Digital Marketing

7 เทรนด์การตลาดปี 2023 ที่เหล่าบริษัทสตาร์ทอัพต้องจับตามอง

 

Text : Vim Viva

     สำหรับปี 2023 ที่มาถึง ไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร อัตราเงินเฟ้อจะพุ่งสูงแค่ไหน หลายๆ อย่างอาจเป็นเรื่องคาดเดาไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้ประกอบการหรือแบรนด์ต่างๆ ยังต้องทำอย่างต่อเนื่องคือกลยุทธ์การตลาด ประเด็นก็คือแล้วการตลาดแบบไหนที่เหมาะกับช่วงเวลาที่กำลังจะมาถึงที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดการหว่านงบแบบสะเปะสะปะ จึงมีแทรนด์การตลาดสำหรับปีหน้ามาแนะนำ เทรนด์ที่ว่าประกอบด้วย  

     1. Retention marketing การรักษาฐานลูกค้าเดิมเอาไว้

        โดยทั่วไปเวลาทำการตลาด เรามักเน้นไปที่การหาลูกค้าใหม่ซึ่งเป็นการลงทุนที่สูงกว่า แต่การรักษาลูกค้าเดิมเอาไว้ก็สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันเพราะลูกค้าที่กลับมาซื้อซ้ำบ่อยๆ เป็นกลุ่มที่ทรงคุณค่าช่วยเพิ่มยอดขายได้เช่นกัน กลยุทธ์การรักษาลูกค้าเดิมเอาไว้คือพยายามสร้าง engagement กับลูกค้า เช่น การส่งอีเมล หรือแจ้งผ่านช่องทางต่างๆ เกี่ยวกับโปรโมชัน และมอบคูปองส่วนลดอยู่เรื่อยๆ เพื่อจูงใจ ลูกค้าอาจจะไม่ซื้อทุกครั้ง แต่อย่างน้อยแบรนด์ก็ได้ผ่านตาลูกค้า ทำให้ไม่ถูกลืม

 

 

     2. Personalization การตลาดแบบเฉพาะเจาะจงลูกค้ารายบุคคล

         นั่นเป็นเพราะลูกค้าส่วนใหญ่คาดหวังจะได้รับการจดจำ และได้รับการปฏิบัติจากแบรนด์ในฐานะลูกค้าคนพิเศษ แค่จำชื่อ ความชอบหรือรสนิยมของลูกค้าได้ ก็ถือว่ามัดใจได้ระดับหนึ่ง ตัวอย่างง่ายๆ เมื่อถึงวาระสำคัญ เช่น วันเกิด วันขึ้นปีใหม่ หรือเทศกาลต่างๆ เพื่ออวยพร แทนที่จะส่งข้อความที่เป็นรูปแบบเดิมๆ การระบุชื่อลูกค้าลงไปด้วยจะทำให้ลูกค้ารู้สึกดี หรือกระทั่งการเขียนชื่อลูกค้าบนแก้วกาแฟแล้วขานชื่อลูกค้าแทนการเรียกหมายเลขคิว แม้จะเป็นสิ่งเล็กน้อยแต่ก็สร้างความแตกต่างได้ สำหรับผู้ขายของออนไลน์ การแนบการ์ดขอบคุณเล็กๆ ที่มีชื่อลูกค้า สามารถสร้างความประทับใจได้ไม่น้อยเลยทีเดียว  

     3. Branded video content การตลาดผ่านคลิปวิดีโอ

         ผู้บริโภคยุคนี้นิยมเสพสื่อที่เป็นภาพเคลื่อนไหวไม่ว่าจะบนมือถือ แท็บเล็ต หรือแล็บท้อปก็ตาม ที่อเมริกา ข้อมูลระบุผู้บริโภคใช้เวลาดูคลิปเกือบ 1 ชั่วโมงในแต่ละวัน คลิปวิดีโอจึงเป็นเครื่องมือการตลาดที่ดึงความสนใจได้ดีอย่างยิ่ง สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องทำคือศึกษาวิธีถ่ายทำและตัดต่อคลิป และคิดคอนเทนต์ด้วยไอเดียสร้างสรรค์ ปัจจุบัน มีอุปกรณ์มากมายที่เอื้อต่อการผลิตคลิป หากมีทักษะหน่อย สมาร์ทโฟนเพียงเครื่องเดียวก็ทำคอนเทนต์ดีๆ ได้เช่นกัน 

 

     

     4. First-party data collection การรวบรวมข้อมูลลูกค้า

         เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ เพศ อายุ และอื่นๆ ที่ได้จากการใช้งานเว็บไซต์ แอปพลิเคชั่น หรือการลงทะเบียน การจะโน้มน้าวให้ลูกค้ากรอกข้อมูลต่างๆ จึงต้องสร้างแรงจูงใจ ยกตัวอย่าง เชนฟิตเนสเซ็นเตอร์แห่งหนึ่งประกาศแจกอี-บุ๊กเกี่ยวกับโปรแกรมออกกำลังกาย ลูกค้าจะดาวน์โหลดได้ ต้องกรอกข้อมูลส่วนตัวก่อน เป็นต้น First-party data เป็นข้อมูลที่ได้จากกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์โดยตรง ประโยชน์คือทำให้ทราบความต้องการและเข้าใจลูกค้า นำไปสู่การรังสรรค์สินค้าและบริการที่ตอบโจทย์มากขึ้น

     5. Influencer marketing

          การใช้อินฟลูเอ็นเซอร์ขับเคลื่อนเป็นการตลาดที่มาแรงในยุคโซเชียลเน็ตเวิร์กแพร่หลาย หากมีความสามารถหน่อย เจ้าของแบรนด์หลายคนผันตัวเป็นอินฟลูเอ็นเซอร์ หรือคอนเทนต์ครีเอเตอร์เอง ยิ่งมีผู้ติดตามเยอะ ก็ทำให้ประหยัดงบในการจ้างพรีเซนเตอร์ไปได้ สำหรับคนที่ไม่มีทักษะด้านนั้น สามารถจ้างวานได้และไม่จำเป็นต้องจ้างอินฟลูเอ็นเซอร์ระดับแมคโครหรือเป็นเซเลบริตี้ที่มีผู้ติดตามหลักแสนหรือล้าน การจ้างไมโครอินฟลูเอ็นเซอร์ที่มีผู้ติดตามตั้งแต่ 5,000-100,000 คนก็ทำให้ส่งอิทธิพลถึงกลุ่มเป้าหมายได้หากเลือกอินฟลูเอ็นเซอร์ที่เหมาะสมกับสินค้าและบริการที่มี

 

     

     6. Metrics, metrics and more metrics

        การทำการตลาดดิจิทัล สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือการวัดผลทางการตลาด แน่นอนว่าเราสามารถใช้เทคโนโลยีต่างๆ ในการช่วยเก็บข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นระบบเอไอ อัลกอริธึม หรือแมชชีน เลิร์นนิ่ง เมื่อได้ข้อมูลมาแล้วก็ต้องมีการวิเคราะห์และประมวลผลเพื่อช่วยในการตัดสินใจว่าจะดำเนินกลยุทธ์หรือทำแคมเปญด้วยความมั่นใจขึ้น ทำให้การลงทุนลงแรงไม่สูญเปล่า ท่ามกลางการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น การทำการตลาดแบบตะลุยไปข้างหน้าโดยอาศัยสัญชาตญาณอย่างเดียวถือเป็นความเสี่ยงเมื่อเทียบกับการวางแผนอย่างดี มีการวิเคราะห์ข้อมูล และประเมินผลที่ทำให้เห็นภาพชัดขึ้น

     7. SEO-driven content marketing

         การทำคอนเทนต์ที่ส่งเสริมให้แบรนด์ สินค้า หรือเว็บไซต์ปรากฏบนหน้าแรกของการค้นหา SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นเทรนด์การตลาดที่ไม่เคยล้าสมัย ใช้กันมาตลอด แต่สิ่งที่เจ้าของแบรนด์ต้องทำคือการอัพเดทคอนเทนต์ใหม่ๆ และคีย์เวิร์ดที่ทันสมัยเข้ากับยุคขึ้น คีย์เวิร์ดที่เป็นศัพท์เฉพาะทางซึ่งล้าสมัยแล้วควรได้รับการเปลี่ยนเพราะเสี่ยงที่จะทำให้ค้นหาแล้วไม่เจอ คำแนะนำในการสร้างคีย์เวิร์ด ให้นึกถึงประโยคที่ลูกค้าจะพิมพ์เพื่อค้นหา ซึ่งควรรวมคีย์เวิร์ดที่อยู่ในรูปคำถามไว้ด้วยก็ดี จะทำให้คอนเทนต์ของเรามีโอกาสปรากฏสู่สายตามากขึ้น


ที่มา : 
https://startupnation.com/start-your-business/market-your-business/7-marketing-trends-startups-should-keep-their-eye-on-in-2023/


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup