Digital Marketing

เผยเคล็ดลับ Startup ต้องขอทุนอย่างไรให้ได้ตังค์ ฟังคำตอบจากเจ้าของแหล่งเงินทุนเฉลย




     แน่นอนว่าเงินทุนคือปัจจัยสำคัญลำดับต้นๆ ในการขับเคลื่อนธุรกิจ โดยเฉพาะเป็นธุรกิจ Startup ที่สายป่านอาจจะไม่ยาว จะมีวิธีขอทุนอย่างไรให้ได้ทุน ไปฟังมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญที่ได้มาร่วมในงาน Deep Tech Startup ครั้งที่ 3 ที่จัดโดย สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.)


     หนึ่งในองค์กรของไทยที่สนับสนุน Startup คือ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ที่สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี ต่อยอดงานวิจัยจากห้องปฏิบัติการสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ ผ่าน 7 กรอบอุตสาหกรรมคือ 1. เกษตรและอาหารมูลค่าสูง ท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ 2. พลังงานเคมีและวัสดุชีวภาพ 3. ดิจิทัลแพลตฟอร์ม 4. เศรษฐกิจหมุนเวียน 5. ระบบคมนาคมแห่งอนาคต 6. อุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ และ 7. สุขภาพและการแพทย์





     สำหรับการขอรับการสนับสนุนทุนจาก บพข. นั้น รศ.ดร.ธงชัย สุวรรณสิชณน์ รองผู้อำนวยการ บพข. กล่าวว่า นอกจากต้องสอดคล้องกับแผนงาน บพข. แล้ว สิ่งสำคัญ คือ ควรแสดงให้เห็นถึงตัวเลขผลผลิตที่ตอบ OKRs และมีผลกระทบสูง มีระดับความพร้อมเทคโนโลยี (Technology Readiness Level-TRL) เริ่มต้น ตั้งแต่ระดับ 4 ขึ้นไป มีหน่วยงานร่วมดำเนินการและลงทุน โดยมี in-cash และ in-kind รวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 รวมถึงมีกลไกนำผลงานไปใช้ประโยชน์-ขยายผลที่ชัดเจน ตลอดจนบุคลากรในโครงการต้องมีความเชี่ยวชาญครบสาขา มีเวลา และมีโอกาสสู่ความสำเร็จของโครงการ


     “บพข. พยายามสร้างแพลตฟอร์มที่เสมือน Sandbox สำหรับ Startup ขึ้นมา เพื่อสนับสนุนเรื่อง Deep Tech เพื่อให้ไปสู่การลงทุนและผู้ต้องการใช้งานจริงๆ ซึ่งทุกอย่างเริ่มต้นจากนักวิจัย นักศึกษา อาจารย์ เราจึงพยายามเข้าไปสร้าง Accelerator Platform ในมหาวิทยาลัย โดยอยากเห็นกระบวนการจัดการที่นำไปสู่ตลาด นำไปสู่การลงทุนในธุรกิจ Deep Tech Startup รวมทั้ง บพข. ยังสนับสนุนและอยากเห็น การทำงานของผู้ขอทุนกับหน่วยงานต่างชาติที่จะสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการขับเคลื่อนธุรกิจ เทคโนโลยีของธุรกิจไปสู่ตลาดโลกได้ อย่างไรก็ตาม ทุน บพข. มีหลายรูปแบบที่ช่วยให้ Deep Tech Startup มีความเป็นไปได้” รศ.ดร.ธงชัย กล่าว



 

     เริ่มจากแนวทางที่ชัดเจน

     ด้านราเมศวร์ ศิลปะพรหม ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงพันธกิจสำคัญของหน่วยงานคือ การนำงานวิจัยไปสู่เชิงพาณิชย์ โดยทุนส่วนใหญ่ที่นำมาสนับสนุนให้กับกลุ่ม Startup หรือผู้ประกอบการมาจากการระดมทุนจากนิสิตและศิษย์เก่าของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยการพิจารณาการให้ทุนเริ่มจากการพูดคุยแนวทางการทำธุรกิจที่ชัดเจน และโอกาสในการเติบโตไปสู่ตลาดที่ใหญ่ขึ้น


     ซึ่งในปัจจุบันยังได้เริ่มขยายการสนับสนุนไปยังพื้นที่ต่างจังหวัด สร้างเครือข่ายร่วมกับมหาวิทยาลัยในพื้นที่ต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น มีเมนเทอร์ที่มีความรู้เฉพาะด้านเข้าไปเป็นวิทยากรให้ความรู้กับมหาวิทยาลัย พยายามสร้างระบบนิเวศที่เอื้อให้เกิดการสนับสนุนการให้ทุน การเริ่มต้นธุรกิจ และเมื่อธุรกิจใดที่ประสบผลสำเร็จก็จะสามารถนำเงินที่ได้ไปสมทบเพื่อสร้างระบบนิเวศที่ดียิ่งขึ้นให้กับธุรกิจอื่นหรือกลุ่ม Startup ที่ต้องการการสนับสนุนต่อไปได้
 




     ทุนสำหรับ Deep Tech

     อีกหนึ่งหน่วยงานที่สนับสนุน ที่สนับสนุนทั้งการให้ทุน ให้องค์ความรู้ ไปจนถึงการสร้างการเติบโตในตลาดสำหรับการประกอบธุรกิจในกลุ่ม Startup ก็คือสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA 

     อุกฤช กิจศิริเจริญชัย ผู้จัดการพัฒนานวัตกรรม ฝ่ายนวัตกรรมเพื่อเศรษฐกิจ กล่าวถึงบทบาทของหน่วยงานที่ได้ให้ทุนสำหรับธุรกิจเกี่ยวกับ Deep Tech ไปแล้วคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10-20% เมื่อเทียบกับการให้ทุน Startup ทั่วไป ซึ่งข้อได้เปรียบของธุรกิจ Deep Tech คือส่วนใหญ่มีการเริ่มต้นมาจากงานวิจัยที่มาจากมหาวิทยาลัย หรือภาคเอกชนเป็นหลัก มีต้นทุนในการทำการวิจัยและพัฒนา ทำให้การลอกเลียนแบบทำได้ยากและต้องใช้เวลา จึงถือเป็นเทคโนโลยีที่มีโอกาสเติบโตในตลาดไปสู่ระดับนานาชาติได้


     ปัจจุบัน NIA มีทุนที่ให้การสนับสนุนอยู่ 3 โครงการ หนึ่งในนั้นคือโครงการ Thematic Innovation หรือนวัตกรรมมุ่งเป้า ที่ในปี 2565 จะนำเรื่อง Deep Tech เข้ามาเป็นโจทย์การรับข้อเสนอโครงการเพื่อนำไปสู่การให้ทุนของหน่วยงาน นอกจากนี้ NIA ยังได้เปิด Growth Program รับสมัครกลุ่ม Startup ที่มีการเติบโตและมีรายได้มาแล้วมากกว่า 1 ล้านบาทภายใน 3 ปีที่เริ่มประกอบกิจการ เพื่อมาเพิ่มความรู้และทักษะเตรียมความพร้อมในการหาทุนสนับสนุนเพิ่มเติมทั้งในไทยและต่างประเทศ





     ต้องมองให้ไกล

     ณัฐพล วิมลเฉลา
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในการเริ่มต้นทำ Startup กลุ่มผู้ก่อตั้งมีความสำคัญมาก ต้องมองการณ์ไกลให้สามารถไปถึงตลาดต่างประเทศได้ รวมถึงต้องเป็นผู้ที่เปิดใจรับฟังข้อเสนอแนะ คำแนะนำจากผู้ที่เกี่ยวข้องในภาคธุรกิจ และในขณะเดียวกันสินค้าที่ผลิตออกมาก็จะต้องเหมาะกับตลาดเป้าหมาย เทคโนโลยีที่คิดค้นขึ้นต้องเหมาะสมกับผู้ที่จะมาใช้งานจริง ส่วนในด้านการสนับสนุนของภาครัฐ อยากให้มีการสนับสนุนการผลิต Startup ที่เน้นในเชิงคุณภาพมากกว่าปริมาณ นอกจากนี้ ยังได้มองเทรนด์เทคโนโลยีในอนาคตโดยเชื่อว่า เทคโนโลยีจะเน้นและมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มากขึ้น  





     ทีมที่ดีสำคัญกว่าเงินทุน


​    สำหรับผู้ที่เคยผ่านธุรกิจ Startup โดยเริ่มจากวิศวกรกลุ่มเล็กๆ ที่ได้มีโอกาสใช้ทักษะความรู้ เพื่อช่วยเหลือแพทย์ในการสร้างกระดูกนิ้วมือเทียมชิ้นแรกของโลก  บวกกับความสนใจธุรกิจ Startup ตั้งแต่สมัยเรียน ปัจจุบันกลายมาเป็นผู้ก่อตั้งเมติคูลี (Meticuly) บริษัทนวัตกรรมการผลิตกระดูกเทียม และอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด รศ.ดร.บุญรัตน์ โล่ห์วงศ์วัฒน เปิดเผยว่า การจะเริ่มธุรกิจ Startup นั้น ไม่ควรเอาสิ่งที่เราถนัดอย่างเดียวไปขาย แต่ต้องมองโจทย์ และพัฒนาสิ่งที่เข้าไปช่วยแก้ปัญหาโจทย์ที่ได้รับด้วย


     “ระบบนิเวศนวัตกรรม เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างความสำเร็จให้กับ Startup ซึ่งผมมองว่า สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ สอวช. ช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายที่เอื้อต่อการเกิด Startup มาก ระบบนิเวศไทยกำลังพร้อม เช่น การปลดล็อกเรื่องการนำผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ การให้ทุนที่ตรงจุดมากขึ้นจากการผลักดันให้เกิดหน่วยบริหารและจัดการทุน รวมถึงการผลักดันให้เกิด University Holding Company เป็นต้น และสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งคือการสร้างเครือข่าย”


     รศ.ดร.บุญรัตน์ กล่าว ต่อไปว่าอย่างไรก็ตามสิ่งที่ยังเป็นอุปสรรคสำคัญ คือ การขึ้นบัญชีนวัตกรรม ซึ่งยังใช้เวลาในการดำเนินการค่อนข้างนาน อาจจะไม่ทันต่อการเติบโตของ Startup ที่ต้องมีการอัปเดตเทคโนโลยีตลอดเวลา และสำหรับคนที่อยากออกมาทำ Startup ตอบยากว่าต้องมีความพร้อมแค่ไหนถึงควรออกมาทำมันไม่มีสูตรสำเร็จ ตนมองว่าแค่ลงมือทำ ลุย ลองทำดู เราต้องลองกระโดดก่อน ระหว่างทางเราจะค่อยๆ มองเห็นพาร์ทเนอร์ว่าเราจะต้องมีใครบ้าง และเราต้องเสริมเรื่องอะไรบ้าง แต่ที่สำคัญคือต้องมีทีมซึ่งผมมองว่าทีมที่ดีสำคัญกว่าเงินทุน
 




      ดร. กาญจนา วานิชกร รองผู้อำนวยการ สอวช. กล่าวว่า สอวช. พยายามสร้างระบบนิเวศนวัตกรรม ทั้งการปลดล็อกกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค ปลดล็อกการให้ทุน คิดแพลตฟอร์ม มาตรการส่งเสริมใหม่ๆ เช่น Innovation Sandbox, มาตรการสนับสนุนทุนสำหรับผู้ประกอบการ เพื่อพัฒนาผลงานวิจัยและนวัตกรรมตามโจทย์ความต้องการของภาครัฐ หรือ ความต้องการจากภาคเอกชนที่มีตลาดใหญ่ (Thailand Business Innovation Research: TBIR), University Holding Company, (ร่าง) พระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม และกลไกเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงาน


     “เปรียบเสมือนเรากำลังจะส่งบอลไทยไปบอลโลก ต้องสร้างสนามและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสม ต้องมีผู้เล่นที่มีศักยภาพ ให้ผู้เล่นได้ลงแข่งขันจริง ได้เจอคู่แข่งที่เหนือกว่าเพื่อพัฒนาศักยภาพให้สามารถไปสู่เวทีโลกได้อย่างแท้จริง” ดร. กาญจนา กล่าวทิ้งท้าย
 
 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup