เป็นสัญลักษณ์ของคนวัยดิจิทัล ดังเช่นคนรุ่นเจสซี่และเซินที่เป็น Gen Z และเป็นเจนที่ผูกติดกับสื่อโซเชี่ยล นอกจากจะใช้แฮชแท็กในการขับเคลื่อนหรือร่วมกิจกรรมทางสังคม ยังใช้เป็นจุดเริ่มต้นหรือสร้างอะไรใหม่ ๆ อีกทั้งยังเป็นเครื่องหมายที่เชื่อมโยงบุคคล ชุมชน วัฒนธรรม และชาติพันธุ์ต่าง ๆ เหล่านี้สะท้อนให้เห็นจากสภาพแวดล้อมในองค์กรของ Rens Original ที่ประกอบด้วยทีมงานกว่า 20 คน 11 เชื้อชาติจาก 4 ทวีปแต่มาร่วมทำงานด้วยกันเพราะมีวิสัยทัศน์เดียวกัน

 

• สู่ความเป็นแบรนด์รองเท้ายั่งยืน

     พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หลายองค์กรใหญ่ถือโอกาสนี้หาผลประโยชน์จากนิยาม “ความยั่งยืน” แต่สำหรับ Rens Original จะไม่ให้คำ ๆ นี้เป็นเพียงกระแสชั่วคราว บริษัทจะยังยึดมั่นในพันธกิจเปลี่ยนขยะ (นอกจากกากกาแฟและขวดพลาสติก ในอนาคตอาจมีเปลือกสับปะรด และไม้ไผ่) ให้เป็นวัสดุที่นำกลับมาใช้ใหม่ โดยจะพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ และร่วมมือกับซัพพลายเออร์ซึ่งเป็นโรงงานผลิตในเวียดนามในการทำให้ลูกค้าทุกคนสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์แฟชั่นแบบยั่งยืน และผลักดัน Rens Original ให้ขึ้นแท่นแบรนด์สินค้าสายเขียวชั้นนำของโลก

 

 

     ช่วงเวลาไม่กี่ปี Rens Original ได้รับการยอมรับ ทำให้มีลูกค้ากว่า 100 ประเทศทั่วโลก แต่ตลาดใหญ่สุดอยู่ที่สหรัฐฯ อังกฤษ เยอรมนี และฟินแลนด์ เจ้าของผลิตภัณฑ์มักเข้าไปดูรีวิวและความคิดเห็นของลูกค้าแล้วนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการมากที่สุด จากที่ผลิตแต่รองเท้าเน้นใส่ออกกำลังกาย ปัจจุบัน Rens Original รองเท้าให้เลือก 3 กลุ่ม ได้แก่ รองเท้ากีฬา รองเท้าใส่ลำลอง และรองเท้ารุ่นพรีเมี่ยม ทั้งยังแตกไลน์ผลิตเสื้อฮูดดี้ออกจำหน่าย

     รองเท้า Rens Original วางจำหน่ายออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ แพลทฟอร์มซาลันโด และอเมซอน สนนราคาจำหน่ายเฉลี่ยคู่ละ 119 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม มีบริษัทจากญี่ปุ่น สิงคโปร์ และละตินอเมริกาติดต่อเพื่อของเป็นตัวแทนจำหน่าย ซึ่งทาง Rens Original กำลังอยู่ระหว่างพิจารณา รวมถึงการเปิดหน้าร้านเพื่อเพิ่มช่องทางเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น

 

ข้อมูล

https://scandasia.com/vietnamese-students-in-finland-produces-sneakers-from-used-coffee-grounds-and-plastic-waste/

https://fashionunited.com/news/fashion/rens-offers-world-s-first-sneakers-made-from-coffee-grounds/2021063040739

www.theindustry.fashion/the-interview-jessie-tran-and-son-chu-co-founders-of-sustainable-performance-sneaker-brand-rens/

https://bartalks.net/a-new-kind-of-coffee-kick-sustainable-sneakers-made-from-used-grinds/

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup