สตาร์ทอัพอินโดฯ ผุด “จักรยานคาเฟ่” เสิร์ฟกาแฟพรีเมี่ยมราคาถูก ลูกค้ารายได้ต่ำอุดหนุนได้ทุกวัน
Text : Vim Viva
แม้จะเป็นประเทศที่ผลิตและส่งออกกาแฟมากเป็นอันดับ 4 ของโลกรองจากบราซิล เวียดนาม และโคลอมโบ อีกทั้งยังผลิตเมล็ดกาแฟหลากหลายสายพันธุ์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ โทราจา และสุมาตรา จนสามารถวางจำหน่ายในเชนร้านกาแฟที่ใหญ่สุดในโลกอย่างสตาร์บัคส์ และหลายแห่งทั่วโลก แต่ชาวอินโดนีเซียส่วนใหญ่กลับไม่เคยได้ลิ้มลองกาแฟคุณภาพดีที่เป็นผลผลิตของประเทศเนื่องเพราะไม่มีกำลังซื้อมากพอ หากต้องการดื่มกาแฟรสชาติดีคือต้องจ่ายในราคาแพง นั่นเป็นเหตุผลที่ 90 เปอร์เซ็นต์ของกาแฟที่บริโภคในอินโดนีเซียเป็นกาแฟผงสำเร็จรูป
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโอกาสในตลาดยังมี ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจึงเห็นสตาร์ทอัพอินโดนีเซียหลายแห่งจับธุรกิจร้านคาเฟ่เพื่อสร้างกลุ่มลูกค้าใหม่ หลายแบรนด์สามารถระดมทุนและขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศได้ และในช่วงเกิดวิกฤติการระบาดของโควิด-19 ธุรกิจกาแฟแบบเทกอะเวย์และเดลิเวอรีก็ได้รับความนิยมจนกลายเป็นเทรนด์ หน่วยงานสถิติแห่งชาติของอินโดนีเซียระบุธุรกิจ grab-and-go เติบโตอย่างรวดเร็ว
หนึ่งในสตาร์ทอัพที่เข้ามาจับตลาดกาแฟพรีเมี่ยมคือ “จาโก้ คอฟฟี่” สตาร์ทอัพที่ก่อตั้งเมื่อปี 2020 โดยโยชัว ทานู และคริสโตเฟอร์ โอเอนโทโจ ภายใต้คอนเซปต์ “กาแฟดีราคาเบาๆ เข้าถึงได้ทุกที่” กับโมเดลธุรกิจ “จักรยานคาเฟ่” บนจักรยานสามล้อไฟฟ้า เนื่องจากร้านกาแฟสไตล์คาเฟ่ใช้ต้นทุนสูง และใช้เวลามากกว่าในการเปิดธุรกิจ โยชัวและคริสโตเฟอร์จึงคิดว่าการทำธุรกิจร้านกาแฟแบบ cafe-on-wheels โดยใช้จักรยานสามล้อไฟฟ้าน่าจะตอบโจทย์มากกว่าในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลงทุนต่ำ และเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วถึงกว่า
แม้จะเป็นกาแฟข้างทาง แต่จ้าโก้ คอฟฟี่ก็เลือกใช้เมล็ดกาแฟคุณภาพดีที่เป็นผลผลิตภายในประเทศ และพนักงานจะชงเสิร์ฟแก้วต่อแก้วเดี๋ยวนั้น ทำให้ลูกค้าได้ดื่มกาแฟสดใหม่รสชาติดี ลูกค้าสามารถสั่งซื้อที่รถ หรือสั่งผ่านแอปพลิเคชัน แล้วไปรับกาแฟ ณ จุดที่สะดวกหรือใกล้สุดก็ได้ นอกจากกาแฟ จาโก้ คอฟฟี่ยังมีเครื่องดื่มชาบริการด้วย สนนราคาเครื่องดื่มอยู่ที่แก้วละ 8,000 รูเปียห์ (ประมาณ 18 บาท) เทียบกับกาแฟแบรนด์นอก เช่น สตาร์บัคส์ที่ราคาสูงถึงแก้วละ 40,000 รูเปียห์หรือราว 90 บาท สำหรับคนที่มีรายได้ปานกลาง อาจจ่ายเงินซื้อกาแฟแบรนด์นอกได้เดือนละ 1 หรือ 2 ครั้งเท่านั้น
โยชัว ยอมรับว่า ณ เวลานี้ ประชากรอินโดนีเซียส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีกำลังซื้อและไม่มีความรู้เกี่ยวกับกาแฟ ดังนั้นจึงต้องทำให้พวกเขาได้มีโอกาสลิ้มลอง ข้อมูลวิจัยทางเศรษฐกิจเมื่อปลายปี 2021 ระบุรายได้เฉลี่ยนของประชากรอินโดนีเซียอยู่ที่ 170 ดอลลาร์ หรือประมาณ 6,000 บาทต่อเดือน
จาโก้ คอฟฟี่จึงเป็นแบรนด์ที่ประกาศชัดเจนว่าต้องการจับตลาดผู้มีรายได้ปานกลาง หรือรายได้น้อยซึ่งผู้บริหารต้องการให้ลูกค้ากลุ่มนี้สามารถซื้อกาแฟดื่มได้ทุกวัน และสิ่งหนึ่งที่ทางจาโก้ คอฟฟี่ให้ความสำคัญคือการให้ความรู้แก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับกาแฟสเปเชี่ยลตี้ “อยากให้ลูกค้าของเราเข้าใจถึงวิธีการดื่มกาแฟ กาแฟที่ดีกับไม่ดีแตกต่างกันอย่างไร” โยชัวกล่าว