Text : Yosita T. 

     เพราะโลกความจริงของการทำธุรกิจมันโหดร้ายกว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็นคนที่แข็งแกร่งขนาดไหนแต่เมื่อต้องเจอกับสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ ก็อาจทำให้ท้อและหมดกำลังใจได้เหมือนกัน แต่ถ้าผ่านไปได้ก็จะเติบโตและเข็มแข็งขึ้น เหมือนกับเรื่องราวของ วิว - ธนพร ภคนันท์วณิชย์ หญิงสาวที่พลิกบทบาทจากแอร์โฮสเตสมาเป็นเจ้าของธุรกิจ ขายสตรอว์เบอรี่โยเกิร์ต ไดฟุกุสตรอว์เบอรี่ และเค้กสตรอว์เบอรี่ ภายใต้ชื่อแบรนด์ Hakuna Matacha

     แต่เส้นทางธุรกิจของเธอไม่ได้ง่ายเลย กว่าจะมาเป็น Hakuna Matacha ที่โด่งดังและสมบูรณ์แบบอย่างทุกวันนี้ วิวต้องเจอกับปัญหามากมายและต้องจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง จนสามารถข้ามผ่านทุกอุปสรรคมาได้ ในวันนี้เธอจะมาแชร์ประสบการณ์และแนวคิดการเป็นเจ้าของธุรกิจและการสร้างแบรนด์ Hakuna Matacha ให้แข็งแกร่งอย่างทุกวันนี้กัน

 

 

เริ่มต้นจากชานม ต่อยอดสู่สตรอว์เบอรี่โยเกิร์ต

     Hakuna Matacha เป็นแบรนด์ที่เกิดขึ้นเพราะวิวเจอกับสถานการณ์โควิด 19 ระบาดจนต้องพักการบิน ระหว่างนั้นก็ต้องหารายได้เพิ่มจึงลองทำสตรอว์เบอรี่โยเกิร์ตขายทางออนไลน์ เพราะเป็นคนชอบกินผลไม้และโยเกิร์ต แต่ไม่ได้ตั้งใจทำขายจริงจัง พอเริ่มมีเงินทุนเธอจึงนำไปเปิดร้านขายชานมแทน

     “วิวเป็นแอร์โฮสเตสแล้วต้องพักการบินเพราะโควิดระบาด ตอนนั้นก็คิดว่ามันไม่น่าจะหนักมากเดี๋ยวก็คงดีขึ้นเลยอยากทำอะไรขายเล่นๆ ไปก่อนเพื่อรอจะกลับไปบิน ก็เลยลองขายยางมัดผม แต่ก็ขายได้ไม่นานเพราะมันเป็นสินค้าที่มากับกระแสมาแล้วก็ไป จากนั้นอยากทำของกินขาย ก็คิดว่าเราชอบกินอะไร เราชอบกินพวกผลไม้ เลยเริ่มจากเอาสตรอว์เบอรี่มาผสมกับโยเกิร์ตแล้วให้เพื่อนๆ ลองชิม พอทุกคนบอกว่าอร่อยก็ลองขายทางออนไลน์ช่วงนั้นก็ขายดีขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันสถานการณ์โควิดก็ไม่ดีขึ้น ทางบริษัทจึงเริ่มเสนอทางเลือกให้เราว่าจะอยู่ต่อหรือไป เราคิดว่าตัวเราเองทำงานมานาน แล้วก็อยากทำธุรกิจของตัวเอง เลยลาออกแล้วรับเงินก้อนมา เพื่อเอาไปลงทุนเปิดร้านชานมไข่มุกก่อน เพราะเราเคยเปิดร้านแฟรนไชส์ชานมไข่มุกเลยคิดว่าน่าจะมีความรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง ได้ที่ตรงสีลมขายดีมากเลยช่วงแรก แต่พอเข้าช่วงหน้าฝนคนก็จะไม่เดินมาซื้อ แล้วก็มีคู่แข็งเยอะขึ้นมาก ลูกค้าลดลงเรื่อยๆ เลยต้องหาทางออกเพราะไม่อยากเจ๊ง เลยตัดสินใจไปออกบูธตามห้าง”

     แต่เมื่อเวลาผ่านไป ได้ไปออกบูธแล้วสิ่งที่ได้รู้คือการทำชานมไข่มุกไปขายต้องใช้เวลาเยอะมากในการเตรียมของและขนไปตั้งบูธ เพราะความที่ต้องจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองซึ่งลำบากเกินไป จึงเป็นจุดเปลี่ยนให้กลับมาทำสตรอว์เบอรี่โยเกิร์ต

      “นี่คือการออกบูธครั้งแรกแล้วทำทุกอย่างเองก็รู้สึกว่าทำไมมันลำบากขนาดนี้ เราต้องต้มชาต้มไข่มุกแล้วแบกขึ้นรถแล้วเอาไปตั้งที่ร้านอีก เลยลองเปลี่ยนเอาสตรอว์เบอรี่โยเกิร์ตที่เคยทำขายออนไลน์มาวางขายดู ปรากฏว่าแค่เที่ยงเองโยเกิร์ตหมดแล้ว แต่ชานมขายไม่ได้เลย งั้นขายสตรอว์เบอรี่โยเกิร์ตดีกว่า จากนั้นก็ขายแต่โยเกิร์ตผสมผลไม้มาตลอดเลย มีทั้งสตรอว์เบอรี่ มะม่วง มะพร้าว แล้วก็ทำเค้กกล่องขายเพิ่ม ก็ขายดีมากจนทำคนเดียวไม่ไหวจนต้องหาคนมาช่วย”