ผงซักผ้าขาว Bunny Brown โปรดักส์สุดฉีกจากอินฟลูคู่รักนิ้ง-เอิร์ธ เปิดตัววันแรกออร์เดอร์พันกล่อง!
Text : Yuwadi.s
บางครั้งการเริ่มต้นธุรกิจก็ไม่ได้มาจากสิ่งที่เรารักเสมอไป แต่ไอเดียธุรกิจอาจจะมาจากสิ่งที่เราไม่ชอบที่สุดก็เป็นได้! อย่างแบรนด์ Bunny Brown ผงซักผ้าขาว ธุรกิจที่เกิดขึ้นมาจากความไม่ชอบซักผ้าและปัญหาการซักผ้าแล้วหมอง จนทำให้ นิ้ง-อริสา ลิขิตประเสริฐ และเอิร์ธ-รัชชานนท์ ยามาโมโต ได้เอาความไม่ชอบไปปั้นจนเป็นธุรกิจที่ใช่ กลายเป็นโพรดักส์สุดฉีกจากอินฟลูคู่รักใน TikTok เปิดตัววันแรกก็มีออร์เดอร์เข้ามาเกือบพันกล่อง!
จากอินฟลูคู่รักสู่แบรนด์ผงซักผ้าขาว
โดยนิ้งกับเอิร์ธเป็นที่รู้จักในฐานะอินฟลูชื่อดังจากช่อง ningarisaa ที่มีผู้ติดตามใน TikTok 2.5 ล้านคนและช่อง earth.yamamoto ที่มีผู้ติดตาม 1 ล้านคน พวกเขาได้เล่าว่าก่อนจะมาทำอาชีพอินฟลู ต่างคนก็ต่างทำงานที่ตัวเองถนัด โดยเอิร์ธทำงานสายการแสดง ส่วนนิ้งเพิ่งเรียนจบด้านออกแบบ จากนั้นช่วงโควิดก็ทำให้พวกเขาเริ่มเล่น TikTok และทำคอนเทนต์แกล้งแฟน จนเริ่มมีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและกลายเป็นที่รู้จัก เริ่มมีสปอนเซอร์ ปัจจุบันพวกเขาจึงทำอาชีพอินฟลูเป็นหลัก
“เอิร์ธจบเกี่ยวกับละครเวที เราก็จะทำงานพวกการแสดง เล่นละครใบ้ ทำอีเวนต์ เป็นนักแสดงโฆษณา เป็นฟรีแลนซ์ที่ไปในทิศทางการแสดง” เอิร์ธเล่า
“ส่วนนิ้ง เราเพิ่งเรียนจบ ตอนนั้นก็ทำเล็บ ฟีลเด็กออกแบบ วาดรูป ทีนี้ช่วงโควิดรอบสอง เราก็เริ่มเล่น TikTok โหลดมาเล่นๆ นิ้งเป็นคนเริ่ม เราเห็นมีคนทำคอนเทนต์คู่รัก แกล้งแฟนจากต่างประเทศ เราเลยทำตามแล้วคนก็ชอบกัน จากตรงนั้นก็กลายเป็นอินฟลู แล้วก็ทำเป็นอาชีพหลักเลย” นิ้งเล่าเสริม
หลังจากที่ทั้งคู่ได้ซื้อบ้าน ได้ทำคอนเทนต์เกี่ยวกับบ้าน จนเจอปัญหาบางอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเองนั่นคือปัญหาเรื่องการซักผ้า จนเกิดเป็นไอเดียธุรกิจที่ต่อยอดสู่แบรนด์ผงซักผ้าขาว Bunny Brown
“เราเพิ่งซื้อบ้าน เริ่มสร้างบ้าน ทำคอนเทนต์เกี่ยวกับบ้าน แล้วเราอินกันทั้งคู่เพราะเราอยู่บ้านเป็นหลัก ทำงานที่บ้านด้วย เราก็ค้นหากันมาตลอดว่าเราอยากทำธุรกิจของตัวเองกันบ้างไหม แต่ก็คิดกันไม่ออก จนเรามีบ้าน เราค้นหาโพรดักส์ที่เกี่ยวกับบ้าน ก็มีแต่ความชอบ คิดมาก คิดเยอะเกินแล้วไม่สำเร็จสักอย่าง จนคุณแม่พี่เอิร์ธมาจุดประกาย” นิ้งเล่า
“บ้านเอิร์ธจะเป็นบ้านที่เนี้ยบ มีความเพอร์เฟคชั่นนิสต์ แล้วทีนี้แม่เอิร์ธมาช่วยรีดผ้า เพราะช่วงหลัง เสื้อผ้าเยอะมาก รีดไม่ไหว เราทำงานด้วย แม่ก็มากระซิบกับเอิร์ธว่าแม่ว่านิ้งซักผ้าไม่ขาวเลยลูก หมองมากเลย จุดเล็กๆ ตรงนั้นเอิร์ธก็ลองไปนั่งดู เออมันจริง เลยได้เป็นไอเดียว่าน่าทำจังเลย” เอิร์ธเล่าเสริมถึงจุดเริ่มต้นไอเดีย
“บ้านนิ้งจะเป็นบ้านกระจัดกระจาย เราเป็น 2 คาแรกเตอร์ที่อยู่ด้วยกัน นิ้งไม่ได้ถูกเลี้ยงมาให้ซักผ้าแต่เด็ก พอโตมาอยู่กับแฟน เราก็ทำหน้าที่นั้นได้ไม่ดี เป็นปัญหาที่เราคิดว่าจะทำยังไงดี พอได้ไอเดียขึ้นมาก็ได้เป็นผลิตภัณฑ์นี้แหละ ที่ให้คนอย่างนิ้งเนี่ยแหละ ต้องมีคนบนโลกเหมือนกัน” นิ้งเล่า
หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งปีกว่า พวกเขาก็ได้คลอดแบรนด์ Bunny Brown ออกมาโดยมีจุดเด่นอยู่ที่ผงซักผ้าที่จะช่วยขจัดคราบ ทำให้ผ้าหมองกลับมาขาวผ่อง มีความอ่อนโยน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่แรงจนกัดมือ ใช้งานกับเสื้อผ้าเด็กและของใช้สัตว์เลี้ยงได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีความโดดเด่นที่แพ็คเกจจิ้งที่ดูสีสันสดใส แหวกแนวจากผลิตภัณฑ์ซักผ้าทั่วไป
“ตัวสูตรเรามั่นใจว่าสูตรนี้ดีที่สุด ส่วนภายนอกเราพยายามใส่ความเป็นเอิร์ธกับนิ้งลงไปให้มากที่สุด” เอิร์ธเล่า
“นิ้งอยากให้การซักผ้าเป็นอีกหนึ่งคอนเทนต์ในยุคนี้ เราอยากทำแพ็คเกจจิ้งให้น่าจับ น่าใช้ เราทุ่มเทกับแพ็คเกจจิ้งมาก แอบหยิบไอเดียสมัยก่อนที่ผงซักฟอกจะเป็นกล่อง เราก็เลือกเป็นกล่อง เลือกช้อนให้น่ารัก มีสีสัน” นิ้งเล่าเสริม
เปิดตัวด้วยความจริงใจ ไลฟ์สดโชว์ซักผ้าให้ลูกค้าเห็น
สำหรับการทำคอนเทนต์เปิดตัว เอิร์ธกับนิ้งเน้นการสื่อสารที่มีความจริงใจ เรียบง่าย บอกเล่าเรื่องราวถึงจุดเริ่มต้นผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงการไลฟ์สดให้ลูกค้าได้เห็นความว้าวของผงซักผ้าขาวด้วย
“เราเริ่มต้นโพรดักส์นี้ด้วยความเรียบง่ายมากเลย จากปัญหาเล็กๆ ที่เราเจอ เราเลยอยากสื่อสารแบบจริงใจมากๆ ผมเลยพยายามคิดวิธีการสื่อสาร อยากทำทุกอย่างจริงๆ อันไหนซักออกคือออก อันไหนไม่ออก เรามาหาวิธีกันว่าจะทำยังไงดี ให้ลูกค้าได้เห็น ล่าสุดเราเพิ่งไลฟ์ เราก็เล่นมายากลกันเลย เอาสิ่งที่เราเคยเห็นที่โรงงานมาให้ลูกค้าดูว่าผงนี้มันเจ๋งมากๆ” เอิร์ธเล่า
“วันที่ไลฟ์เราไปซื้อตู้ปลามาเลย มาโชว์หน้าไลฟ์เลย คราวนี้ถ้าแช่ไป ลองเอามือขยี้หน่อยจะออกไหม ทำให้เขาดูเลย แล้วคราบบนโลกนี้มันเยอะมากๆ บางทีก็ลุ้นเหมือนกัน ใครคอมเมนต์ว่าอยากให้เลอะอะไร และซักอะไร เราก็ทำกันสดๆ ตรงนั้นเลย พอเราโชว์ว่าคราบออกจริง กลายเป็นว่าลูกค้าคอนเฟิร์มออร์เดอร์เยอะมากๆ คนให้ความสนใจมากๆ จนเราแทบรับมือไม่ทันเลย” นิ้งเล่าเสริม
โดยพวกเขาได้ปิดท้ายถึงหัวใจสำคัญให้ฟัง เริ่มที่นิ้งมองถึงความจริงใจที่มีและมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า
“หัวใจสำคัญของเราคือเราอยากเอาความจริงใจที่เรามีไปสู่มือให้ลูกค้าได้รับ เราเลือกสิ่งที่ดีที่สุดกันมาแล้วจริงๆ เลือกออกไปให้ทุกคนได้ใช้ กว่าจะมีแบรนด์นี้ เราคิดกันเยอะมากๆ แคร์ความรู้สึกทุกคน แต่เราเลือกสิ่งที่ดีที่สุดมาให้แล้วและมอบความจริงใจนั้นออกไปให้ทุกคนได้ใช้” นิ้งปิดท้าย
“ผมว่าการทำธุรกิจก็ตาม ถ้าเราแค่โฟกัสว่าเรารักอะไรมากๆ หรือเราคิดมาว่าสิ่งนี้ได้ผลกำไรดีแน่เลย ถ้าเราโฟกัสแต่เรื่องภายนอกเยอะๆ มันจะเริ่มไม่ได้จริงๆ มันจะยากมาก แต่ถ้าเราเห็นโอกาสแล้วเราเริ่มลงมือทำ แล้วค่อยๆ รักมันเรื่อยๆ ผมว่าธุรกิจมันน่าจะเกิดขึ้นได้” เอิร์ธปิดท้าย
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี