Q-Life

ไขมัน : ดีหรือร้ายอยู่ที่เลือก

Text : วิมาลี วิวัฒนกุลพาณิชย์





Main Idea
 
 
  • รู้หรือไม่ว่าไขมันมี 4 ชนิด คือ 1.ไขมันทรานส์  2.กรดไขมันอิ่มตัว 3.กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน และ 4.กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว
  • และจริงๆ แล้ว ร่างกายเราก็ต้องการไขมัน โดยเฉพาะกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน และกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว มาดูว่าไขมันเหล่านี้มีประโยชน์อะไรต่อร่างกายบ้าง
 
 


    ก่อนหน้านี้มีกระแสเกี่ยวกับไขมันทรานส์ เมื่อกระทรวงสาธารณสุขประกาศห้ามผลิต จำหน่าย และนำเข้ากรดไขมันทรานส์ ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากผลการศึกษาที่ระบุกรดไขมันชนิดนี้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด จากที่เคยเกลียดกลัวไขมัน หลายคนก็ยิ่งขยาดเข้าไปใหญ่ ความจริงแล้ว ไขมันนั้นมีทั้งโทษและประโยชน์ ขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณที่เลือกบริโภค

     อธิบายคร่าวๆ เกี่ยวกับไขมัน 4 ชนิดดังนี้ 1.ไขมันทรานส์ เป็นไขมันแปรรูปจากกระบวนการเติมไฮโดรเจนในน้ำมันพืช ทำให้มีคุณสมบัติเหมือนกรดไขมันอิ่มตัว แต่เลวร้ายกว่ามาก 2.กรดไขมันอิ่มตัว มีอยู่ในเนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์นม เนย ชีส 3.กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน มีกรดไขมันโอเมก้า 3 และ 6 สูง พบในปลาทะเล พืชจำพวกถั่วเมล็ดแห้ง และธัญพืชบางชนิด ข้อดีคือช่วยลดไขมันร้าย LDL 4.กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว อันนี้ดีสุด ช่วยเพิ่มไขมันดี HDL พบในพืชประเภทถั่ว อาโวคาโด ผลมะกอก งา เมล็ดแฟล็กซ์ และคาโนล่า

     อันที่จริงแล้ว ร่างกายเราต้องการไขมัน โดยเฉพาะไขมันในข้อ 3 และ 4 ที่มีประโยชน์ในด้านต่างๆ มาดูว่ามีอะไรบ้าง

     1.ช่วยดูดซึมวิตามิน โดยเฉพาะวิตามินที่ละลายในไขมัน อย่าง A, D, E และ K จึงมีคำแนะนำเวลาบริโภคผักบางนิด เช่น แคร์รอต ควรทำให้สุกและปรุงกับน้ำมันสักเล็กน้อย จะทำให้ร่างกายดูดซึมวิตามินเอในแคร์รอตได้ดีขึ้น

     2.ทำให้อิ่มนาน เนื่องจากไขมันย่อยช้ากว่าอาหารประเภทแป้ง จึงทำให้ไม่หิวเร็วหรือบ่อย ทำให้ลดความอยากอาหาร และอาจทำให้ลดน้ำหนักลงได้ในบางคน

     3.ทำให้น้ำตาลในเลือดไม่พุ่ง โดยเฉพาะเวลารับประทานอาหารประเภทแป้ง หากมีไขมันดีเข้าไปเสริมสักเล็กน้อย จะช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดให้ช้าลง              
     
     มาถึงคำถามที่ว่าในแต่ละวันเราควรบริโภคไขมันมากน้อยเพียงใดจึงจะพอต่อความต้องการของร่างกาย อันนี้อาจจะไม่มีตัวเลขที่ตายตัวเพราะขึ้นอยู่กับเพศ วัย กิจกรรม และไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน และขึ้นอยู่กับว่าคนคนนั้นกำลังอยู่ระหว่างการลดน้ำหนักหรือไม่ แต่โดยส่วนใหญ่นักโภชนาการมักแนะนำสำหรับผู้ใหญ่ทั่วไปควรบริโภคไม่เกิน 30 เปอร์เซ็นต์ของพลังงาน 2,000-2,500 แคลอรีที่ร่างกายได้รับในแต่ละวัน หรือคิดเป็นน้ำหนักไขมันก็ระหว่าง 65-85 กรัมต่อวัน ส่วนคนที่กำลังลดน้ำหนัก ควรบริโภคน้อยกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ของพลังงาน 1,200-1,800 แคลอรีที่ได้รับ คิดเป็นน้ำหนักไขมันก็ประมาณ 40-60 กรัม เป็นต้น

     การต้องมานั่งคำนวณปริมาณไขมันอาจดูยุ่งยาก ให้จำแบบง่ายๆ ว่า น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะประมาณ 20 กรัม มาการีน 2 ช้อนชาเท่ากับ 10 กรัม อาโวคาโด 1 ผลให้ไขมันราว 40 กรัม นมพร่องมันเนย 1 แก้วมีไขมันประมาณ 70 กรัม ถั่ว 1 กำมือ (30 กรัม) ให้ไขมัน 15 กรัม เป็นต้น สำหรับคนที่ต้องการบริโภคไขมันแต่พอประมาณ ไม่ให้มากล้นเกิน ก็ต้องรู้จักเลือกอาหารด้วย เช่น เลือกอาหารนึ่ง ย่าง ต้มแทนอาหารทอด เลือกน้ำมันที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวติดครัวไว้ อย่างไรก็ตาม น้ำมันก็คือน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นประเภทใดก็ให้พลังงานสูงทั้งสิ้น สิ่งที่ต้องทำคือ การรับประทานแบบสมดุล ไม่มากเกินหรือไม่น้อยเกินไป แบบนั้นแล้วจึงจะได้ประโยชน์จากมัน
 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup