Q-Life

หุ่นดี ไม่มีทางลัด

Text : น้ำค้าง



    

    ไคโตซานกับการลดน้ำหนักกลายเป็นประเด็นที่กลับมาพูดถึงในสังคมสื่อออนไลน์อีกครั้ง หลังจากที่ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมตัวหนึ่งออกโฆษณามาแล้วถูกจริตคนโซเชียลเลยมีการแชร์กันต่อ โดยเนื้อหาชูไคโตซานให้เป็นตัวเอกนั้นดูเกินจริงไปมาก ประมาณว่าไขมันทุกชนิดจะถูกไคโตซานบล็อกไม่ให้ดูดซึมเข้าร่างกาย ผลคือกินเท่าไรก็ไม่อ้วน แต่ก่อนที่จะเชื่อในโฆษณา สิ่งที่ควรทำคือหาข้อมูลน่าจะดีกว่า ไปดูกันว่าไคโตซานคืออะไร
    

    ข้อมูลจากเว็บไซต์หมอชาวบ้านระบุไคโตซานคือ สารธรรมชาติชนิดหนึ่งที่มีในสัตว์กระดองแข็งและขาเป็นปล้อง เช่น เปลือกกุ้ง กั้ง และกระดองปู ซึ่งเมื่อนำมาสกัดแยกเอาแคลเซียม โปรตีน และแร่ธาตุที่ไม่ต้องการออกไป ก็จะได้สารสำคัญที่มีโครงสร้างทางเคมีคล้ายเซลลูโลส เรียกว่า “ไคติน” (Chi-tin) และเมื่อนำไคตินผ่านกระบวนการทางเคมีอีกครั้ง ก็จะได้สารที่เรียกว่า “ไคโตซาน”
    

    ขณะที่เว็บ mdweb.com ซึ่งเป็นเว็บการแพทย์เชื่อถือได้จากฝั่งตะวันตกระบุไคโตซานถูกนำมาทำเป็นอาหารเสริมและวางจำหน่ายตามร้านขายยาทั่วไปโดยอ้างสรรพคุณการเป็น “Fat Blocker” หรือ “Fat Trapper” ยับยั้งการดูดซึมไขมันเข้าร่างกายให้น้อยลง ซึ่งองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ เคยออกมาเตือนว่า ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะที่ผ่านมาก็เคยมีการศึกษาพบว่า การใช้ไคโตซานไม่ได้ทำให้น้ำหนักหายไปมากมายแต่อย่างใด 
    

    ด้าน ดร.วลัยทิพย์ สาชลวิจารณ์ อาจารย์ภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เคยให้สัมภาษณ์ว่า “ไคโตซานมีคุณสมบัติในการดักจับไขมันในร่างกายได้จริง แต่เป็นเพียงบางส่วน ซึ่งความจริงร่างกายของคนเรามีไขมันอยู่หลายชนิด และกลไกการทำงานของอวัยวะต่างๆ ก็ซับซ้อนกว่า ไคโตซานทำให้ไขมันบางชนิดเท่านั้นไม่ถูกดูดซึม แต่ไม่ใช่ไขมันทั้งหมด และไคโตซานจะทำปฏิกิริยาหรือดักจับไขมันจากอาหารก่อนการย่อยในกระเพาะอาหารเท่านั้น แต่จะไม่รวมตัวกับไขมันที่ถูกสะสมไว้แต่เดิม เพราะฉะนั้นถ้าหากไม่ใช้ไขมันส่วนเกินนี้ไปกับการออกกำลังกายในแต่ละวัน ไขมันที่ห้อยย้อยอยู่ตามหน้าท้อง แขน ขา หรือสะโพกก็ยังคงอยู่เท่าเดิม”
    

    อย่างไรก็ตาม สูตรอาหารเสริมของแต่ละยี่ห้ออาจแตกต่างกันออกไป นักวิชาการมองว่า การรับประทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของไคโตซานปลอดภัยถ้ารับประทานระยะสั้นๆ ถึงกระนั้นก็อาจมีผลข้างเคียงตามมา เช่น ท้องผูก ท้องเฟ้อ อาเจียน คนที่แพ้อาหารทะเลอาจต้องระวัง ส่วนผู้ที่มีโรคประจำตัวต้องรับประทานยาประจำ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนจะดีกว่า อย่างผู้รับประทานยาละลายลิ่มเลือด การรับประทานอาหารเสริมประเภทนี้อาจทำให้เลือดเจือจางมากยิ่งขึ้น
    

    ความจริงแล้ว ไขมันเป็นสิ่งที่ร่างกายขาดไม่ได้เพราะเป็นตัวช่วยในการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน เช่น A, D, E และ K หากปราศจากไขมัน ร่างกายก็ไม่อาจใช้ประโยชน์จากวิตามินเหล่านี้ วิธีลดน้ำหนักที่ประหยัด ไม่ต้องเสียเงินแพงๆ แถมยังได้สุขภาพที่แข็งแรงคือการดูแลเรื่องอาหารควบคู่กับการออกกำลังกาย หากมีวินัยและใจอดทนพอ ก็ไม่ต้องง้อยาลดน้ำหนักหรืออาหารเสริม ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อโฆษณาอีกต่อไป


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อธุรกิจเอสเอ็มอี