เชื่อไหมว่าทุกวันนี้ 6 ใน 10 องค์กรมีเป้าหมายต้องการสร้างหัวหน้างานให้เป็นโค้ช
หากเป้าหมายของบริษัท คือ การเติบโตและมีผลกำไรต่อไปในอนาคต SME ต้องไม่ยอมให้ตัวเองถูกธุรกิจอื่นดิสรัปต์เสียก่อน
งานไม่รุ่ง งานไม่รื่น คุณนั่งทำงานผิดที่ผิดทางหรือไม่
สถานการณ์โควิด-19 ได้ผลักดันให้โลกดิจิทัลหมุนเร็วขึ้น ทำให้วิถีการทำงานได้เปลี่ยนไป ได้สร้างความคุ้นชินให้กับคนทำงานยุคใหม่ ซึ่งองค์กรจะมีวิธีการปรับตัวอย่างไรให้เข้ากับคนยุคดิจิทัล และจะดึงดูดคนกลุ่มนี้ให้อยู่กับองค์กรเราได้อย่างไร
มีผลวิจัยแสดงให้เห็นว่าเมื่อทีมขาย ทีมการตลาด และผลิตภัณฑ์ขององค์กรมีความสอดคล้องกัน บริษัทนั้นจะมีรายได้เติบโตเร็วขึ้น 19% และทำกำไรได้สูงขึ้น 15%
การเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไม่ได้เป็นเพียงคำพูดติดปากอีกต่อไปแล้ว มันได้กลายเป็นส่วนสำคัญของการทำธุรกิจมากขึ้นเรื่อยๆ
มากกว่าเก้าในสิบ หรือกว่า 98% ของกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ในประเทศไทย กำลังเผชิญกับความผันผวนของกำลังคน อันเกิดจากปรากฏการณ์การลาออกครั้งใหญ่
ไม่ว่าจะเป็น Elon Musk, Jeff Bezos, Steve Jobs หรือแม้แต่ผู้นำระดับโลกที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีความอัจฉริยะอยู่ในตัว แต่พวกเขาล้วนตระหนักดีว่าความสำเร็จในธุรกิจจะเกิดขึ้นได้ขึ้นอยู่กับการสร้างทีมงานที่จะมาช่วยทำหน้าที่สร้างความเปลี่ยนแปลงในองค์กร
ในทุกจังหวะก้าวและจังหวะลุย ที่เป็นขาขึ้นของธุรกิจ เราสามารถใช้สัญชาติญาณ ในการตัดสินใจ และลุยไปข้างหน้าได้ แต่เมื่อมีปัญหา สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ การหยุดให้เป็น!
เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีโอกาสอ่านหนังสือชื่อ The subtle art of not giving a fuck เขียนโดย Mark Manson ทำให้คิดได้ว่า เราไม่ต้องเอาทุกเรื่องมาเป็นปัญหาก็ได้ ไม่งั้นคงเสียสติหรือเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตก !
กำลังเป็นกระแสร้อนแรงในโลกโซเชียลในประเทศจีน ถึงประเด็นที่มีบริษัทแห่งหนึ่งในจีนที่ต้องการตรวจสอบการทำงานของพนักงานในบริษัทว่ามีการเล่นโทรศัพท์มือถือในระหว่างทำงานหรือไม่ ทำให้เกิดการถกเถียงในประเด็นดังกล่าวว่าเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวหรือไม่
ในการทำธุรกิจนั้นมีต้นทุนแฝงอยู่มากมาย แค่เก็บของไม่เป็นที่เป็นทาง นอกจากพนักงานต้องเสียเวลาหาของแล้ว หาไม่ดีบางทีของก็ชำรุดเสียหายเหล่านี้ล้วนเป็นต้นทุนทั้งสิ้น