Tech Startup

เปิดเคล็ดลับโตแบบก้าวกระโดด 'Futureskill' แพลตฟอร์มเรียนออนไลน์แบบบุฟเฟต์เจ้าแรกของไทย

     FutureSkill แพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ที่เริ่มเปิดคอร์สเมื่อปลายปี 2562
มาถึงวันนี้ใช้เวลาเพียง 2 ปีก็เติบโตแบบก้าวกระโดด 


     หลายคนอาจมองว่าเป็นเพราะ FutureSkill มาในจังหวะที่ดีคือก่อนเจอสถานการณ์โควิด-19 เล็กน้อย ซึ่งในช่วงนั้นหลายคนกักตัวทำงานที่บ้าน จึงทำให้คอร์สเรียนออนไลน์ขายดิบขายดี แต่ โอชวิน จิรโสตติกุล CEO และ Founder แพลตฟอร์ม FutureSkill กลับคิดต่าง เขาบอกว่าทุกคนเข้าใจว่าการเรียนออนไลน์เติบโตสูงขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ทั้งหมด เพราะแม้จะทำให้คนมาเรียนออนไลน์เพิ่มมากขึ้น แต่ก็ทำให้คนที่ไม่รู้จะทำอะไรหันมาเปิดคอร์สออนไลน์สอนกันมากขึ้นด้วย ดังนั้น การแข่งขันในตลาดนี้จึงดุเดือดมาก ซึ่งสิ่งนี้กลายเป็นความท้าทายที่ว่าถ้าไม่เจ๋งจริงก็ยากที่จะไปต่อได้ 




     แล้วทำไม FutureSkill จึงสามารถเติบโตท่ามกลางตลาด Red Ocean ได้ โดยในปัจจุบัน FutureSkill มีสมาชิกกว่า 7 หมื่นคน มีการซื้อคอร์สเรียนกว่า 7 หมื่นคอร์ส ในปี 2563 เติบโตเป็น 2 เท่าของปีแรกที่ก่อตั้ง และเพียงไตรมาสแรกของปี 2564 ก็มีรายได้เท่ากับปี 2563 ทั้งปีแล้ว 


     โอชวินอธิบายว่า โดยวิชั่นของ FutureSkill คือ จะนำเอาทักษะที่เป็นโลกอนาคตมาทำให้คนไทยเข้าถึงได้มากที่สุด ฉะนั้นถ้าสังเกตคอร์สเรียนของ FutureSkill จะประกอบด้วย 3 หมวดหลัก คือ 1.เทคโนโลยี 2.ธุรกิจ และ 3.ครีเอทิฟ ซึ่งเหล่านี้คือทักษะสำคัญที่คนไทยควรจะมี โดย FutureSkill นำมาทำให้ราคาเรียนไม่แพงแค่ 900 กว่าบาทเท่านั้น และไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เวลาใดก็สามารถเรียนได้   


     “ก่อนทำ FutureSkill ผมทำ Infographic Thailand และ aomMONEY มาก่อน ซึ่งทั้งคู่มีลักษณะที่เหมือนกันอย่างหนึ่ง ก็คือเป็นสื่อที่ให้ความรู้ เลยสนใจเซ็กเตอร์เกี่ยวกับการศึกษาโดยเฉพาะ มองว่าทำอย่างไรที่จะสามารถให้ความรู้คนได้มากขึ้น เมื่อได้ไปศึกษาตลาดพบว่าคนไทยขาดทักษะที่จะแข่งขันกับประเทศอื่นได้ แล้วมีผลสำรวจออกมาว่าคนไทยประมาณครึ่งหนึ่งบอกว่าไม่มีความมั่นใจในทักษะที่จะแข่งขันในโลกดิจิทัล เลยเปิด FutureSkill เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาทักษะให้กับคนไทย ตอนนี้คอร์สที่นิยมเรียนมากที่สุดคือ Data Science และ Digital Marketing ซึ่งสอดคล้องกับที่ Economic Forum บอกว่าอาชีพที่กำลังเป็นที่ต้องการมากที่สุดในปี 2563 คือ อาชีพ Data Science และ Digital Marketing”




     จุดหนึ่งที่ทำให้ FutureSkill เติบโตแบบพุ่งพรวดคือ เป็นแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ทุกคอร์สไม่จำกัด ในลักษณะบุฟเฟต์ ในเรื่องนี้ โอชวินบอกว่า จริงๆ แล้วคอนเซปต์แรกของ FutureSkill ที่วางเอาไว้ในตอนแรกคือ ระบบ Subscription ที่ตัดบัตรเครดิตรายเดือน แต่ในตอนนั้นคนไทยยังไม่คุ้นชินกับคอนเซปต์นี้ จึงเปลี่ยนมาขายเป็นรายคอร์ส และในภายหลังได้นำคอนเซปต์ Subscription มารีโมเดลใหม่ให้เหมาะสมเรียกว่าบุฟเฟต์รายปี คนที่เรียนสามารถใช้วิธีผ่อนชำระได้ และเรียนคอร์ส ไหนก็ได้ไม่จำกัด ซึ่งเราเป็นเจ้าแรกในเมืองไทยที่ทำคอร์สเรียนในรูปแบบบุฟเฟต์


     “การทำในลักษณะบุฟเฟต์จ่ายเป็นรายปีจะมีความคุ้มค่ามาก จะเรียนคอร์สไหนก็ได้ เรียนซ้ำได้ไม่จำกัด ถ้าซื้อหนึ่งปี หารออกมาแล้วตกเดือนละ 600 กว่าบาท ถ้าซื้อ 2 ปีเดือนละ 300 กว่าบาทถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับการไปซื้อทีละคอร์ส ซึ่งตอนนี้เรามีไม่ต่ำว่า 100 คอร์สให้เลือกเรียน”


     นอกจากนี้ สิ่งที่ทำให้ FutureSkill เป็นที่สนใจคือ เรื่องของทักษะความรู้เป็นสิ่งที่ต้องสดใหม่และเปลี่ยนไปตลอดเวลา ปีที่แล้วเทรนด์อาชีพก็แบบหนึ่ง พอมาปีนี้อาจจะเปลี่ยนเป็นอีกแบบหนึ่ง ฉะนั้นจะต้องรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ตลาดแรงงานต้องการ ซึ่งตรงนี้ โอชวินบอกว่า เขาทำรีเซิร์ชตลาดแล้วนำข้อมูลมาพัฒนาคอร์สให้ตอบโจทย์ตลาดแรงงานได้ตรงตามต้องการ ยิ่งไปกว่านั้นคอร์สเรียนทั้งหมดนั้น FutureSkill พัฒนาขึ้นมาเอง  




     “ก่อนหน้านี้ผมเคยทำคอร์สออนไลน์ซึ่งเห็นปัญหาว่า คนสอนออนไลน์ทั่วไปจะไม่สนใจคอนเทนต์ ไม่รู้ว่าสอนผิดสอนถูก นอกจากนี้ มักจะเลือกผู้สอนที่มีฐานแฟนคลับอยู่ ซึ่งอาจจะเป็นกูรูมีชื่อเสียง เพราะต้องการอาศัยเป็นช่องทางการตลาดด้วย สมมติเป็นคนดังมาสอนมีฐานแฟนคลับอยู่แล้วก็จะช่วยโปรโมตได้ แต่จริงๆ แล้วทักษะควรจะมาจาก Real Expert ซึ่งมีหลายคนที่ไม่มีฐานแฟนคลับมาก่อน เขาอาจจะไม่ได้รับการโปรโมตเพราะไม่มีฐานให้ยิงโฆษณา แต่ผมรู้สึกว่าตรงนี้คือความรู้จริงๆ ก็เลยใช้พลังของเราเองมาสนับสนุนทำการตลาด เพราะฉะนั้นผู้สอนสำหรับ FutureSkill ไม่จำเป็นต้องมีฐานแฟนคลับเลยก็ได้ ถ้าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญจริงๆ เราก็เอาเขามาปั้นแล้วก็ผลิตคอร์สกับเขาในนาม FutureSkill”


     ถึงวันนี้โอชวินตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 100 ล้านบาทในปีนี้ และคาดว่าน่าจะได้สมาชิก 1.5 แสนคน ซึ่งเพิ่มขึ้น 1 เท่า ที่สำคัญจะลอนช์โปรดักต์ใหม่ปลายปีนี้ โดยจะเป็นโปรดักต์ที่น่าจะถูกใจตลาด นั่นคือถ้าเรียนจบแล้วจะสามารถสมัครงานได้เลย เช่น ในตอนแรกเราทำอาชีพหนึ่งแล้วอยากจะเปลี่ยนไปทำอาชีพใหม่ เมื่อมาเรียนกับ FutureSkill จบแล้ว FutureSkill จะช่วยหางานให้ด้วย 




www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup