แม้ว่าหลายคนจะคิดว่า คนแบบ Extrovert จะต้องขายของได้เก่งสุด แต่ไม่ใช่เลย คนแบบ Ambivert ต่างหากที่เป็นพนักงานขายที่ดีที่สุด! สามารถทำรายได้ / ปิดการขายได้มากกว่า Introvert 24 เปอร์เซ็นต์ และมากกว่า Extrovert อย่างเหลือเชื่อถึง 32 เปอร์เซ็นต์
ในวิกฤตที่เกิดขึ้นนี้ก็กลับทำให้เราได้เห็นแบรนด์และผู้ประกอบการที่ฉายแววเป็นนักสู้และเอาตัวรอดได้อย่างโดดเด่น จนเป็นที่จดจำและเป็นตัวอย่างให้กับธุรกิจอื่นหรือบุคคลทั่วไปได้นำไปปรับใช้และสร้างกำลังใจให้กับตัวเองได้
โลกธุรกิจต้องเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงที่ยากจะคาดเดาได้ ตลอดจนสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังคงยืดเยื้ออยู่ในระดับโลก ที่นับเป็นตัวเร่งให้เกิดความท้าทายภายใต้บริบทใหม่ในยุค Next Normal ที่ทำให้ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัว เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลง
เมื่อปีที่แล้ว ณปภัช วรปัญญาสถิต ยังเป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์ นำเข้าแบรนด์ชานมไข่มุกราคา 19 บาทในประเทศไทยไปขายในประเทศกัมพูชา แต่ปีนี้เธอเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ชาไข่มุก Am Tea ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในทั้ง 2 ประเทศ
ในยุคที่โลกธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงในทุกๆ ด้าน ทั้งจากโควิด-19 หรือสภาพเศรษฐกิจ ที่ทำให้คนตัดสินใจลงทุนหรือเลือกซื้อสินค้าเปลี่ยนไป ผู้ประกอบการ SME และ Startup จำเป็นต้องเตรียมตัวและรับรู้เทรนด์ใหม่ๆ ของตลาดก่อนใคร
ธุรกิจการโรงแรมและการท่องเที่ยวน่าจะฟื้นตัวช่วงไตรมาส 3 หรือไตรมาส 4 ของปีหน้า 2564 อาจทำให้เราจำเป็นที่จะต้องมองหาทางออกอื่นสำรองไว้เป็นทางเลือกเพื่อความอยู่รอด คำถามคือ แล้วเราจะสามารถหาโอกาสในสายงานอาชีพอื่นอะไรได้บ้าง?
“KOI Thé” แบรนด์ชานมไข่มุกสุดคูลสัญชาติไต้หวัน ที่เติบโตแล้วกว่า 12 ประเทศทั่วโลก ด้วยจำนวนสาขามากกว่า 300 – 400 แห่ง การเติบโตของ KOI Thé ไม่เพียงเติบโตแค่ตามกระแสนิยม แต่ยังเป็นภาพการเปลี่ยนแปลงของชานมไข่มุกที่มีการพัฒนาจนกลายเป็นเครื่องดื่มพรีเมียม
ผู้บริโภคมักตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการด้วย “อารมณ์” มากกว่าใช้เหตุผลใดๆ ฟังดูแล้วเหมือนเวลาที่เราตกหลุมรักใครสักคน แบรนด์จึงต้องจีบลูกค้าด้วยสร้างความสัมพันธ์ทางด้านอารมณ์ ทำให้ผู้บริโภครักและผูกพันกับแบรนด์ และไม่นอกใจกันไปไหนอีกเลย
เรียกว่าเป็นธุรกิจที่อยู่ในตลาด Red Ocean สุดๆ กับเครื่องดื่มอย่าง ชานมไข่มุก ที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทั้งคนที่มีเงินอยู่ในกระเป๋าก็อยากลงทุนเป็นเจ้าของ หรือในส่วนของทาสชานมไข่มุกก็รอคอยที่จะได้ลิ้มลอง
ไวรัลอาจเป็นกระแสแค่ชั่วข้ามคืน ทำให้ทุกคนพูดถึงพร้อมกันอยู่ 2-3 วัน แล้วก็หายไป เพราะมีไวรัลดังๆ มาถล่มทับ แต่ Word of Mouth นั้นยั่งยืนกว่า เพราะแม้จะไม่ได้ดังเปรี้ยงป้างอะไรมากนัก แต่ก็ทำให้คนพูดถึงสินค้าหรือบริการของเราไปได้อีกนาน
“Infinity Tea @ Nan” แบรนด์ผลิตภัณฑ์จากชาเมี่ยง จังหวัดน่านที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจด้วยการแตกไลน์ผลิตภัณฑ์จาก 1 อย่างให้กลายเป็น 7 อย่าง จนสามารถเพิ่มรายได้จากหลักหมื่นต่อปี ให้กลายเป็นแตะหลักล้านได้ภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี
วันนี้ธุรกิจอาหารยังคงแข่งขันกันรุนแรง และเต็มไปด้วยความท้าทายรอบด้าน แต่ในอนาคตอันไกล ความท้าทายที่จะทวีความสำคัญมากขึ้น คือ “เทรนด์ผู้บริโภค” ที่เปลี่ยนไป ซึ่งเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิตธุรกิจอาหารแห่งอนาคต