Digital Marketing

9 แนวคิดต่อยอดธุรกิจกาแฟให้รุ่ง ผ่านมุมมองงานแฟร์ใหญ่สุดของไทย Thailand coffee fest

ปองกมล  ศรีสืบ 
Co founder Meffceo coffee 





     ทิศทางหรือแนวโน้มธุรกิจกาแฟจะเป็นอย่างไร สามารถมองได้จาก Thailand coffee fest เป็นมหกรรมงานแฟร์เกี่ยวกับกาแฟที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และยังเคลมว่าใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย      


     ไม่ว่าจะเป็น Theme Concept งาน การจัดตกแต่งภาพรวม และ Content ทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในงาน การันตีถึงคุณภาพของงานได้อย่างเต็มพิกัด นอกเหนือจากนี้ ภายในงานยังรวบรวมครบครันทั้ง “คนกาแฟ” ตั้งแต่ต้นน้ำ ไปจนถึงปลายทางหรือนักดื่มกาแฟ ซึ่งประมาณการว่างานปีที่ผ่านมา มีผู้เช้าชมหลักแสน ในระยะ เวลา 4 วัน





     แนวโน้มทิศทางตลาดกาแฟ จากการสังเกตการณ์ภายในงานตลอดทั้ง 4 วัน ผ่านมุมมองของ “คนเดินงาน”  และ “ผู้ออกร้าน” มีความน่าสนใจดังนี้

 
     1. แนวโน้มของห่วงโซ่ในตลาดธุรกิจกาแฟ มีทิศทางที่น่าจะเติบโตมากขึ้น สังเกตได้จากยอดขายของผู้ที่ มาออกร้าน ทั้งเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ (ขายสาร) โรงคั่วกาแฟ (ขายเมล็ดกาแฟคั่ว) ร้านกาแฟ (ขายเครื่องดื่ม) รวมถึงบริษัทผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์การชงกาแฟ ที่มีกลุ่มเป้าหมายทั้งร้านกาแฟ และกลุ่ม Home use ปีนี้ยอดขายโดยรวมของผู้ประกอบการที่มาออกร้านมากกว่าปีที่ผ่านมาทั้งระบบ
 

     2. กลุ่มผู้บริโภคที่น่าจับตามองในตลาดนี้ก็คือ “Home use” เพราะมีจำนวนเพิ่มขึ้น สังเกตได้ จากอุปกรณ์ชงกาแฟสำหรับ home use มากขึ้นทั้งปริมาณและความหลากหลาย ความน่าสนใจคือ กลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูง และเข้าสู่วงการด้วย passion ดังนั้น ราคาจึงไม่ใช่ปัญหา ร้านค้าเล็กๆ ที่ขายอุปกรณ์สำหรับกลุ่มนี้ขายดีจนแทบไม่มีเวลาพัก  
 




     3. สินค้าที่น่าจับตามองและทำตลาดก็คือ อุปกรณ์ชงกาแฟขนาดเล็ก แนว manual หรือเป็นอุปกรณ์ ที่ใช้ในบ้าน แต่ไม่ใช่ espresso machine เพราะกลุ่มผู้บริโภคมีแนวโน้ม ที่จะเสาะหาอุปกรณ์การชง แปลกใหม่ ที่สร้างความรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ใช้งาน
 

     4. เมล็ดกาแฟไทย เป็นสินค้าที่น่าจะมาแรงมากๆ ในปีหน้า เพราะความเข้าใจของนักดื่มกาแฟ เปลี่ยนมาให้ความสำคัญกับเมล็ดกาแฟไทยคุณภาพสูง มากกว่าเมล็ดนอก ตลาดใน เกมนี้ได้ เปลี่ยนไปแล้ว ใครไม่ดื่มกาแฟไทยเรียกว่า out
 

     5. คุณจะไม่สามารถอยู่ในธุรกิจนี้ได้ หากว่า​​ไม่มีความรู้ในเชิงลึกเกี่ยวกับกาแฟและสินค้าที่คุณทำ เพราะกลุ่มผู้บริโภคในยุค Third wave ของโลกกาแฟ มีความรู้เกี่ยวกับกาแฟค่อนข้างละเอียด และรู้ในเชิงลึกมากขึ้น หากว่าคุณไม่สามารถตอบคำถามและแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้ โอกาสจะหลุดลอยไปทันที เพราะตลาดธุรกิจกาแฟมีการแข่งขันสูง ลูกค้ามีตัวเลือกอีกมากมาย
 

     6. คุณภาพและความพิถีพิถันจะทำให้คุณยืนหยัดได้ แม้ว่ากาแฟจะเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยก็ตาม อย่างที่บอก ว่าผู้บริโภคมีความรู้ แถมยังแยกแยะ “คุณภาพ” ของกาแฟได้ดี รู้ว่ากาแฟแบบไหน ดีหรือไม่ดี (ไม่เกี่ยวกับความชอบและรสนิยม)



 

     7. ถึงเวลาที่ผู้ประกอบการร้านกาแฟต้องปรับตัว ดังนี้ มีความรู้เกี่ยวกับเมล็ดกาแฟตั้งแต่ต้นทางการปลูก ให้คำแนะนำเกี่ยวกับเมล็ดและเมนูเครื่องดื่มกับลูกค้าในเชิงลึกได้ หน้าบาร์มีความ interactive กับลูกค้า และต้องเลือกเมล็ดกาแฟมาทำสูตรเครื่องดื่มด้วยความเข้าใจ โลกกาแฟเปลี่ยนไปเกินกว่า จะขายแค่ “เอสเย็น” ซึ่งไม่มีอยู่จริงแล้ว
 

     8. Brand’  ยังคงมีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ หากว่าคุณทำให้ลูกค้า “เสร็จ” ตั้งแต่หลงใหลแบรนด์แล้ว ทำอะไรออกมาก็ขายได้ แต่สิ่งสำคัญคือ คุณต้องซื่อสัตย์ และรักษาคุณภาพของสินค้าให้ได้
 

     9. อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้บริโภคสินค้าในตลาดกาแฟ ส่วนใหญ่มักจะ “ขี้เบื่อ” ชอบลองของใหม่ไปเรื่อย (ทั้งกลุ่มที่ซื้อเมล็ดมาชงที่บ้านและกลุ่มที่นิยมการดื่มกาแฟในร้าน) การสร้าง Brand Loyalty จึงไม่ใช่คำตอบสำหรับธุรกิจนี้ แม้ว่าสินค้าของคุณจะดีแต่บอกเลยว่ากลุ่มนี้พร้อม เปลี่ยนด้วยความ อยากลอง ไม่ใช่เปลี่ยนเพราะไม่แฮปปี้กับแบรนด์​ การสร้างลูกเล่นและ Gimmick ใหม่ๆ ต่างหาก คือคำตอบในการมัดใจลูกค้า
 

     ถึงแม้ว่าการตลาดโดยรวมจะเปลี่ยนไป เทคโนโลยีและการทำตลาดออนไลน์เป็นเครื่องมือที่น่าสนใจ แต่อย่าลืมว่า การแก้ปัญหา และการทำสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการให้กับลูกค้าได้ เป็นสิ่งสำคัญอย่าพลาดง่ายๆ ด้วยการคิดแต่แผนการตลาด แล้วลืมมองย้อนกลับมาจากมุมของผู้บริโภค นั่นแหละ เคล็ดลับความสำเร็จของธุรกิจแดงเดือดนี้
 
 
 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup