Digital Marketing

3 ขั้นตอนทำ Story Telling ให้ว้าว!!!

 
 



     คอนเทนต์เป็นหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้แบรนด์เกิดความน่าสนใจ โดยหนึ่งในรูปแบบของคอนเทนต์ที่ดึงลูกค้าเข้าหาแบรนด์อย่างได้ผลคือ Story Telling ที่ทำให้ลูกค้าเกิดปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ และยังนำไปสู่การบอกต่อ โดยเทคนิคสำคัญที่ทำให้ลูกค้าติดตามคอนเทนต์รูปแบบนี้จนจบคือ เล่าเรื่องราวของแบรนด์ในมุมที่พวกเขาอยากฟัง

     สำหรับแบรนด์ใดที่เลือกใช้คอนเทนต์รูปแบบนี้บนเว็บไซต์แนะนำให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ เพราะทำให้ลูกค้าเข้าเว็บไซต์บ่อยขึ้น เนื่องจากคอนเทนต์เตะตาสุดๆ

     1. เล่าด้วยภาพ ตัวอย่างเช่น ร้านสเต๊กจากอังกฤษอย่าง BlackHouse ที่แนะนำอาหารในร้านผ่านภาพอาหารที่จัดวางอย่างเรียบง่าย แต่ดูน่ารับประทาน และทุกภาพคุมโทนสีให้ไปในทิศทางเดียวกัน การโพสต์ภาพที่สวยงามและสอดคล้องกับคอนเทนต์นอกจากทำให้คนอยากแชร์ภาพที่เห็นต่อแล้ว ยังทำให้อยากมารับประทานอาหารที่ร้านด้วย เจ้าของร้านจึงได้รู้ว่า ใครคือลูกค้า นอกจากนี้ การใช้ภาพ Gif ประกอบยังช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้คอนเทนต์ได้มาก

     2. ดึงด้วยเกม ถ้าอยากให้ลูกค้าเข้าเว็บไซต์ก็ต้องหาเกมมาให้พวกเขาร่วมสนุก เช่น การนำเรื่องราวที่แบรนด์อยากถ่ายทอดมาสร้างเป็นเกมให้เล่นสะสมคะแนนแลกของรางวัล การนำเสนอคอนเทนต์ Story Telling ผ่านเกมนั้น เกมต้องโหลดเร็ว ไม่กระตุก มีปุ่มกดข้าม เพื่อตอบโจทย์นิสัยของลูกค้ายุคใหม่ที่ไม่ชอบรอนาน ตัวอย่างแบรนด์ที่ใช้วิธีการนี้คือ Dropbox ที่สร้างเกมเกี่ยวกับการเข้าใช้งาน Dropbox ให้ลูกค้าเล่น โดยเมื่อทำครบอย่างน้อย 5 ขั้นตอนจาก 7 ขั้นตอนจะได้รับรางวัล

     3. ต้อง Interactive ลูกค้าจะอยู่ในเว็บไซต์นานขึ้นเมื่อสามารถโต้ตอบกับเว็บไซต์ได้ ดังนั้น จึงต้องออกแบบเว็บไซต์ให้เป็นแบบ Interactive อย่างการใช้ Parallax Scrolling เพื่อให้คอนเทนต์เคลื่อนที่ไปตามเมาส์ ใช้ฟีเจอร์ Hover เพื่อให้มีข้อความปรากฏเหนือภาพที่เอาเมาส์ไปวาง รวมถึงใช้ไอคอน Interactive ต่างๆ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกสนุกกับการใช้งานเว็บไซต์ ทั้งนี้ Supercrowds ครีเอทิฟ เอเยนซีจากญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในบริษัทที่ทำเว็บไซต์แบบ Interactive ซึ่งนอกจากช่วยให้คอนเทนต์โดดเด่นแล้ว ยังทำให้คนสนใจคอนเทนต์นั้นๆ มากขึ้นด้วย

     Bonus Tips : ถ้าอยากให้มียอดผู้เข้าชมเว็บไซต์เยอะๆ ต้องออกแบบให้รองรับทุกอุปกรณ์ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงเว็บไซต์ได้ง่ายดาย ไม่ว่าจะด้วยอุปกรณ์ใดก็ได้ และต้องทำให้ง่ายต่อการแชร์ด้วยการเพิ่มปุ่มแชร์ของโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรมบนเว็บไซต์ วิธีการนี้ไม่ใช่แค่ช่วยให้ลูกค้าแชร์คอนเทนต์ได้รวดเร็วขึ้น แต่ยังช่วยโปรโมตเว็บไซต์โดยที่แบรนด์ไม่ต้องจ่ายค่าโปรโมตเลย
 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup