Starting a Business

Jadehomemae ร้านขนมโฮมเมดของเด็กมหาลัยที่เริ่มต้นขายออนไลน์ตั้งแต่ม.ปลายสู่ธุรกิจ 5 หลักต่อเดือน

 

Text : Yuwadi.s

     เส้นทางการเป็นนายตัวเองนั้นเริ่มต้นเร็วและช้าแตกต่างกัน ไม่มีใครรู้ว่าโอกาสจะมาถึงเมื่อไหร่และบางโอกาสเราก็ต้องเป็นคนสร้างขึ้นเอง อย่างเช่น สุ-สุภาวินี แจ๊ะซ้าย ที่เริ่มต้นการขายออนไลน์มาตั้งแต่ตอนม.ปลาย จนปัจจุบันเธออายุ 22 ปี เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย แต่ก็ยังขายออนไลน์มาตลอด จากที่เริ่มด้วยการขายสกินแคร์สู่การทำขนมโฮมเมดในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยปี 2 จนปัจจุบันร้าน Jadehomemae ก็ยังคงมีโพรดักส์ใหม่ๆ ออกมาให้ลูกค้าได้ตื่นเต้นเสมอ ที่สำคัญยังจับเอาแฟรนไชส์ที่ชื่อว่า Chyy Jelly มาขายจนสร้างรายได้หลายหมื่นบาทต่อเดือน

 

 

Jadehomemae ร้านขนมโฮมเมดที่เริ่มต้นจากเตาอบลดราคา

     โดยก่อนที่จะเริ่มต้นร้านขนมโฮมเมด สุได้เล่าย้อนว่าเธอเริ่มต้นเข้าสู่วงการขายออนไลน์ตั้งแต่ช่วงที่เธออยู่มัธยมปลาย จนมาถึงช่วงขึ้นมหาวิทยาลัยเธอจึงอยากลองเปลี่ยนมาขายเบเกอรี่ดู จนได้เตาอบลดราคามา เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอลองผิดลองถูกกับการทำขนม

     “เราขายออนไลน์มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว พวกสกินแคร์ อาหารเสริม ทำมาตั้งแต่ช่วงม.4 ทำมาเรื่อยๆ ส่วนตัวร้านมันเริ่มช่วงประมาณตอนปี 2 เราอยากทำเบเกอรี่ ตอนนั้นมันเป็นช่วงโควิด เรียนออนไลน์อยู่บ้าน แล้วมีช่วง 5.5 ที่แพลตฟอร์มมันจะลดราคา เราได้เตาอบจาก Shopee มาในราคาถูก พอได้มาก็ลองอบทุกวัน เริ่มจากคุกกี้ ทำครั้งแรกกินไม่ได้ด้วยมันไหม้ ทำแบบไม่ได้เปิดสูตรเลย เรามั่นใจ ดูคนอื่นทำมาเยอะ จากนั้นเราก็ศึกษาดูตามยูทูป เปิดหนังสือดูบ้าง”

     หลังจากที่สุทดลองทำขนมได้ไม่นาน ก็เริ่มต้นการขายให้กับกลุ่มเพื่อน จนกระทั่งเพื่อนที่เคยสั่งไปเริ่มกลับมาสั่งซ้ำ ทำให้เธอมั่นใจและเปิดร้านขายจริงจังใน Instagram พร้อมทั้งเพิ่มโพรดักส์ใหม่ๆ เช่น อาหารคลีน แซนวิสเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าสายสุขภาพ

     “เราทดลองทำสักพัก ก็เริ่มขายจากกลุ่มเพื่อน กลุ่มเล็กๆ แล้วค่อยไปทำ Instagram ตั้งชื่อร้าน จ้างเขาทำโลโก้ จุดที่เราทำจริงจังคือเพื่อนเริ่มกลับมาสั่งซ้ำ พอสั่งไปครั้งหนึ่ง เพื่อนบอก อร่อยอ่ะ แล้วก็กลับมาซื้ออีก สั่งเยอะขึ้น พอทำเบเกอรี่ไปสักพัก ก็จะมีช่วงที่ขายไม่ได้ เลยขยับไปทำอย่างอื่น ด้วยความที่แฟนเราเล่นฟิตเนสที่มหาวิทยาลัย ก็จะมีกลุ่มเพื่อนที่อยากกินคลีน แต่อาหารคลีนมันแพง เราเลยลองทำดู เป็นแบบอกไก่ แต่ตัวนี้ทำขาดทุน เพราะเราแค่อยากทำให้แฟนกินแล้วเขามีเพื่อนๆ กล่องละ 50 บาท ค่อนข้างถูก เราให้อกไก่ชิ่นหนึ่ง 30-150 กรัม ไหนจะผัก ไข่ต้ม ผลไม้ ทีนี้ช่วงนั้นทำ TikTok แล้วโพสต์คลิปลงในนั้น คลิปมันแมส คนก็เริ่มเข้ามาสั่งเยอะ คนเริ่มรู้จัก ตัวอาหารคลีนเราก็ขึ้นราคาแล้วก็ทำต่อจนเริ่มมาฝึกงานสหกิจก่อนเรียนจบ ไม่ได้ไปมหาวิทยาลัย เลยหยุดทำเพราะเราไม่สามารถเอาไปส่งให้ลูกค้าได้”

 

 

ใช้เวลาว่างช่วงฝึกงาน ซื้อแฟรนไชส์เยลลี่มาขาย สร้างรายได้สุดปัง

     ด้วยความที่เป็นคนชอบหาอะไรทำเสมอ ทำให้สุมองเห็นโอกาสของช่วงเวลาที่ว่างหลังจากฝึกงานเสร็จ มาเปลี่ยนให้เป็นรายได้ เธอจึงเฟ้นหาแฟรนไชส์ที่สามารถใช้เวลาเตรียมของไม่เยอะ จนเจอกับแฟรนไชส์เยลลี่ไต้หวันที่ชื่อว่า Chyy Jelly มาขายเสริมในร้านของเธอ

     “ตัว Chyy Jelly ตอนนั้นเราฝึกงานมาได้ประมาณ 2 เดือนแล้ว เราฝึกงานอยู่บ้าน 100% มันจะมีช่วงเวลาหลังเลิกงานที่ว่างนิดหน่อย ก่อนจะไปทำทีสิสตอนกลางคืน เราเลยอยากหาอะไรทำ มันว่างเกินไป คืนนั้นเราก็ลองไถเฟซบุ๊กดู กลุ่มหาของหาแฟรนไชส์ จนไปเจอตัวนี้ ตอนแรกเราเห็นเจ้าอื่น มันใช้เงินลงทุนสูง แต่เราอยากใช้เงินตัวเอง ไม่อยากขอคุณแม่ เลยได้เป็นตัวนี้ที่ใช้เงินลงทุนไม่เยอะ ก็ทักไปสอบถามเขาแล้วซื้อมาลองกินก่อน พอกินแล้วมันเวิร์ค เลยซื้อแฟรนไชส์ต่อเขามา”

     จุดเด่นของ Chyy Jelly คือการเตรียมการขายไม่ยุ่งยาก ตัวโพรดักส์มีความแปลกใหม่ ไม่เหมือนใคร โดยสุเล่าว่าตัวยอดขายขนมจากที่เปิดเต็มเดือนมาได้ประมาณ 80,000 บาท

     “ข้อดีคือการทำ ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก อย่างตอนเราขายอกไก่ ต้องทำทั้งหมด ล้าง หมัก หั่น ต้องมาย่าง ซื้อผัก เบเกอรี่ก็ขั้นตอนเยอะในการเตรียมวัตถุดิบ แต่เยลลี่จะขั้นตอนน้อยกว่า เลยเลือกจับตัวนี้มา เพราะด้วยการฝึกงานเราจะไม่ได้มีเวลา ฝึกออนไลน์ก็จริงแต่ก็มีงานเยอะตามด้วย จุดเด่นของขนมคือความแปลก ไม่มีที่ไหน กินแล้วสดชื่น มันมีเอกลักษณ์ เป็นลักษณะ เด้งๆ ดึ่งๆ เย็นๆ งงๆ กินแล้วสดชื่น ให้ฟีลที่ดีมากในการกิน ทำจากพืชด้วย 100% เป็นขนมสไตล์เพื่อสุขภาพ ส่วนยอดขาย ถ้าเดือนที่แล้ว เราเปิดไม่กี่วัน ประมาณ 10 กว่าวัน ได้ยอดขายแค่ประมาณ 30,000 บาท แต่ตอนนี้ เราเปิดตลอดได้ประมาณ 80,000 บวกๆ เฉพาะขายตัวเยลลี่อย่างเดียว”

 

 

     สิ่งสำคัญที่ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักได้ในวงกว้างคือการทำการตลาดบนโลกออนไลน์ โดยเฉพาะการทำ TikTok ซึ่งสุให้ความสำคัญตั้งแต่ตอนเริ่มเปิดร้านแรกๆ

     “เรามองว่า TikTok เป็นตลาดใหญ่พอสมควร คนจะเล่นกันเยอะ ทุกช่วงวัยตั้งแต่เด็กยันผู้สูงอายุ ตลาดมันกว้าง ทำให้เราจับกลุ่มลูกค้าได้หลากหลาย อาจจะไม่ได้ตรงตามกลุ่มเป้าหมายแต่ก็เหมือนเป็นการขยายฐานลูกค้าไปในตัว คลิปที่คนชอบ จากที่เราลองทำมาจะเป็นคลิปยาว มีสตอรี่ เล่าเรื่องที่มี Pain point ที่เขาอยากฟัง ต้องเป็นเรื่องที่คนเขาอยากรู้และตอบโจทย์เขา”

     โดยสุได้ปิดท้ายถึงหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจและลงมือทำตั้งแต่อายุยังน้อย เธอแนะนำว่าจะทำอะไรต้องอินกับโพรดักส์และทุกอย่างขึ้นอยู่กับ Mindset ของเรา

     “เราอยู่ตั้งแต่ในยุคที่คนแอนตี้การซื้อของออนไลน์ ส่วนตัวเวลาที่จะรับอะไรมาขาย เราจะเอามาใช้ก่อน ใช้แล้วอินก็ขาย เราต้องพรีเซนต์มันได้ ด้วยความที่ยุคมันเปลี่ยน เราต้องพรีเซนต์ผ่านคลิปวิดีโอแทน และเราเป็นคนเสียดายเวลา ชอบเอาเวลาไปทำอะไรสักอย่าง เพราะเราเคยเจอวลีที่ว่า ถ้าเราหยุดทำอะไรสักอย่างก็จะมีคนที่เขาก้าวนำเราไปเสมอ สุมองว่ามันขึ้นอยู่กับ Mindset ของเรา ว่าเรามองธุรกิจอย่างไร ปัจจุบันโลกมันไว ตัวเยลลี่อาจจะรายได้เยอะแต่ไปหักลบกับค่าใช้จ่าย รายได้ทางเดียวอาจไม่พอ การมองโลกสำคัญ อย่ามองแค่ด้านเดียวว่ามันจะอยู่รอดได้แค่ทางเดียว เป็นสิ่งที่เรายึดถือมาตลอด ที่เราทำงานหลายอย่างและธุรกิจเราต้องต่อยอดอะไรใหม่ๆ เพราะของหรือโพรดักส์เดียวไม่ได้สามารถอยู่ได้ในตลาดโดยที่ยอดขายไม่ตกเลย เราต้องหาตัวอื่นมาชดเชย ออกโพรดักส์ใหม่ สร้างความตื่นเต้นให้ลูกค้า”

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup